บทที่ 5 การฝึกฝนในป่าแสงจันทร์
เด็กหนุ่มใช้เวลาเข้ามาในโบราณสถานซึ่งคิดว่าจะใช้เป็นที่พักก็ได้กินเวลามากว่า 2 ชั่วยาม และกว่าที่จะเตรียมที่พักเสร็จก็หมดเวลาไปอีกครึ่งชั่วยามแล้ว
“ข้าน่าจะตรวจดูของที่ท่านพ่อให้มาดีกว่า”เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมหยิบแหวนมิติที่ใส่ไว้ในประเป๋าเสื้อขึ้นมาพร้อมกับที่เด็กหนุ่มใส่พลังปราณของตนลงไปอย่างช้าๆ
“หืมมม…ใส่มาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย อาวุธระดับปฐพี 7 ชิ้น ดาบ กระบี่ กริช หอก ทวน ธนู แส้….เอามาให้ทุกประเภทเลยนะเนี่ย”เมื่อเด็กหนุ่มเห็นสิ่งของที่พ่อของตนนำมาให้ก็คิดว่าจะใช้อาวุธประเภทใดดี
“ดาบก็ดี กระบี่ก็ได้ กริชก็ใช้ลอบโจมตีได้ดี หอกกับทวนก็ดีคนละแบบ ธนูก็ใช้โจมตีระยะไกล แส้ก็ใช้ระยะกลาง เลือกไม่ถูกเลยแหะ”เด็กหนุ่มเอ่ยพลางหยิบอาวุธแต่ละชนิดมาลองถือดู
“ข้ามีสมองเทพงั้นก็ใช้มันให้หมดเลยก็แล้วกันมันจะไปยากแค่ไหนกันเชียว”เมื่อเด็กหนุ่มคิดได้เช่นนั้นก็เก็บของแล้วนำอาวุธทุกประเภทออกมาสะพายหลังและถือไว้
“หนักแหะ…..ข้ามีวิชากายาอยู่แต่ต้องใช้เลือดของสัตว์อสูรในการฝึกวิชาอื่นๆก็ฝึกจนหมดแล้ว…..อีก 2 ปีข้าจะไปเข้าร่วมงานประลองระหว่างตระกูลด้วยน่าจะดี”เด็กหนุ่มเอ่ยขณะเดินออกจากต้นไม้ที่เป็นทางเข้าไปสู่โบราณสถาน
เด็กหนุ่มเข้าไปรอบนอกป่าทิศตะวันออกเรื่อยๆจนเจอกับหมีปฐพีระดับ 1 ขั้นสูง น่าจะประมาณขั้น 7-8 เด็กหนุ่มก็ยกธนูขึ้นมาแล้วง้างส่งลูกธนูออกไป
ฉึกกกกกกก
“เฮ้ยยยย…พลาด มันยิงยากจริงๆๆ”
โฮกกกกกกกกก
หมีปฐพีคำรามทันทีเมื่อเห็นลูกธนูที่ปักอยู่ข้างๆมัน
“ซวยแล้วข้าใช้อาวุธไม่เป็นสักอย่างแล้วข้าเอามาให้หนักตัวทำไมเนี่ยยยยยย”เด็กกลุ่มกล่าวพร้อมกับที่ใช้วิชาท่าเท้าวิ่งโดยเร็ว
ระหว่างกำลังหนีหมีปฐพีอยู่นั้นข้างหน้าเด็กหนุ่มก็พลันเจอกับเสือเมฆาที่นอนอยู่บนโขดหิน
“ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ เว้ยยย”เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับรีบใช้ปราณเสริมเข้าไปที่เท้า
เปรี้ยงงงงงงงงงง
จู่ๆก็ฟ้าผ่าใส่ต้นไม้บริเวณนั้น
“ความสามารถหายนะของข้าแสดงผลแล้ว พวกแกเตรียมรับเคราะห์ได้เลย”เด็กหนุ่มกล่าวพร้อมกับหลบเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้
โฮกกกกกกกกกก
เสือเมฆาโดนต้นไม้ที่หักโค่นล้มลงทับบริเวณขาของมัน
เมื่อหมีปฐพีเห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้ามันนั้นมันก็เปลี่ยนเป้าหมายทันที
แต่ขณะนั้นเอง
ฟ้าววววววววว
หินลอยมาจากไหนก็ไม่รู้พลันลอยมาตกใส่หลังของหมีปฐพี
โครมมมมมม
โฮกกกกกกกกกกกกกก
หมีปฐพีคำรามออกมาเมื่อได้รับบาดเจ็บ
ทั้งสอนตะเกียกตะกายออกมาจากซากสิ่งของที่ทับอยู่
“โอกาสข้าละ เสือเมฆาอยู่ระดับ 1 ขั้นสูง เหมือนกันน่าจะใช้วิชาหมัดตรงเข้าไปที่จุดอ่อนของมันได้”
เด็กหนุ่มได้อ่านข้อมูลของสัตว์อสูรต่างๆมาจากหอตำราของตระกูลหมดแล้ว
“ย้ากกกกกก…หมัดทลายนภา”เด็กหนุ่มพลันใช้วิชาหมัดออกมาตรงเข้าที่คอของหมีปฐพีเป็นตัวแรก
ตูมมมมมมมม
หมีปฐพีพลันสิ้นชีพลงอย่างรวดเร็วจากวิชาระดับนภา
เด็กหนุ่มเก็บซากของหมีปฐพีเข้าแหวนมิติและพุ่งเข้าไปใช้กริชแทงเข้าไปที่ตาของเสือเมฆา
ฉัวะ
โฮกกกกกกกกกกก
เสือเมฆาดิ้นพล่านอีกสักครู่ก็ตายไปเด็กหนุ่มเก็บซากมันแล้วหนีทันทีเพราะเสียงเมื่อกี้คงจะร้องเรียกสัตว์อสูรตัวอื่นมาแน่
เด็กหนุ่มรีบกลับโบราณสถานเพื่อที่จะไปฝึกใช้อาวุธประเภทต่างๆก่อน
“ฟู่วววววว เกือบไปแล้วสิความสามารถในการสร้างหายนะของข้าเริ่มมีประโยชน์แล้วสิ”เด็กหนุ่มยิ้มออกมาพร้อมหยิบอาวุธต่างๆออกมา
“เริ่มจาก กระบี่ก่อนแล้วค่อยฝึกดาบ”เด็กหนุ่มหยิบกระบี่พร้อมกับฟันไปเรื่อยๆเพื่อให้ชินกับกระบี่
1 เดือนผ่านไป เด็กหนุ่มใช้อาวุธได้ทุกประเภทในระดับพื้นฐานแล้ว และได้ความรู้ใหม่ๆมาด้วย
“ดูเหมือนการที่จะให้สมองเทพมอบความรู้ใหม่ๆจะต้องดีต่อตัวข้าเท่านั้นและยังมีวงจำกัดในความแข็งแกร่งของปัจจุบัน”เด็กหนุ่มกล่าวขณะนั่งพักอยู่ในโบราณสถาน
กิ้ววววววววว
“เสี่ยวจิ้ง มีอะไรงั้นรึ”เด็กกล่าวขณะที่จิ้งจอกนีอยตัวสีขาวเอาหน้ามาถูๆไถๆที่ขา
เมื่อจิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นจึงนำสมุนไพรที่คาบมานำไปให้หาเด็กหนุ่ม
“โอ้ ใช่ๆข้าจะได้ลองปรุงโอสถดีกว่า”เด็กหนุ่มกล่าวพลางหาเตาหลอมโอสถในแหวนมิติ
“ว้าวมีด้วยแหะนึกว่าท่านพ่อจะไม่ใส่เอาไว้ให้อีกซะอีก”เมื่อเห็นเตาหลอมโอสถแล้วจึงนำมันออกมาตั้งไว้ข้างหน้า
“อืมมมมม…….ข้ามีสูตรโอสถอยู่ 20 กว่าสูตรที่ได้มาจากหอตำราของตระกูล ข้าลองหลอมโอสถเพิ่มพลังปราณดีกว่า”เด็กหนุ่มพลันหยิบสมุนไพรที่เสี่ยวจิ้งคาบมาบวกกับที่ตนเก็บมาจากรอบๆโบราณสถานด้วย
พรึ่บบ
เด็กหนุ่มจุดไฟจากปราณธรรมชาติของตนแล้วนำสมุนไพรทีมีไปสกัดกลั่นในเตาหลอมโอสถ
การหลอมโอสถนั้นจะต้องสกัดกลั่นสมุนไพรต่างๆเพื่อเพิ่มความบริสุทธิ์ขึ้นแล้วหลอมรวมกันเป็นเม็ดโอสถแต่ขั้นตอนที่ยากนั้นคือการหลอมรวมเพราะจะต้องใช้สมาธิในการควบคุมเปลวเพลิงและดึงพลังของสมุนไพรที่เราต้องการออกมาแล้วขึ้นรูปเป็นเม็ดโอสถยิ่งสมุนไพรบริสุทธิ์เม็ดโอสถที่ได้จะบริสุทธิ์มากขึ้นตามด้วย
ผ่านไป 1 ก้านธูป เด็กกลุ่มก็กลั่นพลังจากสมุนไพรทั้งหมดเสร็จสิ้น
“ง่ายแหะ รึว่าเพราะสมองเทพทำให้ข้าคำนวนความร้อนปริมาณและควบคุมได้ดีมากเลยทำให้มันดูง่าย”สักพักเด็กหนุ่มก็ยกยิ้มดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อสมุนไพรเหลวเริ่มขึ้นรูปเม็ดโอสถ
วูบบบบบบบบ
ควันสีดำโผล่ออกมาจากร่างเด็กหนุ่มและพุ่งเข้าไปในเตาหลอมโอสถ
“เวรแล้ว มันเอาอีกแล้ว”เด็กกลุ่มเอ่ยออกมาอย่างร้อนรนเมื่อเตาหลอมพองขึ้นมาและมีสีแดงเหมือนจะระเบิด
เด็กหนุ่มรีบโยนเตาหลอมโอสถลงบ่อน้ำข้างๆโบราณสถานทันที
ตูมมมมมมมมมม
น้ำสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
“อ๊ากกกกกกก สายเลือดบัดซบ…..เตาหลอมข้า เม็ดโอสถข้า”เด็กหนุ่มกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ดูเหมือนข้าต้องหาทางทำอะไรสักอย่างกับความสามารถนี่ซะแล้ว”เด็กหนุ่มคิดพร้อมหาวิธีต่างๆ
“โอ้เยี่ยมมากสมองเทพของข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ครานี้ข้าจะได้หลอมโอสถใหม่อีกครั้งแล้ว…แล้วข้าจะได้ไม่ต้องไประเบิดบ้านเมืองใครอีกแล้ว”เด็กหนุ่มหัวเราะออกมาเมื่อได้รับวิธีผนึกสายเลือดของตนมาจากสมองเทพ
กิ้วววววววว
จิ้งจอกน้อยคาบเม็ดโอสถที่มีสีแดงดำมา 3 เม็ดมาให้เด็กหนุ่ม
“เสี่ยวจิ้ง….เจ้านำมาจากไปนงั้นรึ”เมื่อเด็กหนุ่มถามเช่นนั้นเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เดินพาเด็กหนุ่มไปที่บ่อน้ำที่ตนโยนเตาหลอมโอสถไป
“โอสถที่ข้าหลอมงั้นรึ?”เด็กหนุ่มถามอย่างงงงวย
กิ้ววววว
เสี่ยวจิ้งพลันพยักหน้ารัวๆและส่ายหางไปมาอย่างน่ารัก
เมื่อเด็กหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงหยิบโอสถเม็ดนั้นขึ้นมาดู
“ดูดซับยากแหะ พลังปราณมันบ้าคลั่งมากเกินไป”ถ้าเป็นคนอื่นคงกระอักเลือดจากปราณอันบ้าคลั่งที่มีอยู่ในเม็ดยาแล้ว
“มันทำไรได้ละเนี่ย”เด็กหนุ่มครุ่นคิดขณะลองวิธีต่างๆ
“โอ้ โอ้ ใช่แล้วข้าลองเอาไปโยนใส่ต้นไม้ดูเผื่อมันระเบิดเหมือนเตาหลอมข้าดีกว่า”เด็กหนุ่มหาต้้นไม้ที่จะทดลองทันที
ฟิ้วววววว
บึ้มมมมมมมมมม
“ว้าวววว สุดยอดเลยตัวข้าหลอมโอสถสุดยอดขนาดนี้มาได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”เด็กหนุ่มหัวเราะด้วยใบหน้าที่ชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง