บทที่ 7 อัดหวังฉิง
วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มได้เดินไปที่ลานประลองอย่างรวดเร็ว วันนี้มีผู้คนจำนวนมากอยู่บริเวณลานประลอง
เพราะว่าหวังฉิงนั้นได้แพร่ข่าวเรื่องการประลองออกไปเป็นจำนวนมาก
“คนเยอะดีแหะ มันคงอยากจะขายหน้ามากสินะถึงได้ทำเช่นนี้”ที่ชายหนุ่มนั้นรังเกียจหวังฉิงเป็นเพราะมันชอบดูถูกตนที่เมื่อก่อนนี้ไม่สามารถดูดซับพลังปราณได้
แต่มันก็ทำได้แค่ดูถูกเพราะถ้ามันเข้าใกล้ชายหนุ่มเมื่อก่อนเกินไปอาจจะซวยเอาได้ มันเลยเอาแต่ยืนด่าจากที่ไกลๆเท่านั้น
“โฮ่ เจ้ากล้ามาด้วยอย่างนั้นรึ”หวังฉิงกล่าวออกมาอย่างดูถูกขณะยืนรออยู่บนลานประลอง
“แค่เจ้าเนี่ยนะจะทำให้ข้าไม่มา”ชายหนุ่มกล่าวอย่างหน่ายใจเป็นอย่างมาก
“คนเยอะดีนะเนี่ย…เชิญมาให้เจ้าขายขี้หน้าอย่างนั้นเรอะ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมยิ้มเหยียด
“เหอะ ปากดีไปเถอะตอนโดนข้าอัดอย่าร้องละกัน”หวังฉิงแสยะยิ้มออกมา
“เฮ้ย หวังเล่อเฉิงมันเป็นขยะไม่ใช่รึ มันกล้ามาท้าทายคุณชายหวังฉิงที่อยู่ระดับก่อเสริมจิตขั้น 9 ได้อย่างไร”คนในฝูงชนที่มาดูคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ข่าวเจ้ามันเก่าแล้ว หวังเล่อเฉิงจู่ๆมันก็ดูดซับพลังปราณได้แล้วไปต่อยคุณชายหวังฉิงสลบเมื่อ 2 ปีก่อน”อีกคนกล่าว
“เฮ้ย จริงดิมันเนี่ยนะ”ผู้ชมอีกคนถามอย่างสงสัย
“มันก็น่าจะเล่นทีเผลอเหมือนที่คุณชายหวังฉิงเอ่ยนั่นแหละ”หนึ่งในผู้ชมกล่าวอย่างดูแคลน
ชาวหนุ่มเดินขึ้นไปบนเวทีประลองอย่างรวดเร็ว
ฟุ่บบ
“การแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนตระกูล เริ่มได้”ผู้อาวุโสในคนหนึ่งปรากฏตัวและกล่าวออกมา
“ย้ากกกกก หมัดเพลิงทลายนภา”ชายหนุ่มพุ่งเข้าไปพร้อมสาวหมัดออกไป
“ฮึ หมัดพยัคฆ์พิโรธ”หวังฉิงปล่อยหมัดออกไปด้วยท่าทีสบายๆ
ตูมมมมมมมม
ฝุ่นควันกระจายไปทั่วทั้งลานประลอง
“เป็นไปไม่ได้!!! ข้าบรรลุระดับก่อลมปราณขั้นที่ 1 แล้วทำไมพลังถึงเท่ากัน”หวังฉิงกล่าวอย่างร้อนรน
“ระดับก่อลมปราณจริงรึ…ข้าอยู่ที่ระดับก่อเสริมจิตเจ้ายังทำอะไรข้าไม่ได้เลย”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมใช้ย่างก้าวพันเงาสร้างเงาตัวเองขึ้นมา 10 เงา
“บัดซบ!!…ข้ายังใส่พลังไม่เต็มที่ลองรับฝ่ามือข้าดู ฝ่ามือเพลิงสยบปฐพี”หวังฉิงใช้วิชาฝ่ามือโจมตีออกมาเป็นบริเวณกว้าง
ฟึ่บบ
ชายหนุ่มโผล่มาข้างหลังของหวังฉิงแล้วต่อยออกไปด้วยหมัดเสริมลมปราณ
อั่กกกก
หวังฉิวโดนเข้าไปเต็มๆถอยออกมา 8 ก้าวแล้วกระอักเลือดออกมา
“บัดซบแกเป็นแค่ขยะอย่ามาทำเป็นเก่งหน่อยเลย”หวังฉิงโกรธสุดขีดพร้อมหยิบดาบระดับปฐพีของตนออกมา
“วิชาดาบทลายอสูร ดาบฝ่ามวลอสูร”หวังฉิงใช้วิชาดาบของตนออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮ่า ฮ่า มา ข้าจะใช้ร่างกายของข้ารับนี่แหละ”ชายหนุ่มอยากทดสอบวิชากายาที่ตนเองฝึกมาจนถึงขั้นกลางแล้ว
เคร้งงงง เคร้งง เคร้งงงงง
เกิดเสียงคล้ายเหล็กกระทบกันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“บ้าน่า เจ้ารับดาบข้าได้ยังไงกัน”หวังฉิงกล่าวพร้อมสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“เพราะข้าเก่งยังไงเล่า เจ้าไม่เข้าใจหรอก”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมใช้กระบวนท่าที่ตนเองฝึกมาอย่างชำนาญโจมตีหวังฉิงอย่างต่อเนื่อง
“บัดซบ!!! เจ้าอย่าให้ข้าได้เอาจริง”หวังฉิงข่มขู่ออกมา
“งั้นเจ้าก็เอาจริงได้แล้วไม่งั้นได้นอนสลบอีกแน่”ชายหนุ่มยั่วยุ
“แกบังคับข้าเองนะ”หวังฉิงกล่าวพร้อมใช้พลังจากเส้นลมปราณเพลิงนภาครามของตนออกมาอย่างเต็มที่
ฟู่ววววววววววว
เปลวเพลิงห่อหุ้มทั้งร่างของหวังฉิงอย่างรวดเร็ว
“โอ้ เส้นลมปราณระดับนภางั้นเรอะ แถมยังใช้วิชาระดับนภาขั้นต่ำได้อีกด้วย”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับกลืนกินพลังปราณรอบๆเข้ามาฟื้นฟูลมปราณของตนทันที
“เจ้าขยะ ตายซะ!!!!”หวังฉิงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ร้อนแหะ แต่ยังกระจอกอยู่”ชายหนุ่มใช้ท่าเท้าหลบหลีกทันที
“เหอะ แกหลบข้าไม่พ้นหรอก เพลิงพิโรธถล่มนภา”หวังฉิงใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนทันที
“โอ้ ลูกไฟนั่นใหญ่ใช้ได้งั้นเจอนี่หน่อย ฝ่ามือแหวกนภา”
บึ้มมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อวิชาทั้งสองปะทะกัน
“แฮกก แฮกกก บัดซบข้าทุ่มสุดตัวแล้วยังชนะมันไม่ได้อีกงั้นเรอะ”หวังฉิงกล่าวพร้อมหน้าซีด
“เจ็บใช่ย่อยนะเนี่ย แต่จบแค่นี้แหละ”ชายหนุ่มโดนเพลิงของหวังฉิงเข้าไปเล็กน้อยทำให้เสื้อผ้าของชายหนุ่มขาดวิ่น
“ฝ่ามือธรรมดา ย่าาา”ชายหนุ่มปล่อยฝ่ามือธรรมดาของตนลงท้ายทอยของหวังฉิงอย่างรวดเร็ว
อั่กกก
หวังฉิวพลันสลบลงไปทันที
“ผู้ชนะ หวังเล่อเฉิง”ผู้อาวุโสคุมการประลองกล่าว
ฝูงชนเงียบกริบ
“ใครบอกว่ามันเป็นขยะฟะ”
“มันบาดเจ็บเล็กน้อยเองนะเฟ้ย”
“มันอยู่ระดับก่อเสริมจิตแต่ชนะระดับก่อเสริมปราณได้นี่มันอัจฉริยะแล้ว”
เสียงในฝูงชนกล่าวออกมาอย่างเซ็งแซ่
ชายหนุ่มกลับห้องของตนเองอย่างรวดเร็วเพื่อไม่อยากเจอเรื่องน่ารำคาญ
“หนักเอาเรื่องอยู่นะเนี่ย”ชายหนุ่มสำราจร่างกายของตนที่มีแผลไฟไหม้นิดหน่อย แต่พลังปราณของชายหนุ่มหมดเกลี้ยง
ถึงจะมีเส้นลมปราณกลืนกินแต่กายากลั่นสวรรค์นั้นยังอยู่ระดับมนุษย์อยู่เลยเริ่มที่จะกลั่นพลังได้ช้ากว่าที่ดูดซับเข้ามาแล้วเพราะจะต้องกลั่นเป็นปราณธรรมชาติก่อนจะดูดซับเข้าเส้นลมปราณแล้วปลดปล่อยออกมา
“การจะพัฒนากายกลั่นสวรรค์ได้จะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลเลยทีเดียว แค่การเลื่อนเป็นขั้นปฐพีก็ใช้ 10 หินลมปราณระดับต่ำแล้ว แพงถึง 10,000 เหรียญทองเลยทีเดียว”ชายหนุ่มคิดหนักกับเรื่องนี้แล้ว
10,000 เหรีญทองถือเป็นเป็นจำนวนมากสำหรับชายหนุ่มเป็นอย่างมากเพราะเขานั้นได้สัปดาห์ละ 100 เหรีญทองเอง
“ข้าต้องไปสมาคมหลอมโอสถ หรือไม่ก็สมาคมผู้ใช้ค่ายกลซะแล้ว”ชายหนุ่มคิดจะไปหลอมโอสถไม่ก็สร้างค่ายกลเพื่อหาเงินเป็นจำนวนมาก
เพราะ 2 อาชีพนี้นั้นทำเงินได้มากมายมหาศาลเลยทีเดียว 3 ใน 10 ส่วนรายได้ของตระกูลนั้นมาจากแม่ของเขาที่เป็นผู้ใช้พลังจิต
“งั้นข้าไปทดสอบเอาตราของทั้ง 2 สมาคมแล้วค่อยมาหาวิธีทำเงินจำนวนมากก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มเตรียมเดินทางเข้าไปในเมืองศาลาหยกเพราะตระกูลของตนนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกนอกเมืองเนื่องจากเป็นทางเข้าป่าแสงจันทร์ในทิศใต้
“ข้าจะได้เข้าไปในเมืองอย่างสบายใจแล้ว”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างยินดี
ชายหนุ่มนั้นไม่ได้เข้าเมืองบ่อยๆเพราะกลัวจะไปสร้างหายนะในเมืองเข้าเลยอยู่แต่ในตระกูลแต่คราวนี้ชายหนุ่มได้ใช้พลังปราณและกายากลั่นสวรรค์ผนึกสายเลือดของตนเองไว้แล้ว