บทที่ 6 สองปีผันผ่าน
ตั้งแต่ที่เด็กหนุ่มเข้าไปฝึกฝนในป่าแสงจันทร์ก็ผ่านมาได้เกือบจะ 2 ปีแล้วเหลืออีกไม่กี่วันก็จะถึงงานประลองระหว่างตระกูล
ฟึ่บๆๆ
เสียงกระโดดระหว่างต้นไม้ดังขึ้นในทิศตะวันออกของป่า
มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังไล่ล่าหมาป่าเขี้ยวเหล็กอยู่
“ไอ้หมาเวรแน่จริงเองอย่านี้สิโว้ย”ชายหนุ่มตะโกนดังไล่หลังหมาป่าเขี้ยวเงินมา
วิ้งงงงงงง
ฉึก ฉึก ฉึก
ปราณกระบี่ ดาบ และ หอก แทงเข้าไปที่หมาป่าเขี้ยวเงินอย่างเต็มเปา
บรู้ววววววว
ตุบ
หัวของหมาป่าเขี้ยวเงินหล่นลงตกลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว
“เจตจำนงอาวุธของข้านั้นมาถึงระดับ 1 อย่างสมบูรณ์แล้ว”
2 ปีที่ผ่านมานี้ชายหนุ่มได้โตขึ้นมากราวกับเด็กอายุ 15-16 ปีแล้วที่เป็นเช่นนี้เพราะชายหนุ่มฝึกวิชากายาทำให้ร่างกายนั้นเติบโตขึ้นมาก และยังได้บรรลุเจตจำนงของอาวุธทั้ง 7 ชนิดที่ตนมีในระดับขั้น 1 ทั้งหมด
โฮกกกกกกก
สิงโตตัวสีแดงปรากฏขึ้นหลังชายหนุ่มขณะที่ชายหนุ่มกำลังผ่าเอาแกนอสูรอยู่
“โอ้ สิงโตเพลิงระดับ 3 ขั้นกลางถ้าข้าสู้เองคงไม่ไหวเป็นแน่”ตอนนี้ชายหนุ่มนั้นมีระดับพลังอยู่ที่ระดับก่อเสริมจิต ขั้น 6 แล้ว
ชายหนุ่มบรรลุระดับก่อเสริมจิตตั้งแต่เมื่อ 10 เดือนแรกที่เข้ามาแล้วแต่ที่ยังอยู่ระดับก่อเสริมจิตทั้งที่มีเส้นลมปราณที่ดูดซับปราณนั้นได้ดีเพราะขั้นก่อเสริมกายานั้นชายหนุ่มบรรลุอย่างสมบูรณ์โดยเป็นขั้นที่ 10
ปกติแล้วคนอื่นจะเข้าสู่ขั้นที่ 9 แล้วเลื่อนระดับเพราะขั้นที่ 10 นั้นจะต้องทำให้ปราณนั้นบริสุทธิ์มากและมีปราณที่เก็บสะสมมากพอทะลวงไปสู่ระดับก่อเสริมจิตขั้นสูงเลยทีเดียวแต่ที่ชายหนุ่มทำเพราะมันจะช่วยให้ชายหนุ่มสามารถสู่กับคนที่มีระดับมากกว่าได้เยอะขึ้น
และยังช่วยทำให้ในอนาคตชายหนุ่มสามารถทะลวงขอบเขตได้แข็งแกร่งกว่าคนรุ่นเดียวกันมากมายเลยทีเดียว
ด้านการหลอมโอสถของชายหนุ่มก็พัฒนาขึ้นมามากตั้งแต่การระเบิดครั้งนั้นชายหนุ่มก็ไปเตาหลอมมาใหม่และ ปรุงยาหลากหลายชนิดจนสามารถเป็นนักหลอมโอสถระดับ 3 ได้แล้ว แถมโอสถระเบิดที่ชายหนุ่มเป็นคนคิดขึ้นมาก็มีความรุนแรงที่ต่อให้เป็นระดับก่อตันเถียนก็จับหนักพอสมควร
“มาเลยเจ้าสิงโต แน่จริงก็ตามข้าให้ทันสิ”ชายหนุ่มเอ่ยพลางใช้วิชาย่างก้าวพันเงาที่ชายหนุ่มนำเอาวิชาท่าเท้ามารวมๆกันได้วิชานี้ขึ้นมาทันที
โฮกกกกกก
เมื่อมันโดนยั่วยุเช่นนั้นก็รีบตามชายหนุ่มไปอย่างรวดเร็ว
“เอาละได้เวลาลองของใหม่แล้ว”ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมหยิบเม็ดยาสีแดงออกมาจากแหวนมิติ
“ข้ามีของกินมาฝาก ไม่ต้องเกรงใจข้าให้แล้วไม่คืนรับไปได้เลย”ชามหนุ่มกล่าวพร้อมโยนเม็ดโอสถนี้เข้าใส่สิงโตเพลิง
ตูมมมมมมมมม
เสียงระเบิดดังสนั่น ต้นไม้รอบๆหักโค่นหมด
“โว้ว โอสถระเบิดแบบใหม่เจ๋งดีแหะ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมค่อยๆเดินเข้าไปดูสิงโตเพลิง
สภาพของมันนั้นน่ากลัวมากตัวของมันเละไปครึ่งตัวเลยทีเดียว
“สภาพนี้ร้านเขาจะรับซื้อไหมละเนี่ย”เด็กหนุ่มคิดพร้อมเก็บซากเตรียมเดินกลับโบราณสถาน
วันนี้ชายหนุ่มนั้นจะเก็บของทุกอย่างเพื่อกลับบ้านแล้ว อีก 1 เดือนข้างหน้าจะถึงวันประลองระหว่างตระกูลแล้ว
เมื่อกลัยมาถึงชายหนุ่มก็บอกลาเสี่ยวจิ้งพร้อมกับจิ้งจอกวายุตัวอื่นๆแล้วเดินทางกลับ
ชายหนุ่มใช้เวลา 1 ชั่วยามก็กลับมาถึงหน้าตระกูลของตนแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”ชายหนุ่มส่งเสียงดังเข้าไปในตระกูล
“เฉิงเอ๋อ เจ้ากลับมาแล้ว”ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาพร้อมกลับเดินเข้าไปสำรวจชายหนุ่ม
“เจ้าบรรลุระดับก่อเสริมจิต ขั้น 6 แล้วงั้นรึ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาอย่างตกใจ
นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างมากที่ชายหนุ่มมีระดับพลังนี้ด้วยการฝึกเพียงสองปีแต่คนเป็นพ่อก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายหนุ่มนั้นบรรลุระดับ 10 ในตำนานไม่งั้นคงช็อคไปเป็นแน่
“ข้าแค่โชคดีเท่านั้นแหละขอรับ”ชายหนุ่มกล่าวออกมาอย่างถ่อมตน
“ท่านพ่อข้าอยากจะเข้าร่วมงานประลองระหว่างตระกูลด้วยขอรับ”ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“แต่ที่ไม่เหลือแล้วนะสิถ้าเจ้าอยากไปเจ้าจะต้องเอาชนะคนที่ได้ไปเพื่อแทนที่”
“ได้สิขอรับใครได้ไปบ้างหรอขอรับและมีระดับพลังที่เท่าไหร่กันบ้าง”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อันดับ 1 หวังจีเก่อระดับก่อลมปราณขั้นที่ 2 อันดับ 2 หวังซวนระดับก่อลมปราณขั้นที่ 1 อันดับ 3 หวังเปาฉี ระดับก่อลมปราณขั้นที่ 1 อันดับ 4 หวังซิน ระดับก่อลมปราณ ขั้นที่ 1 อันดับ 5 หวังเว่ยจี ระดับก่อเสริมจิต ขั้นที่ 9 อันดับ 6 หวังฉิง ระดับก่อเสริมจิตขั้นที่ 9”หวังหม่าเปากล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล
“ไอ่เจ้าหวังฉิงมันได้ด้วยเรอะ”ชายหนุ่มกล่าวอย่างงงงวย
“พ่อของมันหาทรัพยากรมาให้มันใช้อย่างล้นหลามจนมันสามารถมาถึงขั้นที่ 9 ได้”หวังหม่าเปากล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด
“แล้วพวกพี่ๆที่ไปที่สำนักใหญ่ละขอรับ”
“ปีนี้มีการจัดการแข่งขันระหว่างสำนักหน่ะคนที่สังกัดสำนักคงจะมาไม่ได้”หวังหม่าเปากล่าวอย่างรู้สึกเสียใจ
“งั้นก็แสดงว่าตระกูลอื่นก็ส่งมาไม่ได้เหมือนกันสินะท่านพ่อ”
“ใช่แล้วละทายาทและบุคคลผู้มีพรสวรรค์มากๆทุกตระกูลนั้นสังกัดสำนักทั้งหมดเลยเหลือแต่รุ่นเยาว์อายุไม่เกิน 15 ทั้งนั้นเลย”หวังหม่าเปากล่าวอย่างเอ็นดู
“งั้นข้าขอตัวไปเอาที่นั่งตัวแทนลงแข่งก่อนนะขอรับ”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมเตรียมตัวจากไป
“ข้าเชื่อว่าเจ้าทำได้ลูกพ่อ”หวังหม่าเปากล่าวให้กำลังใจ
ชายหนุ่มพลันเดินหาหวังฉิงอย่างรวดร็วเพื่อที่จะท้าประลองแต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เจอมันจนได้
“อ้าว นี่ไม่ใช่คุณชายหวังเล่อเฉิงอย่างนั้นหรอกรึหายไปไหนมา 2 ปีหรือว่ากลัวข้าจะแก้แค้นยังงั้นรึ”หวังฉิงเอ่ยด้วยสีหน้ายั่วโมโห
“โอ้ไม่ใช่ว่าท่านโดนหมัดข้าไปเต็มๆเลยไม่ใช่รึ หน้าท่านหายรึยังหละ”ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้ายียวน
“เจ้า!! เจ้าก็แค่เล่นทีเผลอเท่านั้นแหละถ้าข้าไม่ประมาทเจ้าก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”หวังฉิงกล่าวด้วยความโกรธ
“งั้นข้าขอท้าประลองท่านด้วยตำแหน่งผู้เข้าร่วมการประชองระหว่างตระกูล เจ้ากล้าไหมละ”ชายหนุ่มชี้หน้าเอ่ยพร้อมกับทำท่าทีหาเรื่อง
“ได้ เจอกันพรุ่งนี้บนลานประลอง ถ้าเจ้ากล้ามาละนะ”หวังฉิงกล่าวพร้อมเดินออกไปทันที
เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าจะประลองวันพรุ่งนี้ก็กลับเข้าไปที่ห้องและเริ่มฝึกฝนต่อทันที
ชายหนุ่มนั่งลงบนเตียงพร้อมกับใช้เส้นลมปราณกลืนกินดูดซับแก่นอสูรเข้าไปโดยตรงทันที
โดยปกติแล้วชายหนุ่มจะนำแก่นอสูรไปหลอมเป็นโอสถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของมันแต่ตอนนี้ชายหนุ่มต้องการทะลวงระดับก่อนพรุ่งนี้เพื่อจะได้จัดการหวังฉิงได้อย่างง่ายดายจึงรีบดูดซับเข้าไปโดยตรง
ปุงงงงง
เสียงทะลวงระดับดังขึ้น ชายหนุ่มบรรลุระดับก่อเสริมจิต ขั้น 8 แล้ว
เมื่อบรรลุระดับพลังเสร็จสิ้นแล้วชายหนุ่มก็ฝึกฝนพลังจิตต่อทันที พลังจิตของชายหนุ่มนั้นพึ่งตื่นขึ้นเมื่อตอนอายุครบ 11 ปีพอดี ตอนนี้พลังจิตของชายหนุ่มนั้นอยู่ระดับสีขาวแล้ว ถือว่าพัฒนาเร็วจนน่าตกตะลึงเลยทีเดียวเพราะพลังจิตนั้น พัฒนาระดับยากกว่าพลังปราณมากนักแถมยังน้อยคนที่จะมีพลังจิต
พลังจิตของชายหนุ่มนั้นยังสร้างค่ายกลระดับต่ำๆเท่านั้นเพราะในหอตำราของตระกูลมีแบบการสร้างแค่นี้แต่พลังจิตนั้นก็สามารถสร้างดาบพลังจิต หรือ สร้างเป็นรูปทรงต่างๆได้ขึ้นมาเหมือนของจริงมาก ส่วนพลังปราณนั้นจะใช้สร้างรูปทรงหรืออาวุธต่างๆได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
ถ้ามีพลังจิตมากพอสามารถทำให้สิ่งที่สร้างมาอยู่ได้ยาวนานเป็นอย่างมากหรืออาจจะอยู่อย่างถาวรเลยก็ได้