บทที่ 22: การอ่าน (3)
บทที่ 22: การอ่าน (3)
ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในคอนโด หัวใจของคังวูจินก็เต้นไม่หยุด เขาประหม่าสุด ๆ นี่คือสถานที่ที่เขาควรอยู่เหรอ? เขาคิดพร้อมก้าวเข้าสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่เร็วเกินกว่าจะปรับตัวได้
คังวูจินพยายามวางท่าและใบหน้าให้นิ่งเฉย แต่ภายในนั้นมันเหมือนสนามรบ
'ใจเย็น ๆ อย่าตื่นกลัวไป พวกเขาก็คนเหมือนกันกับฉัน ฉันมั่นใจ ฉันแข็งแกร่ง'
เขาพยายามควบคุมความคิด เพื่อปกปิดตัวตนความเป็นคนธรรมดาของเขา
โชคดีที่....
“คุณฮงฮเยยอน คุณยืนยันรับงานนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
เหล่านักแสดงที่จำฮงฮเยยอนผู้เป็นดาราชั้นนำได้ ต่างก็กรูเข้าไปหาเธอโดยไม่สนใจคังวูจินเลย ซึ่งก็คงเป็นเรื่องปกติแหละ
ขอบคุณมากเลยที่เป็นแบบนี้
'ฉันควรจะไปหลบข้างหลังฮงฮเยยอนก่อน'
เขาอาศัยจังหวะนั้นตั้งสติ คังวูจินใช้ฮงฮเยยอนเป็นเกราะบัง และแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ ด้านหลังของเธอ มันคล้ายกับจุดยุทธศาสตร์ที่เขาเอาไว้ใช้หลบสายตาที่กำลังจับจ้องอยู่รอบตัวเขาเป็นร้อยคู่ได้
'คนพวกนี้ทั้งหมดล้วนเป็นปรมาจารย์ด้านการแสดง'
ห้องโถงเต็มไปด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่ แม้ว่าเขาจะรักษาการปลอมตัวได้ดีมาจนถึงตอนนี้ แต่ถ้ามันถูกจับได้ที่นี่...ทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ดังนั้นเขาจึงต้องตื่นตัวมากกว่าปกติ
'อ่า -บ้าเอ๊ย ควบคุมสติ ควบคุมสติสิตัวฉัน'
ดูเหมือนว่าก่อนการอ่านบท คังวูจินยามนี้จะเอาชีวิตตัวเองไปเดิมพันกับ ‘การปลอมตัว’ มากกว่า ‘การแสดง’ เสียอีก
“ฮงฮเยยอน คุณจะไปงานปาร์ตี้หลังอ่านบทวันนี้หรือเปล่าครับ?”
ผู้ชายรูปร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาหาฮงฮเยยอนที่ทางเข้าของห้องโถงขนาดใหญ่ ซึ่งทันทีที่เห็น คังวูจินก็จำเขาได้ทันที
'อ่า รยูจองมิน เขาหน้าตาดีจริง ๆ'
เขาจำรยูจองมินพระเอกของเรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ได้ เขาเคยเห็นอีกฝ่ายแค่ในข่าว ระหว่างทางเข้ามาเขาก็เห็นนักแสดงหลายคน แต่รยูจองมินช่างมีออร่าที่แตกต่างออกไปจริง ๆ ตอนนั้นเอง รยูจองมินก็เอ่ยถามถึงนักแสดงที่รับบทรองหัวหน้าพัคพอดี
“เฮ้ คุณเคยเห็นนักแสดงที่รับบทเป็นรองหัวหน้าพัคบ้างไหม?”
คังวูจินยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัวด้วยความประหลาดใจ เขาแทบสะดุ้งเลย
'นักแสดงคนนั้นก็อยู่ที่นี่ไง ตรงหน้าคุณนี่แหละ'
ปัญหาก็คือ...
“โอ้-คน ๆ นี้ดูดีเกินกว่าจะเป็นผู้จัดการหรือเปล่าเนี่ย? เขาหน้าตาดีมากเลยนะ”
รยูจองมิน จู่ ๆ ก็สนใจตัวคังวูจิน เขาเรียกคังวูจินว่าเป็นผู้จัดการของฮงฮเยยอนอย่างเปิดเผย มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? ทำไมเขาถึงเข้าใจผิดกันนะ แต่ดูเหมือนในตอนนี้ คังวูจินจะมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คำชมว่า 'หล่อ' ที่ออกมาจากปากของรยูจองมิน
‘จะบ้าตาย! เกือบเผลอหลุดหัวเราะออกมาแล้ว’
ถึงแม้จะเป็นคำชมเล่น ๆ แต่รยูจองมินผู้เป็นสามีแห่งชาติกลับชมเขาว่าหล่อ เขาเลยดีใจจนอยากกระโดดโลดเต้น แต่มันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น รยูจองมินก้าวไปข้างหน้าคังวูจินแล้วพูดว่า
“พูดจริงนะ คุณควรลองเล่นละครดูสักครั้ง เสียดายหน้าตาของคุณเลยถ้าไม่ได้ใช้”
อืม…แต่นี่เขาก็หล่อจริง ๆ นะ ยิ่งมองใกล้ก็ยิ่งรู้สึกว่าหล่อ ผมยาวรับกับใบหน้า ผู้หญิงคงจะคลั่งไคล้ผู้ชายหน้าตาดีอย่างเขามากมายแน่ คังวูจินเผลอตัวหลงใหลไปกับใบหน้าอันหล่อเหลาของรยูจองมิน ไม่สิ เขาถูกสะกดด้วยเสน่ห์นั้นต่างหาก
“······”
จากนั้น รยูจองมินพูดกับฮงฮเยยอนอย่างสบาย ๆ ว่า
“คนนี้ดูเท่ดีนะ เขาเหมือนมีออร่าอยู่เลย หรือว่าเขาประหม่า? นี่คุณเป็นหน้าใหม่เหรอครับ?”
เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว! แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง… ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง บุคคลคุ้นหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าโถง พวกเขาคือ PDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมี รยูจองมินจึงรีบเดินเลี่ยงออกไปหลังทักทายฮงฮเยยอน
สักพักหนึ่ง…
“คุณคังวูจิน”
ฮงฮเยยอนแตะไหล่คังวูจินเบา ๆ แล้วชี้ไปตรงกลางโต๊ะที่จัดเป็นรูปตัว ㅁ
“นั่นเป็นที่นั่งสำหรับดาราดังที่จะรับบทรองหัวหน้าพัค แต่ฉันคิดว่าคุณคงไม่ประหม่าหรอกนะ เพราะงั้นก็อย่าเกร็งไปล่ะ”
บ้าจริง! ฉันน่ะประหม่าจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้วต่างหาก คังวูจินแอบพ่นลมหายใจออกยาว ๆ พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกนั้นไว้ แล้วมองไปยังเก้าอี้กลางที่เธอชี้บอก ท่ามกลางเหล่านักแสดง เขามองเห็นป้ายชื่อบท ‘รองหัวหน้าพัค’ วางอยู่
-พึบ
ทันใดนั้น คังวูจินก็เริ่มขยับตัว เขาพยายามทำตัวกลมกลืนท่ามกลางผู้คนนับร้อย หัวใจที่เพิ่งจะสงบลงไปเมื่อครู่นี้เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เหมือนจะระเบิดออกมาจากอก
‘ว้าว นี่มันบ้าไปแล้ว’
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ ปลายนิ้วมือของคังวูจินเริ่มสั่นเทาเบา ๆ แต่ตอนนี้ถอยหลังไม่ได้อีกต่อไป และสิ่งที่เขาต้องทำก็ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว
คังวูจินเดินไปทีละก้าว ท่องคาถาในใจ โชคดีที่ไม่มีใครในห้องสนใจเขาเลย จนกระทั่งในที่สุด เขาก็สามารถมาถึงเก้าอี้ของรองหัวหน้าพัคได้เสียที
“คุณPDครับ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? นักแสดงที่รับบทรองหัวหน้าพัคยังไม่มาเหรอครับ เขาจะไม่มาเหรอ?”
“เขามาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ขณะนั้นเอง PDซงมันวูยิ้มและพยักหน้าไปทางคังวูจิน
-ตุบ
ความสนใจของผู้คนนับร้อยคนในห้องโถงมุ่งความสนใจไปที่คังวูจิน โอ้เดี๋ยวก่อนนะ คังวูจินตัวแข็งทื่อ เพราะสายตาของนักแสดงหลายสิบคน ผู้จัดการต่างเริ่มกระซิบกระซาบกัน นักข่าวก็เอียงคอด้วยความสงสัย
ผู้คนนับร้อยคนต่างรอคอยคำตอบจากคังวูจิน
คุณเป็นใครกันเนี่ย?
คังวูจินรู้สึกเหมือนร่างกายและจิตใจกลายเป็นสีขาวโพลนเหมือนกระดาษเปล่า แปลกที่ท่ามกลางสถานการณ์ที่สติสัมปชัญญะปลิวหายไปหมดสิ้น กลับมีคำสั่งชัดเจนเพียงหนึ่งเดียวผุดขึ้นในหัว
‘ไม่รู้แล้วโว้ย’
จังหวะนี้มีแต่ต้องแน่วแน่ พุ่งชนเข้าไป ความคิดอันไร้แก่นสารผุดขึ้นในหัวของเขา ความคิดนี้มันอาจเกิดจากนิสัยของคังวูจินกระมัง ด้วยเหตุนี้ ตัวเขาจึงทำตามความคิดที่ว่า แสร้งทำหน้าเหี้ยมพร้อมกับมองทุกคนที่จับจ้องมาทางเขา
นั่นกินเวลาไปหลายวินาที
มีสติได้แล้ว คังวูจิน...
‘อ๋อ…ต้องแนะนำตัวเองสินะ’
เขาพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“สวัสดีครับ ผมคังวูจิน รับบทรองห้วหน้าพัคครับ”
ทันใดนั้น ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ที่เคยเต็มไปด้วยความอึดอัดก็กลับเงียบสนิทไป บรรยากาค่อนข้างประหลาดพอควร แต่คังวูจินรู้สึกว่าเขาควรจะนั่ง เขาจึงดึงเก้าอี้ออกมา
-ครืดคราด
ภายในห้องอ่านบทอันกว้างขวางแห่งนี้ มีเพียงเสียงคังวูจินดึงเก้าอี้เท่านั้น
“······”
“······”
สายตามากมายยิ่งจับจ้องเขาเข้าไปใหญ่ ไม่ว่าจะนักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดัง นักแสดงหญิงที่ประสบความสำเร็จในรายการบันเทิง นักแสดงชายที่หนังเรื่องล่าสุดเพิ่งประสบความสำเร็จ นักแสดงหน้าคุ้นแต่จำชื่อไม่ได้ และอีกมากมาย ต่างคนต่างพากันจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง
‘อ้า… อย่าจ้องฉันนักสิ ฉันตัวสั่นไปหมดแล้วนะ’
คังวูจินพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่เหลือบมองไปทางนักแสดงคนหนึ่ง
‘อ๋อ นักแสดงคนนั้น…พอเห็นโฆษณาที่เขาเล่นแล้ว ฉันก็เลยไปซื้อเสื้อกันหนาวมาตัวหนึ่งด้วย’
ฮงฮเยยอนที่นั่งอยู่แถวหน้ากำลังยิ้มน้อย ๆ ราวกับกลั้นหัวเราะ ส่วนพระเอกรยูจองมินยังคงเบิกตากว้าง มองมาที่คังวูจินด้วยท่าทางสับสนสุด ๆ
ผู้คนนับร้อยคนในห้องโถงต่างก็ตกตะลึงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป
บทบาทที่พวกเขากำลังเฝ้ารอคอยอย่าง ‘รองหัวหน้าพัค’ กลับถูกนักแสดงที่ไม่ทราบชื่อมารับบทไป สำหรับทุกคนแล้ว คังวูจินแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่เหล่านักแสดงจะมองมาที่เขาด้วยท่าทางสงสัย
บรรดาผู้สื่อข่าวและทีมผู้จัดการที่มางานอ่านบทก็ไม่ต่างกัน
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้นเอง
“เอาล่ะครับ”
PDซงมันวูเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบในห้องโถง
“ทุกคนคงอยากรู้จักนักแสดงที่รับบทรองหัวหน้าพัคใช่ไหมครับ? นั่นแหละครับคุณคังวูจิน พวกคุณคงทักทายกันเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”
เพียงแค่นั้นเอง สายตาของทุกคนที่เคยจับจ้องไปที่คังวูจินก็ละสายตาออกไป คังวูจิลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่PDซงมันวูก็เริ่มต้นการอ่านบท
“เดี๋ยวเราจะแนะนำตัวกันอย่างละเอียดระหว่างการอ่านบทกัน ทุกคนรบกวนเปิดบทละครหน้าที่ 1 ได้เลยครับ”
-พั่บ พั่บ
ในไม่ช้า เหล่านักแสดงที่กำลังตื่นเต้นต่างก็รีบกางบทละครออกมา แม้กำลังทำอย่างนั้น พวกเขาก็แอบเหลือบมองคังวูจินอด้วยความสงสัย
“เขาเป็นใครกัน? คุณรู้จักไหม?”
“ไม่รู้จักเลย เพิ่งเห็นครั้งแรกเหมือนกัน เขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่หรือเปล่า?”
“นักแสดงหน้าใหม่… แต่นี่มันจะหน้าใหม่เกินไปหน่อยนะ ฉันรู้จักคนในวงการละครเวทีอยู่บ้าง แต่เขาคนนี้นี่ไม่คุ้นหน้าเลย”
ทุกคนต่างก็มีความเห็นตรงกัน
“PDซงมันวูไม่ใช่คนที่ชอบดึงนักแสดงหน้าใหม่มาร่วมงานบ่อยนิ?”
“ใช่ แถมบทบาทของ ‘รองหัวหน้าพัค’ มันไม่ใช่บทบาทตัวประกอบถูกต้องไหม? เขาจะเอาบทดีขนาดนี้ให้คนที่ไม่รู้จักเลยเหรอ? บ้าไปแล้ว”
แน่นอนว่านักแสดงที่นั่งรอบ ๆ คังวูจินก็เข้ามาทักทายเขาเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณคังวูจิน เคยเล่นละครเวทีมาก่อนหรือเปล่าครับ?”
“สวัสดีครับ ผมไม่เคยเล่นละครเวทีมาก่อนเลย”
“เสียงคุณเพราะดีนะครับ นี่เป็นผลงานแรกของคุณเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ เป็นผลงานชิ้นแรกของผม”
คังวูจินยังคงวางท่าทีนิ่งเฉย เนื่องจากเขาไม่ค่อยรู้จักใครที่นี่ การตอบคำถามจึงต้องกระชับที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าบรรดานักแสดงรอบข้างกลับตีความไปอีกทาง
“ทำไมเขาถึงดูเย็นชาขนาดนี้? นี่ถึงขั้นเป็นโรคหยิ่งของคนดังแล้วเหรอ?”
“เขาดูดีมากเลยแฮะ…เป็นเพราะนิสัยของเขาหรือเปล่านะ?”
“ผมค่อนข้างตั้งตารอ ‘รองหัวหน้าพัค’ อยู่นะ แต่ดูท่าฝีมือการแสดงของเขาอาจจะเรียบ ๆ ไปหน่อยแหง”
“แต่ถ้าPDซงมันวูเอาเขามาเล่น แสดงว่าพื้นฐานก็น่าจะพอมีบ้างแหละ”
“แค่มีพื้นฐานได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว”
ขณะนั้นเอง PDซงมันวูก็เอ่ยขึ้นมา
“งั้นเราเริ่มแนะนำตัวกันเลยนะครับ”
การอ่านบทเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
ครู่หนึ่งต่อมา…
มีการแนะนำทีมงานเบื้องหลังและนักแสดงจนครบ ทุกอย่างราบรื่น ยกเว้นช่วงแนะนำตัว คังวูจินดูเกร็ง ๆ ไปหน่อย
จากนั้นการอ่านบทก็เริ่มต้นจากคำบรรยายของPDซงมันวู
“ฉากที่ #1 ป่าเขาในตอนเช้า ทั่วป่ามีตำรวจเต็มไปหมด”
‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2010
แม้ว่าบทจะยังเขียนไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีการวางแผนที่จะเชื่อมโยง 4 ตอนย่อยให้กลายเป็น 16 ตอน โดยตัวละคร ‘รองหัวหน้าพัค’ จะเป็นตัวละครสำคัญในตอนแรก และเป็นผู้เปิดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักของละครทั้งเรื่อง
ฉากแรก เปิดด้วยการค้นพบศพชายวัย 50 ปี บนภูเขา
ในตอนนั้นเอง รยูจองมิน ผู้รับบทเป็น 'ยูจีฮยอง' ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาและมีสมองอันชาญฉลาด แต่ก็ถูกเรียกว่า 'ยูฮันรยาง' เพราะมีนิสัยเกียจคร้าน
(ฮันรยาง=คนเสเพล)
เมื่อ 'ยูฮันรยาง' ปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะกล่าวประโยคเด็ดออกมา
“อา สภาพร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไรเลยแฮะ สงสัยว่าเพราะผมเพิ่งทานข้าวเช้าก่อนมาที่นี่แหง”
นักแสดงคนถัดไปคือ ฮงฮเยยอน ผู้รับบท ‘จองยอนฮี’ นักสืบสาวผู้มุ่งมั่น เธอถูกวางบทให้เป็นคนที่จริงจังและไม่ยอมปล่อยวางคดีง่าย ๆ
ทันทีที่จองยอนฮีเห็นยูฮันรยาง เธอก็ทำหน้าบึ้งตึง
“ทำไมคุณยูฮันรยางถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน? ไม่มีใครคนอื่นมาแล้วเหรอ?”
“ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาทั่วประเทศไม่ได้มีเยอะแยะนะครับ ถ้าคุณรำคาญนัก ก็ไม่ลองทำเองสิ คุณนักสืบจองยอนฮี แต่คือผมขอไปกินของหวานครู่หนึ่งนะครับ”
“เหอะ ฟังแล้วเพลียซะจริง”
ทั้งสองคนดูเหมือนจะรู้จักกันดี พวกเขาเริ่มโต้ตอบกันอย่างดุเดือด ด้านหลังของพวกเขามีนักแสดงชายคนอื่น ๆ ทยอยเข้าร่วมฉาก บรรยากาศการอ่านบทกลายเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว ยามนี้นักแสดงผู้ซึ่งมีชื่อเสียงด้านฝีมือการแสดงต่างแลกเปลี่ยนบทพูดที่แต่ละคนวิเคราะห์มาแล้วอย่างคล่องแคล่ว
“ประมาณการเวลาเสียชีวิตคือเมื่อไหร่?”
“น่าจะเป็นเมื่อคืน”
“สีแดง ๆ ใต้เล็บนั่นคืออะไร?”
“มันคือยาทาเล็บ”
"ยาทาเล็บ? ลุงแบบนี้มีงานอดิเรกอะไรกนันเนี่ย?”
แม้จะเป็นแค่การอ่านบท แต่เหล่านักแสดงต่างก็ทุ่มเทกับการแสดงอย่างเต็มที่ ความเข้มข้นนั้นสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
"ฮึ่ม"
คังวูจินสั่นหัวเบา ๆ ขณะดูการแสดงของนักแสดงคนอื่น
'นักแสดงคนนั้น ดูเหมือนเขาจะส่งบทพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจเลยแฮะ'
เพราะในสายตาของเขา ที่นี่ไม่ใช่ห้องอ่านบท แต่มันคือโลกของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอนที่ 1 ซึ่งคังวูจินเคยสัมผัสชีวิตของตัวละครแต่ละตัวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่เพิ่งส่งบท ตัวละครที่กำลังพึมพำบทพูดของตัวเองอยู่ตอนนี้ และตัวละครที่กำลังเตรียมตัวพูดบท
จริง ๆ แล้วในบรรดานักแสดงที่มาร่วมงานอ่านบทครั้งนี้ เขาคงเป็นคนที่สามารถแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
'ไม่นะ ส่วนนั้นต้องเน้นน้ำเสียงสิ ตัวละครกำลังสิ้นหวังไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขาถึงพูดจืดชืดแบบนั้นกัน?'
ซึ่งยามนั้นเอง
“แทซาน เมื่อครู่น้ำเสียงของคุณดูจืดชืดเกินไปหน่อยนะ ช่วยเน้นน้ำเสียงเพิ่มหน่อยสิ”
ขณะคังวูจินกำลังผิดหวังอยู่ภายในใจ PDซงมันวูก็ชี้จุดบกพร่องของนักแสดงคนนั้นอย่างใจเย็น คังวูจินจึงได้แต่คิดในใจ
'เห็นไหมล่ะ ฉันก็ว่าแล้วว่าการแสดงของนักแสดงคนนี้มันแปลก ๆ ดูก็รู้ตั้งแต่แรกเลยไม่ใช่หรือไง?'
ในขณะเดียวกัน นักเขียนบทพัคอึนมีที่คาดผมไว้ ก็ตำหนิจางแทซันผู้รับบทสมทบ
“คุณแทซาน คุณศึกษาตัวละครของคุณอย่างละเอียดรอบคอบหรือเปล่า? คือฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่คุณดูแสดงเหมือนคนจะหมดแรงเลยนะคะ”
“เอ่อ… ขอโทษครับ ผมพยายามตีความตัวละครในมุมมองที่ต่างออกไป เดี๋ยวผมจะลองทำการบ้านใหม่ครับ”
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คังวูจินคิด ส่วนบทบาทผู้หญิง เขานั้นรู้น้อยมาก แต่มันก็ไม่สำคัญกับบทบาทของรองหัวหน้าพัคหรอก เพราะส่วนใหญ่เขาจะต้องจับคู่กับตัวละครชาย คังวูจินรักษาใบหน้าอันนิ่งเฉยไว้ได้ตลอด แต่เขาก็ตึงเครียดนัก ทว่าอีกใจเขาก็เริ่มสนุกกับการอ่านบท
เมื่อเปรียบเทียบการแสดงกับประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเผชิญมา ในบางครั้งคังวูจินจึงรู้สึกอยากจะกระโดดเข้าไปเล่นเองเลยด้วยซ้ำ
‘มันไม่ควรแสดงแบบนั้นสิ เขาคิดภายในใจ จนเกือบเผลอหลุดพูดออกความคิดเห็นไป'
มันเหมือนกับความรู้สึกที่แอบไปเล่นดินในสนามเด็กเล่นช่วงพักไม่มีผิด ยามนั้นเอง คังวูจินก็รู้สึกได้ อ่า นี่สินะคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าความทะเยอทะยานในการแสดงงั้นเหรอ? ในขณะเดียวกัน ช่วงกลางของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็เกิดปมสำคัญที่พลิกผันเรื่องราว
มันเริ่มต้นด้วยบทพูดของผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยา ยูจีฮยอง
“คุณดูสิ่งนี้สิ ยาทาเล็บสีแดง เสื้อผ้าที่ถอดเฉพาะช่วงบน อาวุธสังหาร ทั้งยังจัดท่าทางอย่างสบาย ๆ ก่อนที่ศพจะแข็งทื่อหลังจากการฆาตกรรม เคยมีวิธีคล้าย ๆ กันนี้ถูกใช้ในอดีตบ้างไหม? ในบรรดาคดีที่ยังไม่คลี่คลายน่ะ”
ปรากฎว่าวิธีการและพฤติกรรมของการฆาตกรรมครั้งนี้เหมือนกับคดีที่ยังไม่คลี่คลาย มันคือฆาตกรต่อเนื่องที่สร้างศพไว้ห้าศพในอดีต เป็นคดีที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วประเทศ บทต่อไปก็เป็นของจองยอนฮี
“เหมือนมีอยู่ในปี 2004...แต่ฆาตกรคนนั้นก็หายตัวไป แต่เขาจะกลับมาหลังจากผ่านไปแล้ว 6 ปีงั้นเหรอ?”
“เรายังไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนเป็นฝีมือเขานะ คงคิดจะเปิดโหมโรงบทใหม่หรือเปล่า?”
“ถ้าหากเขาจะกลับมา…แต่ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงกลับมาตอนนี้กันล่ะ?”
เมื่อละครดำเนินไปถึงกลางตอนที่ 1 บรรยากาศตึงเครียดก็ค่อย ๆ ทวีความรุนแรง แน่นอน ว่าด้วยการแสดงของนักแสดง บรรยากาศในห้องอ่านบทจึงร้อนแรงยิ่ง
จังหวะนั้นเอง
“เปิดหน้าต่อไป”
PDซงมันวูเปิดหน้าต่อไปในบทละครและชี้ไปที่ตัวละครถัดไป
“สวนสาธารณะที่เงียบสงบ อ่า คุณคังวูจิน”
ช่วงปลายของตอนที่ 1 รองหัวหน้าพัคได้ปรากฏตัวขึ้น
"ฉากเปิดตัวของรองหัวหน้าพัคเป็นฉากเดี่ยว ไม่มีคู่แสดง ดังนั้นแค่แสดงให้ได้อารมณ์นิดหน่อยพอประมาณก็ได้ เน้นให้เข้ากับโทนเรื่องที่ดำเนินไปพอ"
“ครับ ผมเข้าใจ ผมจะทำอย่างพอประมาณ”
อย่างไรก็ตาม คังวูจินที่ขาดประสบการณ์ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “พอประมาณ” เขากำลังพูดถึง “พอประมาณ” แบบไหนกัน? หมายถึงให้ตัดทอนการแสดงออกหรือเปล่า? หรือเขาขอให้ทำแบบไม่ตั้งใจ? คังวูจินไม่อาจรู้ได้เลย
‘ฮู้ว เกร็งไปหมดเลยแฮะ แต่ยังไงก็แค่ซ้อมบท ต้องนั่งอยู่เฉย ๆ เน้นแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางให้ดีพอ คงต้องทำแค่นี้สินะ’
สำหรับคังวูจินแล้ว การแสดงต่อหน้าคนเป็นร้อยคน โดยเฉพาะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักแสดงเช่นนี้ มันถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเขา หัวใจมันแทบจะหลุดระเบิดออกมา แต่เขาก็ทำได้เพียงเก็บอาการไว้ พยายามทำเป็นเย็นชาถึงที่สุด ผ่อนคลายให้ถึงที่สุด นึกถึงแค่อุปนิสัยของตัวละครรองหัวหน้าพัคก็พอ
เขามุ่งความสนใจไปยังประสบการณ์ที่เขาเคยได้สัมผัส สังเกต และรู้สึกในฐานะรองหัวหน้าพัค จากนั้นก็ทำให้มัน 'พอประมาณ' ลดการเคลื่อนไหวลงเล็กน้อย
ในเสี้ยววินาทีนั้น คังวูจินที่จดจ่อและตั้งใจก็กลายเป็นรองหัวหน้าพัคอย่างสมบูรณ์แบบ เขาไม่ได้ค่อย ๆ ปรับตัวเข้าไปสู่ตัวละคร แต่ออร่าของคังวูจินคล้ายเปลี่ยนไปในทันที สำหรับวูจินแล้ว นี่ไม่ใช่กระบวนการที่ยุ่งยากอะไรเลย
เขาอ่านและสัมผัสมันมาหลายสิบครั้ง ทั้งเคยสัมผัส เข้าใจ และแยกแยะมัน
ทันใดนั้นเอง ฉากตรงหน้าของคังวูจินก็ได้เปลี่ยนไป ผู้คนหลายร้อยคนหายไปหมด เหลือเพียงสวนสาธารณะในยามกลางวันที่เงียบสงบได้แผ่ขยายเบื้องหน้าเขา อุณหภูมิที่ร้อนอบอ้าวของห้องอ่านบทกลายเป็นแสงแดดที่สัมผัสผิวหนังของเขา เป็นอากาศอบอุ่น
ตอนนี้ ใบหน้าของรองหัวหน้าพัคดูนิ่งสงบยิ่ง
มันไม่ได้อยู่ในระดับที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แต่มันเหมือนคังวูจินคือรองหัวหน้าพัค ไม่สิ มันไม่สำคัญหรอกว่าใครเป็นใคร เพราะเหมือนทั้งสองคนได้ผสมผสานกันเข้าไปแล้ว
-เฮ้อ
รองหัวหน้าพัคเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่อ่อนโยนแต่ดูโทรมของเขา มันเป็นแววตาที่แปลกประหลาดยิ่ง ดวงตาสีคล้ำมืดทว่าแฝงประกายของความบ้าคลั่งอย่างเลือนราง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจ
ในเสี้ยววินาทีนั้น รองหัวหน้าพัคได้จ้องมองไปที่ว่างเปล่า ลบรอยยิ้มประหลาดเมื่อครู่ทิ้งไป เหลือเพียงใบหน้าเรียบตึงไร้ริ้วรอย ทว่ากลับดูแข็งกร้าว ทำไมกันนะ? มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้รู้สึกสงสัย จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็ยิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม มันเป็นรอยยิ้มกว้างขึ้นจนเห็นฟันขาว
มีช่องว่างเล็กน้อยในรอยยิ้มที่มองเห็นได้
ช่องว่างนี้ดูเล็กน้อย แต่ก็ซ่อนความหมายไว้ นักแสดงรุ่นเก๋าไม่มีใครไม่สังเกตเห็น นักแสดงที่จ้องมองรองหัวหน้าพัคต่างอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยเห็นการแสดงเช่นนี้มาก่อนเลย
กระทั่งฮงฮเยยอนที่กำลังจ้องมองรองหัวหน้าพัคเพื่อไม่ให้พลาดสิ่งใดก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
‘เขาดูไม่ตึงเครียดเลย เต็มไปด้วยความนิ่งสงบ แถมยังรู้สึกแสดงได้ลุ่มลึกกว่าเดิมอีกงั้นเหรอ? ถ้างั้นเขาเตรียมตัวสำหรับตอนที่ 2 ยังไงกันนะ? อ่า แทบจะทนรอไม่ไหวแล้วสิ’
นักเขียนพัคอึนมี ผู้สร้างรองหัวหน้าพัคก็ทนรอแทบไม่ไหวเช่นกัน
‘อวดฝีมือต่อหน้าเหล่านักแสดงระดับแนวหน้าเนี่ยนะ…ยิ่งชัดเจนกว่าเดิมเลย นายคนนี้มันบ้าจริง ๆ สินะ แต่ฝีมือการแสดงของเขามันพัฒนาโดยไม่ได้หยุดลงเลยเหรอเนี่ย?!’
PDซงมันวู หัวหน้าผู้ดูแลทิศทางทั้งหมดของละครเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
‘เหมือนเขาไม่สนใจสายตาของคนเป็นร้อยคนเลยสินะ เพราะอีโก้พุ่งไปถึงท้องฟ้าแล้วเหรอ? แต่ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะ อา จอภาพ ฉันอยากเห็นมันบนจอภาพเดี๋ยวนี้เลย การแสดงแบบนี้น่ะ’
จากนั้นเอง รองหัวหน้าพัคก็ลดศีรษะลงแล้วเงยขึ้นอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มองนักแสดงทั้งหมด ไปทางขวา ไปทางซ้าย อารมณ์ที่เขาสร้างขึ้น ทำให้พวกเขาไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย
ในไม่ช้า...
-พึบ
สายตาอันแหลมคมของรองหัวหน้าพัคมุ่งไปยังจุดเดียว เบื้องหน้าคือ รยูจองมิน นักแสดงนำชายผู้ที่เบิกตาด้วยความตกตะลึง ไม่สิ สายตานี้คล้ายจ้องมองไปด้านข้างเขาต่างหาก จากนั้นรองหัวหน้าพัคก็เอียงคอเล็กน้อย รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่แข็งกร้าวของเขา
เขายิ้มแย้ม แต่ความเย็นชายังคงแฝงอยู่ในดวงตา
ความคาดหวัง โอบล้อมไปด้วยความตื่นเต้นและความพึงพอใจ
หลังจากมองอย่างจดจ่อไปที่บริเวณใกล้กับรยูจองมินสักสองสามวินาที ปากของรองหัวหน้าพัคก็เผยอออกเล็กน้อย
“อ่า อยู่ตรงนั้นเองสินะ ไอ้เวรตะไล”
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของรองหัวหน้าพัค จะเป็นพระเอกอย่างรยูจองมิน
“....ไซโคพาธชัด ๆ”
เขา ผู้ที่ได้สัมผัสฝีมือการแสดงของคังวูจินเป็นครั้งแรก ก็อดไม่ได้เลยที่จะพึมพำกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
“นี่คือการแสดงที่เรียกว่า ‘พอประมาณ’ งั้นเหรอ?”