บทที่ 75 แสดงมันออกมา!
“โอ้ เปิดหูเปิดตางั้นหรือ” หยางเสี่ยวเทียนเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเจิ้งจื้อเผิง ก็พลางสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ในเมื่อเจ้าสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบได้ในหนึ่งปี มันแสดงให้เห็นว่าพรสวรรค์ด้านกระบี่ของเจ้านั้นน่าทึ่งมาก เช่นนั้น เจ้าต้องฝึกฝนเพลงกระบี่สี่ฤดูมาเป็นอย่างดีเช่นกัน” เจิ้งจื้อเผิงกล่าว
น้ำเสียงเนิบนาบขณะใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “แสดงมันออกมา ให้เราได้เปิดหูเปิดตาได้หรือไม่”
เฉินปิงเหยาผู้ซึ่งพ่ายแพ้ให้กับหยางเสี่ยวเทียนถึงสองหน ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งตนพร้อมตะเบ็งเสียงสำทับออกมาเช่นกัน “หยางเสี่ยวเทียน ที่เจ้ามิกล้าแสดงมันออกมา ด้วยยังไม่แตกฉานเคล็ดวิชากระบี่สี่ฤดูใช่หรือไม่”
จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะลั่นห้องแลเสริมต่อ “หรือเจ้าอ่านแล้ว แต่ไม่เข้าใจงั้นรือ ฮ่า ฮ่า…”
บรรดาศิษย์ทุกคนในห้องต่างหัวเราะยกมือกุมหน้าท้องตนจนตัวโยน โดยไม่สังเกตุถึงสีหน้าเรียบเฉยขณะยิ้มมุมปากราวไร้ความรู้สึกของหยางเสี่ยงเทียนเลยแม้แต่น้อย
หยางเสี่ยวเทียนหันหาเกาลู่อย่างใจเย็นพลางเปิดปากถามเขา “ข้าจำได้ว่า ทางสำนักมีกฎว่าหากผู้ใดสามารถฝึกฝนวรยุทธภาคบังคับจนบรรลุถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศ ตลอดภาคการศึกษานั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาสอบประจำเดือน ข้าเข้าใจถูกต้องหรือไม่”
เสียงหัวเราะขบขันแลท่าทีคล้ายจะสำลักน้ำลายตายของบรรดาศิษย์เมื่อครู่ดับวูบ ด้วยตกใจกับคำถามที่เพิ่งกล่าวจบ
ขณะทุกคนต่างหยุดเงียบสีหน้าหนักใจ เจิ้งจือเผิงกลับกระแทกเสียงหัวเราะสอดเสือกความเงียบออกมาทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้
“หยางเสี่ยวเทียน เจ้าคงไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าเชี่ยวชาญเพลงหมัดราชันพยัคฆ์และเพลงกระบี่สี่ฤดูในขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้วใช่หรือไม่”
เกาลู่หันขวับกลับมากล่าวกับหยางเสี่ยวเทียนทันควัน “ถูกต้อง ตราบใดที่เจ้าเชี่ยวชาญเพลงหมัดราชันพยัคฆ์ เพลงกระบี่สี่ฤดู และเพลงกระบี่สือซาน จนถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องสอบทุกเดือนในภาคการศึกษานี้…”
ยังไม่ทันที่เกาลู่จะปิดปากลง หยางเสี่ยวเทียนก็พลันเผยยิ้มทันทีพร้อมกระโดดเหินไปในอากาศราวกับพยัคฆ์กระหายเลือด กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงแผ่กระจายออกไปจวนทั่วพิภพ
ทำสีหน้าเจิ้งจื้อเผิงตอนนี้ซีดเผือดด้วยหวาดกลัวจนต้องถอยหลังออกไป ทั้งที่หยางเสี่ยวเทียนยังมิทันลงมือแสดงทักษะของเพลงหมัดราชันพยัคฆ์เสียด้วยซ้ำ
หยางเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่น แล้วชกออกไปในอากาศ
ทันใดนั้น เสียงคำรามของพยัคฆ์ร้ายก็แผดดังออกไปถึงนอกห้องจนสะท้านทั่วหอการศึกษา
บรรดาศิษย์ห้องอื่นในหอการศึกษา ที่กำลังตั้งใจแสดงทักษะของตนเองอยู่ ต่างสะดุ้งด้วยความตกใจ
สีหน้าของเกาลู่ผันเปลี่ยนไป ในปากก็พลางอุทานขึ้น “นี่มัน…”
แม้แต่เพลงหมัดราชันพยัคฆ์ที่บรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว ก็มิอาจทรงพลังได้มากถึงเพียงนี้
เว้นเสียแต่ว่า!
ทุกสายตาในห้อง ต่างได้ประจักษ์เห็นปราณจากหมัดที่ปล่อยออกมาคล้ายคลาดั่งพยัคฆ์ขนาดใหญ่อันน่าสะพรึง พุ่งทะยานผ่านอากาศด้วยพลังมหาศาล ทำให้เกิดกระแสลมม้วนตามหลังพยัคฆ์ขณะมันเคลื่อนผ่าน
ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็ลอยตัวลงมา ครั้นปลายเท้าแตะพื้นลานเขาก็เปลี่ยนจากหมัดที่กำแน่น กางขยุ้มดุจกรงเล็บแล้วฟาดลงสู่พสุธาทันที
ผืนปฐพีสั่นสะเทือนราวทรมานจากอาการหนาวเย็น ส่งให้ทั่วทั้งหอการศึกษาแตกตื่นด้วยแรงสะท้าน
เสียงร้องคำรามของพยัคฆ์ ดังก้องแลรุนแรงไปถ้วนทั่ว
“นี่มันเพลงหมัดราชันพยัคฆ์ ทว่าใครกันที่กำลังฝึกเพลงหมัดราชันพยัคฆ์อยู่ พลังมหาศาลเช่นนี้ต้องเป็นขั้นสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน!”
เหล่าอาจารย์และศิษย์ในห้องเรียนอื่นๆ ในหอการศึกษาเกิดความเดือดพล่านด้วยใคร่สงสัยถึงเจ้าของแรงสั่นสะเทือนอันทรงพลังนี้
เซี้ยฉู่จากห้องหนึ่ง ผู้เคยพ่ายแพ้ให้หยางเสี่ยวเทียนก็ตกใจกับพลังนี้อย่างพลางสงสัยว่า “ดูท่าแล้วน่าจะมาจากห้องสี่เป็นแน่ หรือเจิ้งจื้อเผิงฝึกฝนเพลงหมัดราชันพยัคฆ์จนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ!”
“เร็วเข้า ไปดู!”
คณะอาจารย์แลศิษย์ต่างวิ่งกรูกันออกจากห้องของตน ตรงไปยังแหล่งกำเนิดพลังกันอย่างอลหม่าน
ต่อจากนั้น ทั้งอาจารย์และศิษย์จากห้องอื่นที่ละทิ้งการสอบของพวกตน ทยอยมาถึงยังห้องสี่กันล้นหลาม
ในห้องเรียน หยางเสี่ยวเทียนยังคงเคลื่อนไหวออกกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง เขาเหวี่ยงขาฟาดออกไปคล้ายพยัคฆ์ตวัดหาง ส่งปราณอันรุนแรงประดุจแส้ พุ่งออกไปกระทบถังขยะยังมุมห้องจนปลิวว่อนในทันที
เมื่อเซี้ยฉู่พร้อมกลุ่มอาจารย์แลศิษย์ปรี่มายังห้องสี่ออรวมกันอยู่หน้าประตู ก็เห็นหยางเสี่ยวเทียน กระโดดปราดขึ้นเหนือพื้นลาน พุ่งหมัดชกออกไปทางประตูห้อง
“พยัคฆ์คำรามสวรรค์!”
ปราณจากหมัดที่ปล่อยออกมากลายเป็นภาพธรรมของพยัคฆ์ขนาดใหญ่ โฉบไปทางเซี้ยฉู่และคนอื่นๆ ซึ่งยืนเบิกตากว้างอยู่กลางประตู
ภาพธรรมพยัคฆ์ที่โผงใกล้เข้ามาด้วยพลังมหาศาลอย่างมิอาจหยุดยั้ง ทำเซี้ยฉู่และคนอื่นๆ ต่างยื่นแข็งทื่อ มือไม้สั่นเทาด้วยอาการที่เปลี่ยนไป จนในใจส่งเสียงตะโกนดังขึ้นจากก้นบึ้งว่า หลบไป! หนีไป!
ครั้นได้สติ ขาแข้งที่กำลังหยั่งรากก็พลันจะกระโจนหลบด้วยสัญชาตญาณความหวาดกลัว ก่อนภาพธรรมพยัคฆ์ตรงหน้า จะผันเปลี่ยนทิศทางหันไปยังมุมหนึ่งในห้องเรียน
บูม!
ถังขยะอีกใบในห้องเรียนถูกกระแทกด้วยแรงปะทะมหาศาลจนลอยละลิ่วขึ้นสูงทันที
พอถังขยะนั้นร่วงลงมา สายตาทุกคู่ถึงได้เห็นรูที่ถูกทะลวงอันน่าประหลาดใจตรงกลางถังขยะ
อย่างไรก็ตาม หมัดนี้เพียงเจาะทะลวงเท่านั้น ทว่าความคมของหมัดที่สามารถเจาะจนเป็นรูได้ต้องมีความรุนแรงและความเร็วที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่
เพราะถังขยะบางๆ เช่นนี้ หากแรงหมัดและความเร็วไม่เพียงพอ มันต้องแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนหยุดมือ
แต่ภายในห้องเรียนกลับปรากฏร่างเงาของหยางเสี่ยวเทียนถึงเก้าร่างลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งแต่ละร่างนั้น ล้วนแสดงท่วงท่าแตกต่างกันดั่งกระบวนท่าทั้งเก้าของเพลงหมัด ชั่วพริบตาพวกมันก็ค่อยๆ ลอยวับกลับสู่ร่างกายที่แท้จริงของหยางเสี่ยวเทียน