บทที่ 77 ขั้นวรยุทธไร้เทียมทานอีกแล้ว!
ขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน!
เขามาถึงขั้นวรยุทธไร้เทียมทานแล้วจริงๆ!
และมันคือเพลงกระบี่สี่ฤดู ในขั้นวรยุทธไร้เทียมทานอันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
เมื่อทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาตนแล้วว่าหยางเสี่ยวเทียน คือผู้ที่ฝึกฝนเพลงกระบี่สี่ฤดูจนถึงขั้นวรยุทธไร้เทียมทานของขั้นวรยุทธแล้วจริง พวกเขาก็มิอาจเอื้อยเอ่ยวาจาใดๆ ได้อีก
หูซิง เฉิงเป้ยเป้ยและหยางจง ต่างตกตะลึงด้วยสีหน้าไม่เชื่อ
เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขา หากจะให้ยอมรับว่าคนเยี่ยงหยางเสี่ยวเทียน ซึ่งเป็นวิญญาจารย์ผู้มีเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสอง ฝึกฝนเคล็ดวิชากระบี่สี่ฤดูจนบรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทานสำเร็จได้จริงๆ
เกาลู่แหงนมองบรรดาเศษน้ำแข็งแลเกล็ดหิมะที่ร่วงหลนลงมาจากฝ้าเพดาน ทั่วทุกพื้นที่ภายในต่างขาวโพลนปกคลุมไปด้วยหิมะ ราวกับห้องนี้ตกอยู่ในช่วงฤดูเหมันต์ ดวงตาของเขาเหม่อมองด้วยความประหลาดใจขณะพึมพำกับตนเอง
“วรยุทธไร้เทียมทาน! บรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทานอีกแล้ว!”
ทักษะแรก หยางเสี่ยวเทียนก็ฝึกฝนเพลงหมัดราชันพยัคฆ์จนบรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน สิ่งนั่นก็ทำให้เขาตกใจจวนจะกระอักเลือดอยู่แล้ว
ต่อมาในเพลงกระบี่สี่ฤดู เขาก็บรรลุเข้าขั้นวรยุทธไร้เทียมทานอีกเช่นกัน เพลานี้ เกาลู่แทบไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆ ของตนออกมาเป็นคำกล่าวได้อีก มันราวกับมีก้อนศิลาหนักอึ้งติดอยู่ในทรวงอกแลลำคอ ขวางทางคำกล่าวเหล่านั้น
เพลงกระบี่สือซาน ก็ฝึกฝนจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ!
เพลงหมัดราชันพยัคฆ์ก็ถึงขั้นวรยุทธไร้เทียมทาน!
แล้วยังฝึกเพลงกระบี่สี่ฤดู จนบรรลุในขั้นวรยุทธไร้เทียมทานไม่ต่างกัน!
ในการประเมินวรยุทธเดือนแรกนี้ หยางเสี่ยวเทียนไม่ควรเป็นอันดับหนึ่งมิใช่หรือ เขาควรเป็นพวกที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มไร้พรสวรรค์และมีความบกพร่องสุดของปีหนึ่ง
เกาลู่ตกอยู่ในอารมณ์สับสนซับซ้อน
จะเป็นเรื่องน่าขันเพียงใด หากศิษย์ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของสำนักเสินเจี้ยน เป็นศิษย์ผู้มีเพียงวิญญาณยุทธ์เต่าขยะระดับสอง คงไม่มีเรื่องใดน่าอัปยศต่อสำนัก และศิษย์ผู้มีวิญญาณยุทธ์สมบูรณ์แต่กำเนิดคนอื่นๆ มากเท่านี้แล้ว
ขณะที่เกาลู่ยังพร่ำคิดเรื่องน่าอับอายเหล่านั้น หยางเสี่ยวเทียนผู้ไม่เคยคิดแยแสหรือสนใจผู้ใด ใบหน้ายังคงมุ่งมั่นพร้อมแทงกระบี่ในมือออกไปเบื้องหน้า เริ่มร่ายรำทักษะเพลงกระบี่ต่อไป อย่างไร้ซึ่งความเหน็ดเหนื่อย
“กระบี่ลมพริ้ว!”
นี่คือกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่สือซาน
ก่อนหน้านี้ เพลงกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียน มีความพริ้วไหวอยู่ในขั้นสมบูรณ์แบบ
แต่ครานี้ ต่อสายตาของทุกคนอันล้วนได้ประจักษ์โดยทั่วกันแล้วว่า ปราณกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียน ถูกแยกออกเป็นสองเล่ม
“ปราณกระบี่ สามารถแยกออกเป็นสองเล่มได้จริงน่ะหรือ” ศิษย์คนหนึ่งเห็นสิ่งนี้ จึงรู้สึกฉงนใจเพราะไม่รู้ว่ามันสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร
แต่เมื่อเกาลู่ หลินหยง เฉินหยวน หูซิง และคนอื่นๆ ปรากฏเห็นสิ่งนี้แก่สายตา สีหน้าของพวกเขาก็ผันเปลี่ยนไป
มันเป็นเรื่องจริงหรือ ทักษะของเพลงกระบี่ลมพริ้ว มันสามารถแยกปราณกระบี่ออกมาโจมตี เป็นสองเล่มได้จริงอย่างในคัมภีร์กล่าว
ระหว่างยังใคร่หาคำตอบ จู่ๆ ปราณกระบี่ก็แยกออกจากกันอีกครั้ง ความสังสัยแรกยังมิทันกระจ่าง ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าพิศวงสร้างความประหลาดใจแก่ทุกสายตา
สี่! ปราณกระบี่จากสองเล่มเมื่อครู่ ตอนนี้ได้แยกเพิ่มมาอีกเป็นสี่เล่ม
ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจในปราณกระบี่ทั้งสี่เล่ม ไม่ช้ามันก็แยกกันออกอีกครั้ง
แปด! ตอนนี้มันแบ่งออกเป็นแปดเล่ม! นี่…นี่…นี่มัน…
เมื่อทุกคนคิดว่ามันจะถูกแบ่งแยกต่อไป ทันใดนั้น ปราณกระบี่ที่แบ่งออกเป็นแปดเล่มก็ผสานเข้าด้วยกัน เหลือเพียงกระบี่เล่มเดียว
หยางเสี่ยวเทียนฟาดกระบี่ทีละกระบวนท่าไม่หยุดหย่อน
บางท่วงท่าก็รวดเร็วปราดเปรียว บางท่วงท่าก็เชื่องช้าแต่กลับพลิ้วไหว บางท่วงท่าที่ทะยานไปบนเวหาก็ร่ายร่ำอย่างอ่อนช้อย บางท่วงท่าที่ดูหนักหน่วงก็ทรงพลังประดุจมังกรว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยว
ศิษย์หลายคนต่างรู้สึกทึ่งกับมัน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวรยุทธกระบี่ขั้นเซียนยุทธ์ เช่นเพลงกระบี่สือซาน จะสามารถแสดงพลังได้อัศจรรย์ถึงเพียงนี้ วันนี้ช่างได้เปิดเปิดหูเปิดตายิ่งนัก
ทุกการฟาดฟันด้วยกระบี่แต่ละครั้งของหยางเสี่ยวเทียน ทำให้หัวใจของพวกเขาราวจะหยุดเต้นตามจังหวะของกระบี่ที่ตวัดออกไป
ทุกการเหวี่ยงกระบี่ทั้งปราณีตและไร้ที่ติ ปราณกระบี่ทุกเล่มพริ้วไหวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปราณกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนสร้างวังวนลมหมุน ถังขยะในห้องเรียนที่ถูกหมัดพยัคฆ์ก่อนหน้าเขาทะลวง ก็โดนปราณกระบี่พัดพาให้มันต้องลอยละลิ่วขึ้นสูงไปในอากาศเหนือห้องเรียนอีกครั้ง
ศิษย์ที่มองอย่างตั้งใจ ต่างได้พบว่าท่วงท่าการเต้นรำของเจ้าถังขยะนี้งดงามดั่งมีชีวิต
แม้แต่หญิงงามในโรงเตี๊ยมร้องรำทำเพลงขณะสร้างความอภิรมย์แก่บุรุษ ยังมิอาจสง่างามได้ปานนั้น ไม่งดงามปานนี้
“กระบี่ธรณีพินาศ!”
หยางเสี่ยวเทียนออกกระบวนท่ากระบี่อีกครั้ง
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ที่ฟาดออกไป ก็พลันกลายเป็นคลื่นกระบี่ ราบเรียบแลเฉียบคมราวกับผืนกระจก
ไม่ช้า ถังขยะที่กำลังเต้นรำ ก็พลันหยุดนิ่ง
ด้วยหยางเสี่ยวเทียนได้หยุดมือ แล้วเก็บกระบี่เขาฝักทั้งยังยืนนิ่งอย่างสงบบนลานฝึกกลางห้อง
แต่เจ้าถังขยะที่กำลังตกลงสู่พื้น กลับแยกออกเป็นชิ้นๆ จนที่สุด ก็เหลือเพียงเศษซากอันนับไม่ถ้วน ราวกับกลีบบุปผาเป็นพันๆ โปรยปรายไปในอากาศ
ทั้งยังล่องลอยอยู่นานสองนาน ราวกับพวกมันได้รับพลังหนุนจากปราณกระบี่ จึงมิอาจร่วงลงมาในคราเดียวได้
“ปราณกระบี่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นี่เขาบรรลุขั้นวรยุทธไร้เทียมทานอีกแล้วรึ!” เซี้ยฉู่อุทานเสียงหลง
ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยประลองกับหยางเสี่ยวเทียนโดยใช้เพลงกระบี่สือซาน จึงมิแปลกที่ยามนี้จะตกตะลึงยิ่ง เมื่อเห็นปราณกระบี่ยังคงล่องลอยมิจางหาย