ตอนที่แล้วเริ่มกิจกรรมซื้อห้าร้อยหยวน แจกของฟรี! (อ่านฟรี 15/06/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปพวกคุณจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากทำไม (อ่านฟรี 23/06/2567)

เด็กน้อยที่น่าสงสาร (อ่านฟรี 19/06/2567)


“เอ๊ะ! ... เธอไม่เห็นเด็กนี่รึไง ?” เย่เซวียนชี้ไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนกอดขาเขาอยู่ก่อนจะกล่าวออกมา

“ดูเหมือนจะไม่มีใครมองเห็นผมนะครับพี่ชาย นี่ผมตายแล้วเหรอ ?” เด็กหนุ่มกล่าวออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะตายแล้ว

เขาก็สงสัยมาตั้งนานแล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครยอมคุยกับเขาเลย

“อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ก็ไม่เสมอไปหรอก อย่าเพิ่งคิดมากเลย” ชายหนุ่มตอบกลับไปพลางลูบหัวของเด็กตรงหน้า

“...ฉันเห็นแค่นายยืนพูดคนเดียวตั้งนานแล้วอ่ะ นายมองเห็นวิญญาณได้รึไง ?” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาเชิงล้อเล่น แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าตกใจเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“ใช่แล้ว! ฉันมองเห็นวิญญาณได้ เธอรู้ได้ยังไงกัน ?” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยความแปลกใจ

แต่หญิงสาวที่ได้ยินกลับไม่รู้สึกยินดีสักนิด เธอขยับหนีชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัวพลางชี้มาทางเขาด้วยนิ้วที่สั่นเทา

“อย่าบอกนะว่านายเห็นผี แล้วมีผีอยู่ข้างนาย นายเลยคุยด้วยตั้งนานแล้วน่ะ!” เธอกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ

“ก็น่าจะใช่นะ มันแปลกรึไง ?” ชายหนุ่มตอบกลับไปเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ ทำให้หญิงสาวขยับถอยห่างอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

“เอ่อ... ก็คงไม่แปลกมั้ง แต่ฉันกลัวอ่ะ” หญิงสาวตัวเล็กกล่าวออกมาพลางก้มหน้าลงด้วยความอาย

“อืมม ความจริงมันก็มีผี วิญญาณทุกที่นะ จะไปตรงไหนก็มีทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องไปคิดมากหรอก” ชายหนุ่มตอบกลับไปก่อนที่จะเลิกใส่ใจใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย

“พี่ชาย แล้วผมต้องทำยังไงดี ?” เด็กน้อยถามชายหนุ่มด้วยความสับสน ใบหน้าของเด็กน้อยดูอ้างว้าง เปลี่ยวเหงาเป็นอย่างมาก

“นายจำบ้านตัวเองได้ไหม ? ฉันพากลับบ้านดีไหมล่ะ ?” ชายหนุ่มถามเด็กน้อยที่กำลังมองมายังเขาอยู่ เขาสงสัยอีกฝ่ายไม่น้อย

ถึงแม้เขาจะมองเห็นวิญญาณมากมายตลอดเวลา แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะถ้าเกิดไปช่วยสักตนหนึ่ง ก็จะมีอีกหลายตนที่มาขอความช่วยเหลือ ตัวเขาไม่ได้มีความสามารถอะไรที่จะช่วยเหลือด้วยซ้ำ

แต่ด้วยการที่เด็กคนนี้มาขอให้เขาช่วยในรูปแบบที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นวิญญาณ ก็ถือซะว่าเป็นโชคชะตาก็แล้วกัน ช่วยสักครั้งคงจะไม่เป็นไร

“ผม.. ผมจำไม่ได้ แต่ผมจำชื่อหมู่บ้านได้นะ!” เด็กน้อยตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม

“งั้นนายบอกชื่อของนายกับชื่อหมู่บ้านให้ฉันรู้หน่อยสิ” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาไม่อยากให้เด็กน้อยเครียดจนเกินไป

ถึงจะไม่รู้ว่าจะช่วยอีกฝ่ายยังไง แต่ถ้าไปยังหมู่บ้านของเด็กน้อยได้ เขาอาจจะเจอเบาะแสหรืออะไรที่ช่วยให้วิญญาณของอีกฝ่ายไปสู่สุขติก็ได้

“ผมชื่อเหมาเจ๋อครับ ส่วนหมู่บ้านรู้สึกว่าจะชื่อ..ชี..ชีฉิวเป่ยครับ” เด็กน้อยพยายามครุ่นคิดก่อนจะกล่าวออกมา ชายหนุ่มก็ฟังแล้วพยายามจะนึกว่าหมู่บ้านนี้อยู่ที่ไหน แต่ก็คงไร้ประโยชน์เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้มาก่อน คงเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สักแห่งแหละมั้ง

“อยู่ในจังหวัดอะไรล่ะ ?” ชายหนุ่มถามต่อ

“ผะ..ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ผมรู้สึกว่าจะไม่ไกลจากที่นี่มากนะครับ” เด็กน้อยตอบกลับมา

“งั้นคงเป็นจังหวัดนี้ เอาเถอะ นายคอยตามฉันมาก็แล้วกัน ไว้เดี๋ยวฉันพานายกลับบ้านได้ค่อยว่ากันนะ” ชายหนุ่มตอบกลับไปก่อนจะกวักมือให้เด็กน้อยมาอยู่ข้าง ๆ เขา

“คุยเสร็จยังอ่ะ ? ตกลงคุยอะไรกันบ้าง” ฮวาหวู่หลิงที่เห็นว่าชายหนุ่มหยุดพูดคนเดียวแล้วเธอจึงกล่าวออกมา

ครึ่งหลัง

“เสร็จแล้ว คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้...”

ชายหนุ่มเล่าให้อีกฝ่ายฟังทุกเรื่องที่เขาคุยกับเด็กน้อย หญิงสาวที่ได้ฟังก็เกิดสงสารเด็กน้อยที่ว่าเหมือนกัน เธอจึงบอกว่าจะให้คนไปตามหาหมู่บ้านนี้ให้ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะบอกเขาอีกที

“ดูเหมือนกิจกรรมจะใกล้จบแล้วนะ พวกนั้นมันมาอีกแล้วซิ” ฮวาหวู่หลิงกล่าวขึ้นมาพลางชี้ให้ชายหนุ่มดูพวกตำรวจที่เดินมาทางที่พวกเขาอยู่

“อืม พวกนี้มันตามติดยิ่งกว่าเห็บสุนัขเสียอีก” เย่เซวียนก็กล่าวเสริมออกมา พวกบอดี้การ์ดโดยรอบพากันอมยิ้มขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย แถมยังกล้ากล่าวหยอกล้อพวกนี้อีก

“ดูเหมือนงานจะจบแล้วนะครับ ถ้าอย่างนั้นรบกวนพวกคุณไปให้ปากคำที่สถานีด้วยนะครับ” รองสารวัตรเดินเข้ามาหากลุ่มของเย่เซวียนก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง

“แต่เรื่องทั้งหมดฝ่ายนั้นเป็นคนเริ่มนะครับ คุณควรจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือไง ?” เย่เซวียนกล่าวออกมาพลางเอียงคอด้วยความสงสัย แม้คำพูดจะสุภาพแต่ในน้ำเสียงของเขาไม่ได้มีความสุภาพอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ทางคุณเหอจุนเขามีหลักฐานมาจากคลิปที่เขาถูกบังคับให้ต้องคลานแก้ผ้านะครับ ส่วนทางคุณมีหลักฐานอะไรไหม ? ถ้ามีรบกวนแสดงออกมาให้ทางเราดูหน่อยได้ไหมครับ” รองสารวัตรกล่าวออกมาด้วยความสุภาพ

“ถ้าอย่างนั้นไปดูที่ห้องกล้องวงจรปิดกันเถอะ” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมา เธอแอบส่งสัญญาณให้กล้องที่ไลฟ์สดอยู่กลับมาถ่ายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแทน

“รบกวนนำทางให้หน่อยนะคะ” ฮวาหวู่หลิงหันไปกล่าวกับพนักงานของห้างคนหนึ่ง พวกเธอทำเป็นไม่รู้จักกันแล้วให้หญิงสาวแสดงละครไปตามที่ฮวาหวู่หลิงต้องการ

เพราะยังไงตอนนี้กิจกรรมแจกของก็จบลงแล้ว ให้กล้องตัวอื่นไปถ่ายเก็บบรรยากาศแทนแล้วตัดวิดีโอโปรโมทก็ได้ ส่วนกล้องไลฟ์สดมาตามถ่ายเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะดีกว่า

“ได้ครับ” รองสารวัตรกล่าวจบ ทุกคนก็พากันเดินไปยังห้องที่มีเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดเก็บเอาไว้

หลังจากที่ทุกคนเดินเข้าห้องไปแล้วก็พบว่าภายในห้องที่ควรจะมีพนักงานอยู่กลับว่างเปล่า แถมกล้องวงจรปิดก็ดูเหมือนจะเสียขึ้นมาซะอย่างนั้น

“เกิดอะไรขึ้น ? พนักงานในห้องไปไหนกัน” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาด้วยความสงสัย เธอหันไปกล่าวกับพนักงานที่เธอให้นำทางมา

“เอ๊ะ! ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่ปกติจะมีคนอยู่ตลอดนะคะ” พนักงานที่นำทางมาตอบกลับมาด้วยความตกใจ

“ดูเหมือนจะมีคนแอบทำอะไรสินะ...” ฮวาหวู่หลิงหันไปหารองสารวัตรก่อนจะกล่าวออกมา

“ตกลงว่า พวกคุณมีหลักฐานอะไรไหมครับ ? ถ้าไม่มีก็รบกวนตามไปที่สถานีหน่อยนะครับ” รองสารวัตรยิ้มให้ก่อนจะตอบกลับไป

เขาไม่อยากจะลงมือในที่สาธารณะเช่นนี้ เพราะอาจถูกถ่ายภาพหรือวิดีโอได้ เขาจึงได้ลงทุนติดต่อคนรู้จักที่เป็นหุ้นส่วนของห้างซานหมิงถึง 10% ให้ช่วยขโมยเซิร์ฟเวอร์ของกล้องทั้งหมดในห้างตอนที่อีกฝ่ายกำลังจัดงานอยู่มา ถ้าเป็นแบบนี้ยังไงอีกฝ่ายก็ต้องตามเขากลับไปสถานีด้วยกัน เมื่อไปถึงแล้วนั่นก็จะเป็นโอกาสดีที่จะยัดข้อหาต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น

ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีบอดี้การ์ดมาด้วยนิดหน่อย แต่ก็คงไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตอะไรหรอก!

\           ไม่อย่างนั้นป่านนี้อีกฝ่ายคงแสดงอะไรออกมาบ้างแล้ว ไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบจนถึงตอนนี้หรอก! อีกอย่างเขาก็ได้แอบเอารูปอีกฝ่ายให้คนรู้จักคนนั้นดูแล้ว ปรากฏว่าไม่รู้จัก ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าไม่น่าจะเป็นคนมีอิทธิพลอะไรนัก

“ไปเรียกผู้ดูแลที่นี่มาหน่อยได้ไหม ? การที่กล้องหายไปแบบนี้มันแปลกเกินไป” เย่เซวียนที่เห็นภาพตรงหน้าจึงกล่าวออกมา

“ผมนี่แหละผู้ดูแลที่นี่ มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ ?” มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด