บทที่ 23: การอ่าน (4)
บทที่ 23: การอ่าน (4)
รยูจองมินไม่อาจละสายตาไปจากคังวูจินได้เลย
“·····”
ตอนแรกเป็นเพราะเขาเข้าใจผิดว่าคังวูจินเป็นผู้จัดการ แต่ตอนนี้เป็นเพราะฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของอีกฝ่ายที่ทำให้ภาพจำแรกเลือนหายไปจนหมดสิ้น
'การแสดงนั้น... มันอะไรกัน เขากำลังโอ้อวดอยู่งั้นเหรอ? แบบนั้นจะเรียกว่าพอประมาณได้ยังไงกัน?'
แม้ว่ารยูจองมินจะเป็นพระเอกในเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' แต่ยามนี้ ตัวเอกของเรื่องคือคังวูจิน ไม่เพียงแต่รยูจองมินเท่านั้น แต่นักแสดงทุกคนยังจ้องมองไปที่คังวูจินอย่างตั้งใจ สายตาพวกเขาทั้งหมดจ้องมองไปที่เดียวกัน
มันได้เปลี่ยนจาก 'คุณเป็นใคร?' เป็น 'คุณเป็นตัวอะไร?'
แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่หลายคนที่กระจัดกระจายอยู่ในห้องโถงใหญ่ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน หนึ่งในนั้นคือซีอีโอชเวชองกุน เขาเป็นซีอีโอของบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนักแสดงชั้นนำฮงฮเยยอน และเป็นนักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังในภาพยนตร์สั้นเรื่อง 'สำนักงานนักสืบ' เขาแยกจากฮงฮเยยอนและกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ชั่วคราวใกล้ทางเข้า
และตอนนี้เอง ชเวชองกุนก็พูดไม่ออกเช่นกัน
“···เขาเข้าใจอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้ได้ยังไง? ทำไมอารมณ์ของเขาถึงเปลี่ยนเร็วขนาดนี้?”
สาเหตุทั้งหมดเป็นเพราะคังวูจิน บุคคลที่ไม่ทราบชื่อ จู่ๆ ก็ถูกคัดเลือกโดยPDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมี และพูดตามตรง กระทั่งฮงฮเยยอนก็สนใจเขาอีกด้วย เอาจริง ๆ ตอนแรกที่ซีอีโอชเวซองกุนเห็นคังอูจิน เขาแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายมัน ‘พอใช้ได้’ เท่านั้น
แต่ตอนนี้ มันแตกต่างออกไปแล้ว
ทันทีที่เห็นบทบาทของรองหัวหน้าพัคที่ถูกแสดงโดยคังวูจิน สมองของซีอีโอชเวซองกุนก็มึนไปหมด เขาสับสนว่าตัวเองกำลังเห็นอะไร และจะตัดสินคนที่กำลังแสดงบทบาทนี้ยังไง
'ฉันไม่เคยเห็นการแสดงแบบนี้มาก่อนเลย'
ต้องศึกษาและฝึกฝนมากแค่ไหนถึงจะแสดงได้ขนาดนั้น? หรือว่าความสำเร็จเช่นนี้ มันจะเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝนเพียงอย่างเดียว? ในตอนนี้ คังวูจินดูเหมือนจะยากที่จะตัดสินด้วยมาตรฐานของนักแสดง
ใช่แล้ว เขาเหมือนกลายเป็นรองหัวหน้าพัค ไม่มีสิ่งใดเพิ่มเติมอีก
ณ ยามนั้นเอง แววตาและท่าทีของรองหัวหน้าพัคได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาคมลึกที่เคยฉายแววปรารถนาและรสนิยมอันเร่าร้อนเมื่อครู่นี้ กลับส่องประกายด้วยรอยยิ้มอันแยบยลราวกับกำลังคำนวณวางแผนไว้ ทั้งยังแฝงความไร้เดียงสาประหนึ่งเด็กอยู่บนใบหน้า แต่ทว่ามันช่างเป็นความไร้เดียงสาที่บิดเบี้ยว ผิดเพี้ยนไปจากนิทานปรัมปราแสนหวานชวนฝัน ราวกับเทพนิยายที่เล่าขานกันมาถูกดัดแปลงให้มืดมน ทันใดนั้นเขาก็โอบกอดบางสิ่งไว้แนบอก เสียงเบา ๆ เอื้อนเอ่ยออกมา
“น่ารักจัง นุ่มนิ่มจัง อยากจะบีบจัง”
รองหัวหน้าพัคมองไปรอบ ๆ โดยค่อย ๆ หันศีรษะไป สายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน แต่ข้อนิ้วมือของเขาที่กำลังกำบางสิ่งไว้ดูสั่นเทาเล็กน้อย มันไม่ใช่เพราะความกลัว
แต่มันเกิดจากความตื่นเต้น
เมื่อกำลังดูสิ่งนี้ ซีอีโอชเวชองกุนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งโดยไม่รู้ตัว
'เหมือนกับไซโคพาธที่ชื่นชอบการทรมาน กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง'
ความสนุกปรากฏชัดเจนบนใบหน้าของรองหัวหน้าพัคขณะที่เขากำลังทำลายบางสิ่งบางอย่าง ไม่มีใครในโถงกว้างใหญ่แห่งนี้สงสัยเลยว่าชายตรงหน้าเป็นใครกันอีก
"เป็นไปไม่ได้"
เนื้อหาไม่ได้เลียนแบบบทพูดเป๊ะ ๆ การแสดงของคังวูจินทั้งราบรื่น ไร้ที่ติ ไร้รอยต่อ บทพึมพำเหล่านั้นก็เช่นกัน ซีอีโอชเวซองกุนอดไม่ได้เลยที่จะชื่นชมออกมา
'เพียงบทพูดสั้น ๆ เพียงบรรทัดเดียว กลับสามารถสื่อสารตัวตนของคน ๆ นั้นออกมาได้'
มันช่างน่าหลงใหล เขาพูดเบา ๆ ราวกับสะกดทุกคนไว้หมดเลย ทันใดนั้น ซีอีโชเวซองกุนก็เพิ่งนึกได้ว่า
'เดี๋ยวนะ เขาบอกให้แสดงแบบพอประมาณไม่ใช่เหรอ?'
คำวิเศษที่PDซงมันวูบอกกับคังวูจินคือคำว่า 'พอประมาณ' มันเป็นการขอปรับโทนของละคร กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การแสดงทั้งหมดที่คังวูจินได้แสดงออกมาแท้จริงแล้วมันคือระดับพอประมาณของเขา
เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ชเวซองกุนก็ไม่สามารถปิดบังความสับสนของเขาไว้ได้
แต่ท่าทางของคังวูจิน ผู้เพิ่งจบการแสดงช่วงแรกของรองหัวหน้าพัคนั้นดูไม่ยี่หระอะไรเลย ไม่สิ มันดูจะเฉยชากับทุกสิ่งด้วยซ้ำ ราวกับว่าการแสดงของเขาเมื่อครู่ มันไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนัก
ยิ่งกว่านั้น...
‘หลังการแสดงจบลง กลิ่นอายของรองหัวหน้าพัคหายวับไปเหมือนวิญญาณ ท่าทางของเขาอาจเหมือนเดิม แต่ดวงตามันต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่ใช่เหรอ? เขาเปลี่ยนผ่านอารมณ์เร็วขนาดนี้ได้ยังไง?’
กระบวนการสับเปลี่ยนบทบาทของคังวูจินรวดเร็วอย่างน่าทึ่ง กระทั่งชเวซองกึนที่อยู่ในวงการแสดงมากว่าสิบปี ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
‘หรือว่า… มันจะแค่พอประมาณจริง ๆ’
เขาต้องขอยอมรับเลย ถึงเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้ชายคนนั้น ปีศาจตนนั้น กลับวางตัวได้อย่างไม่น่าจะเป็นไป ทำเป็นนิ่งเฉย เย็นชา ไม่มีทางเลยที่ใครจะทำแบบนี้ได้ ถ้าไม่ใช่...
ด้วยเหตุนี้ การแสดงของคังวูจินจึงคล้ายครอบงำทุกคนภายในห้องโถงอันกว้างขวางใหญ่แห่งนี้
ไม่ว่าความคาดหวังจะสูงหรือต่ำ คังวูจินก็เอาชนะพวกเขาทั้งหมดด้วยการแสดง ‘พอประมาณ’ เพียงครั้งเดียว สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์จากผู้คนกว่าร้อยคน รวมถึงนักแสดงด้วย ที่ต่างพากันอ้าปากค้าง
“······”
“······”
ทุกคนต่างมองไปที่คังวูจิน ขณะที่เขานั่งเงียบ ๆ ด้วยสายตาแบบเดียวกัน
อ๋อ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วล่ะว่าทำไมเขานั่งอยู่ตรงนั้น
ในทางกลับกัน คังวูจินเองก็กำลังคิดว่า
'ฮึ่ม ยากแฮะ การแสดงตอนที่นั่งอยู่มันไม่ง่ายเลย'
เขารู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อถูกจ้องมองจากคนนับร้อยราวกับนั่งอยู่บนเตียงตะปู
'ว่าแต่ ไหงทุกคนดูเหมือนจะจ้องฉันด้วยสายตาแบบนี้? การแสดงของฉันแย่เหรอ? มันเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่เอาเถอะ คิวของฉันจบแล้ว ทำไมยังไม่แสดงต่อกันอีก? ฉันควรจะรอเฉย ๆ เหรอ?'
แม้จะรู้สึกอยากวิ่งหนีออกไปเล็กน้อย แต่คังวูจินก็ยังคงแสร้งทำใบหน้านิ่งเฉย ความตึงเครียดภายในใจพุ่งสูงสุด ทว่าเขาก็ฝืนประคองตัวเองให้ดูใจเย็น ปรารถนาให้เวลานี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ด้านตรงข้าม รยูจองมิน พระเอกของเรื่องถึงกับตกตะลึง หน้าซีดเผือดไปหมด
'ทำไมเขาถึงได้นิ่งขนาดนั้น? การแสดงนั่นมันไม่ได้มีอะไรสำคัญสำหรับเขาเลยเหรอ?'
ข้าง ๆ เขาคือนักแสดงรุ่นใหญ่ ผู้คร่ำหวอดในวงการมานานกว่า 30 ปี อีกฝ่ายได้แตะไหล่รยูจองมินเบา ๆ
–แปะ
จากนั้นเขาก็กระซิบเบา ๆ กับรยูจองมิน
“ตั้งสติไว้สิ”
“··· อะไรนะครับ?”
นักแสดงรุ่นใหญ่นั้นทำท่าทางเอียงหน้าไปทางคังวูจิน ผู้มีใบหน้าเคร่งขรึมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“เขาตรึงทุกคนไว้ด้วยการแสดงแค่ครั้งเดียว ควบคุมอารมณ์ของทุกคนได้ดั่งใจ เขาไม่ใช่นักแสดงมือใหม่หรอก เขาคงผ่านอะไรมามากมาย”
ตอนนี้เอง ใบหน้าของคังอูจินได้ฝังลึกเข้าไปในความทรงจำของนักแสดงทุกคนในห้องโถง
“พรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อแบบนี้มาจากไหนกัน? แต่นายน่ะต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่อย่างนั้นนายจะโดนกลืนกินด้วยการแสดงของเขา”
“······”
เป็นนักแสดงสัตว์ประหลาดอัจฉริยะผู้น่าสะพรึงโดยแท้
ตัดภาพไป
บทที่สองของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ในบทละครเริ่มต้นขึ้น สายตาของคังวูจิน ไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงสำหรับอ่านบทอีกต่อไป ตอนนี้คังวูจินหรือรองหัวหน้าพัคกำลังเดินลงถนน กินไอศกรีมด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับเพิ่งออกจากบ้าน
สถานที่ที่รองหัวหน้าพัคมาถึงคือสถานีตำรวจที่อยู่หน้าบ้าน
-เอี๊ยด
ขณะที่ไอศกรีมที่เหลืออยู่ในปาก รองหัวหน้าพัคก็เปิดประตูสถานีตำรวจอย่างไม่ใส่ใจนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนดูยุ่งวุ่นวาย ไม่มีใครสนใจรองหัวหน้าพัคที่เพิ่งเข้ามาเลย ในไม่ช้า รองหัวหน้าพัคก็เคาะประตูที่เปิดอยู่พร้อมกับเอียงศีรษะเล็กน้อย
–ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นรองหัวหน้าพัค
"คุณมาติดต่อเรื่องอะไรครับ?"
รองหัวหน้าพัคตอบสั้น ๆ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยว่า
“ผมมามอบตัวครับ”
เมื่อมาถึงจุดนี้เอง PDซงมันอูจึงเปลี่ยนฉาก
“ภายในห้องสอบสวน ยูจีฮยองและรองหัวหน้าพัคกำลังเผชิญหน้ากัน”
ทันทีที่คำพูดจบลง รองหัวหน้าพัคก็มองไปที่พระเอกรยูจองมิน ในบทบาทของยูจีฮยอง สีหน้าของรองหัวหน้าพัคดูแปลกประหลาดยิ่ง มันอยู่ระหว่างรอยยิ้มกับความเฉยชา ทว่าในดวงตาอันลึกซึ้งของเขา แววตาอันแสนคลั่งปรากฏอยู่เลือนราง แต่ยูจีฮยองก็สังเกตเห็น
บทพูดได้เริ่มต้นโดยรองหัวหน้าพัค
“คุณดูโกรธนะครับ”
ก่อนที่เริ่มแสดง รยูจองมินมองไปยังรองหัวหน้าพัคที่อยู่ตรงข้ามเขา พึมพำกับตัวเองเบา ๆ
‘เขาไม่แม้แต่จะมองบทละคร หรือว่าเขาไม่จำเป็นต้องมองมันกัน? เอาเถอะ ด้วยฝีมือการแสดงระดับเสมือนรองหัวหน้าพัคขนาดนี้ เขาน่าจะศึกษาบทละครจนบ้าไปแล้วมั้ง’
ขณะที่กำลังเข้าใจผิด รยูจองมินก็ตอบกลับในฐานะยูจีฮยอง น้ำเสียงปนความรำคาญสมกับฉายายูฮันรยาง
“ผมไม่ได้โกรธสักหน่อย แค่ตื่นเต้นที่ได้เจอกับฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังต่อหน้าเลยต่างหาก”
“ชื่อดังสินะ ใช่ ครั้งหนึ่งผมเคยโด่งดัง”
รองหัวหน้าพัคกลอกตาเหมือนกำลังนึกถึงอดีต จากนั้นก็ก้มหัว มองไปยังมือที่ถูกใส่กุญแจมือสลับไปมา
“แข็งแรงกว่าที่คิดแฮะ เจ็บนิดหน่อย”
ยูจีฮยองลูบคางเบา ๆ
“คุณดูทำตัวสบายมากเลยนะ ไม่กลัวเหรอ? นี่มันห้องสอบสวนนะ มีตำรวจอยู่นอกห้องด้วย”
“ผมรู้ พวกเขาน่าจะอยู่หลังกระจกนั่นด้วยสินะ”
“ถูกต้อง”
“แต่น่าแปลก ผมไม่กลัวเลย”
จู่ ๆ ยูจีฮยองก็ถามรองหัวหน้าพัค
“คุณเป็นพวกไซโคพาธใช่ไหม?”
รองหัวหน้าพัค สยะยิ้ม ตอบคำถามด้วยคำถาม
“แล้วคุณล่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาหรือเปล่า?”
“เอ่อ ก็ใช่ เอาเข้าจริง ๆ ผมแค่โดนดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีวุ่นวายนี้เท่านั้นเอง”
“งั้นคุณก็ทำหน้าที่ของคุณไปสิ ผมรอคอยที่จะคุยกับคุณอยู่นะ”
แม้ยูจีฮยองจะถอนหายใจด้วยความรำคาญ แต่เขาก็สังเกตทุกการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ ของรองหัวหน้าพัค
“ทำไมคุณถึงมาสารภาพล่ะ? ถ้าคุณใช้ชีวิตตามเดิม คดีนี้ก็คงจะเป็นคดีไม่คลี่คลายไปตลอดชีวิต มันคงเหมือนเหรียญตราสำหรับคุณเลยใช่ไหมล่ะ?”
รองหัวหน้าพัคประสานมือ มองยูจีฮยองสักพัก ก่อนจะเอียงคอเล็กน้อย
“เท่าไร?”
“อะไรนะ?”
“คนที่ผมฆ่า”
“···4 คน ก็ถ้าคุณเป็นฆาตกรต่อเนื่องจริง ๆ น่ะ”
“คาดเดาเองงั้นเหรอ?”
“แล้วทำไมคุณถึงมายอมมอบตัวแบบนี้?”
คำถามได้ถูกทวนซ้ำขึ้น รองหัวหน้าพัคมองไปยังยูจีฮยอง แสยะยิ้ม เขาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ เพราะสถานการณ์ตอนนี้เป็นไปตามที่เขาคิด เขาคือตัวเอกในตอนนี้
“เพราะผมโกรธล่ะมั้ง?”
“โกรธเรื่องอะไร?”
“อยากรู้งั้นเหรอ? ก็แค่ผมทนไม่ได้ที่ถูกเข้าใจผิดโดยไม่มีเหตุผล”
ยูจีฮยองเปิดแฟ้มเอกสารที่เขาเอามา
“เข้าใจผิดอะไร? คุณมีคดีฆาตกรรมในอดีต 4 คดี และตอนนี้คุณก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับการฆาตกรรมครั้งใหม่ใช่ไหม?”
รองหัวหน้าพัคหรี่ตามอง ชี้แฟ้มด้วยนิ้วชี้ น้ำเสียงดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ผมยอมมอบตัวเพราะเรื่องนั้นต่างหาก มีคนเลียนแบบผลงานอันแสนวิเศษของผม มันเป็นแค่ของเลียนแบบ”
“···เลียนแบบเหรอ?”
“ใช่ แถมเลียนแบบแบบงุ่มง่ามด้วย ตำรวจไม่มีข้อสงสัยกันเลยเหรอ?”
“ทั้งที่วิธีการเหมือนคุณเนี่ยนะ?”
รองหัวหน้าพัคแสยะยิ้ม โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
“คุณผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยา คุณรู้ไหมว่าทำไมถึงห้ามเด็กดูหนังรุนแรง?”
“เพราะพวกเขาอาจเลียนแบบ”
“ถูกต้อง และอืม- ผู้ชายที่ตายคราวนี้ ผมไม่ได้ฆ่าเขา มีอาชญากรตัวจริงอีกคนที่กำลังเลียนแบบผมอยู่”
“······”
“คุณไม่เชื่อผมเหรอ? ถ้าคุณสืบสักนิด คุณจะรู้เอง ผมมีพยานยืนยันตัวแน่นหนานะ เอ๊ะ คุณยังไม่ได้ตรวจสอบเลยเหรอ?”
ราวกับว่าเขาพูดทุกอย่างที่ต้องการแล้ว รองหัวหน้าพัคจึงพิงเบาะหลังเก้าอี้
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ผมยอมมอบตัว เพื่อพิสูจน์ว่าผมไม่ได้ฆ่าเขา”
ยูจีฮยองไขว่แขนแล้วถามอีกครั้ง
“มีอาชญากรตัวจริงอีกคนงั้นเหรอ?”
ฆาตกรต่อเนื่องผู้อ้างความบริสุทธิ์ของตัวเองและยอมมอบตัว...
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง
การอ่านบทก็เสร็จสิ้น เริ่มตั้งแต่เช้าตรู่จวบจนกระทั่งช่วงบ่ายกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้น แต่บรรยากาศภายในห้องโถงขนาดใหญ่ยังคงร้อนระอุ ในตอนนั้นเอง ผู้กำกับซงมันวูได้พูดเพื่อให้สถานการณ์เย็นลง
“เยี่ยมมากทุกคน! พวกเราเตรียมงานเลี้ยงฉลองหลังเลิกกองอีกสองชั่วโมงข้างหน้า ดังนั้น สนุกสนานกันให้เต็มที่ไปเลย! แน่นอนว่าถ้าอยากพักผ่อน ก็สามารถไปผ่อนคลายในห้องของพวกคุณเองได้เลยนะครับ!”
ทันทีที่คำประกาศของเขาสิ้นสุดลง นักแสดงสองสามคนจากหลายสิบคนก็ลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างลังเล บางคนจ้องมองไปที่คังวูจิน นักแสดงที่ค่อย ๆ ออกจากห้องโถงก็ทำชำเลืองมองเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างจ้องมองคังวูจินที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ แน่นอนว่านักแสดงที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน
เพราะการรับรู้ของพวกเขาได้เปลี่ยนไป 180 องศาจากตอนแรก
แน่นอน มันยังคงมีเสียงซุบซิบอยู่ตลอด
“ท่าทางของเขาน่าขนลุกเกินไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ เขาเหมือนตัวละครรองหัวหน้าพัคเลย เหมือนกับว่าคนเขียนบทเขียนตัวละครขึ้นมาจากเขาจริง ๆ”
“ตั้งแต่เข้าวงการมาฉันเพิ่งจะเคยเจออะไรน่าตกใจขนาดนี้ แต่ว่า...เขาดูน่าเข้าหายากนะ”
“เห็นด้วย หลังจากเห็นการแสดงเป็นรองหัวหน้าพัคแล้ว หน้าเย็นชาของเขาก็ชักจะทำให้รู้สึกน่ากลัวที่จะเข้าไปคุยด้วยนิดหน่อยแฮะ”
“ไปหาผู้ชายคนนี้มาจากไหนเนี่ย? โรงละครเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่คังวูจินยังคงดูน่ากลัวอยู่บ้าง นักแสดงจึงตัดสินใจไม่เข้าไปหาเขาก่อน ยิ่งหลังจากเห็นเขารับบทรองหัวหน้าพัคอย่างเข้มข้นมันยิ่งหนักข้อเข้าไปใหญ่
“เขากำลังปรับอารมณ์อยู่หรือเปล่า? บรรยากาศดูหนักอึ้งไปหน่อยนะ”
“ก็เข้าใจได้แหละ หลังจากเห็นการแสดงของเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนเขาเองก็ต้องระวังจริง ๆ ไม่ให้ตัวเองกลายเป็นไซโคพาธแบบในเรื่อง”
“เคยมีนักแสดงในฮอลลีวู้ดพยายามใช้วิธีการแสดงแบบนั้น แล้วเกิดเป็นโรคไซโคพาธจริง ๆ อะไรทำนองนั้นก็มีนะ”
“อืม เป็นวิธีที่เสี่ยงไป”
การตัดสินของพวกเขามันผิดพลาดไปหมด สีหน้าไร้อารมณ์ของคังวูจินตอนนี้แค่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่
‘เป็นเพราะเขาเครียดมาตลอดหรือเปล่าแฮะ? ตอนนี้หิวมากเลย เดี๋ยวไปจัดหนักเนื้อสัตว์ที่งานเลี้ยงฉลองหลังเลิกกองแน่ ๆ แต่ว่า ควรจะงดแอลกอฮอล์ไว้หน่อยไหม? คงจะแย่ถ้ากำแพงที่ฉันสร้างไว้กำลังพังทลายลง ยังไงก็เถอะ สาธุขอเนื้อวัวด้วย’
เขายังพยายามที่จะไม่ดูกระตือรือร้นเกินไป ทั้งยังกำหนดการเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่างไว้ในหัว
‘เหมือนทุกคนกำลังทยอยออกไปแล้วเหรอ ฉันควรจะลุกขึ้นด้วยไหมนะ? ไม่สิ เดี๋ยวรออีกหน่อยดีกว่า ยังมีคนอยู่รอบ ๆ เยอะแยะเลย’
กิริยาท่าทางจริงจังของคังวูจินทำให้ทุกคนรอบตัวเขารู้สึกกดดัน แต่แท้จริงแล้วตัวเขากลับแค่อยากกินเนื้อวัว คนหลายสิบคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็จ้องมองไปที่ ราวกับเขาเป็นตัวประหลาด ที่นี่พวกเขามีบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงมากมาย นักข่าว นักแสดงอย่างฮงฮเยวอนและรยูจองมิน ทีมงานสร้าง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ และอื่น ๆ มากมาย
ในตอนนั้นเอง
– แปะแปะ
มีคนมาแตะไหล่คังวูจิน เมื่อเขาหันกลับไป เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนำหน้าคนประมาณหกคน โดยสองคนถือกล้องที่ติดอยู่กับกิมบอลอยู่ ไม่ช้า ผู้หญิงคนนำก็ยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน
“สวัสดีค่ะ คุณคังวูจิน พวกเราทีมงานเบื้องหลังนะคะ”
ทีมงานเบื้องหลังเหรอ? อ๋อ เคยเห็นในยูทูปอยู่ สรุปว่าเขาถ่ายทำกันแบบนี้สินะ ตอนนี้ ความสนใจที่มอบให้คังวูจินในห้องโถงก็เพิ่มมากขึ้น นักแสดงและคนอื่น ๆ ที่กำลังจะออกจากห้องโถงก็หยุดชะงัก เสียงตอบเบา ๆ ของคังวูจินพลันดังก้องขึ้น
“ครับ สวัสดีครับ”
“รู้ว่าคุณคงเหนื่อย แต่ฉันอยากจะถามคุณสักสองสามคำถามค่ะ”
เหนื่อยอะไร? ถามคำถามฉันเหรอ? อ๋อ แต่ชักจะกังวลหน่อยแฮะ คิดแล้วคังวูจินก็พยักหน้า
“เข้าใจแล้วครับ”
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูสดใสขึ้นเมื่อเขาตอบเช่นนี้
“การแสดงของคุณยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ! ฉันได้ยินมาว่าบทบาทของรองหัวหน้าพัคนั้นยากมาก แต่คุณแสดงได้อย่างสมจริงจนฉันทึ่งไปเลย คุณศึกษาและฝึกฝนมากแค่ไหนคะ? มันคงต้องใช้เวลานานมากเลยที่จะเข้าใจสิ่งที่แฝงอยู่ในตัวบทใช่ไหมคะ?”
ตรงจุดนี้เอง นักเขียนพัคอึนมีที่นั่งอยู่ที่โต๊ะรูปตัว ㅁ ได้ถอดที่คาดผมออกและแตะไหล่ของ PDซงมันวูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“คุณPD เราไม่ควรไปหยุดเขาไว้เหรอคะ? คุณคังวูจินไม่ใช่คนที่ควรจะไปออกรายการเบื้องหลังไม่ใช่เหรอคะ? คุณเองรู้จักนิสัยเขาดีนะ บางทีเขาอาจจะตอบแบบไม่คิดอะไรเลยก็ได้อย่างเช่น ‘มันไม่ยากเลย’ ออกมา”
แต่PDซงมันวูกลับลูบเคราแพะของเขาอย่างใจเย็น
“มันเป็นคำถามที่พวกเขามักจะถามนักแสดงคนอื่น ๆ อยู่แล้ว ตัดออกไปมันคงจะดูไม่ดี นอกจากนี้ มันคือเสน่ห์ของเขานะ เป็นดาวเด่นที่ไม่เหมือนใคร มั่นใจในตัวเองเพราะฝีมือ”
“แต่มีนักข่าวอยู่ที่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอ?”
"ทุกอย่างน่าจะไม่เป็นไรหรอก พวกเขาได้รับอนุญาตให้เขียนเกี่ยวกับเรื่องการอ่านบทเท่านั้น นอกจากนี้ มันยังเป็นโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับตัวละครของนักแสดงคังวูจินอีกด้วยนะ เห็นนั่นไหม ทีมงานทุกคนที่เข้าร่วมแทบน้ำลายไหลเพราะคังวูจินกันถ้วนหน้าเลย”
“แต่ว่า…”
PD ซงมันวูทำให้พัคอึนผู้กังวลเหมือนแม่ได้สงบลง
“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ที่นี่มีคนค่อนข้างน้อย เพราะงั้นแม้ว่าคังวูจินจะไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น เขาก็คงจะตอบอย่างเหมาะสมแหละ”
คังวูจินครุ่นคิดอยู่สักพัก
'อืม-ศึกษาเหรอ? ฝึกฝน? สิ่งที่แฝงอยู่ในบท? ดูท่าฉันคงต้องตอบคำถามข้อนี้แบบเป็นมืออาชีพสินะ'
ห้องโถงเต็มไปด้วยนักแสดงชั้นนำ คำตอบที่คลุมเครืออาจทำให้ตัวตนเขาหลุดออกมาได้
‘ถ้าตอบอย่างเลอะเทอะ มันอาจสร้างความสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของฉันได้ ฉันควรจะเบี่ยงเบนความสนใจตรงนี้ด้วยทักษะการเข้าสังคมสักหน่อยแล้วสิ’
ด้วยท่าทีเฉยเมย คังวูจินก็ตอบผู้หญิงจากทีมงานเบื้องหลังอย่างสั้น ๆ
“เพราะบทละครนี้มันยอดเยี่ยมจริง ๆ ครับ”
ด้วยคำตอบนี้ พัคอึนมีที่เป็นนักเขียนก็เฝ้ามองดูด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ
“โอ้ อย่างนั้นเหรอคะ?”
ผู้หญิงจากทีมงานเบื้องหลังได้หัวเราะและโยนคำถามอีกข้อ
“อ่าฮ่า เข้าใจค่ะ ใช่เลย บทมันสุดยอดจริง ๆ ใชไหมคะ? เอ่อ… คุณคังวูจิน คุณปรากฎตัวออกมาจากไหนก็ไม่รู้ เหมือนดาวหางเลย คุณเคยเล่นละครเวทีมาก่อนเหรอคะ? ฝึกฝีมือการแสดงของคุณมาจากที่นั่นตลอดเลยเหรอคะ?”
ในตอนนี้เอง นักแสดงและทีมงานบันเทิงทุกคน รวมถึงรยูจองมิน ต่างก็ตั้งใจฟังคำตอบของคังวูจิน คำตอบของเขาทั้งสั้นและชัดเจน
“เปล่าครับ ผมเรียนเอง”
ทุกคนที่เหลืออยู่ในห้องโถง ต่างเบิกตาด้วยความประหลาดใจ
*****