บทที่ 10 เตรียมพร้อมการประลองระหว่างตระกูล
หลังจากที่ได้ตรานักหลอมโอสถระดับ 3 มาแล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่สมาคมผู้ใช้ค่ายกลที่อยู่อีกฝั่งของสมาคมหลอมโอสถ
“เฮ้อออออ…โอสถปรับสภาพกายาระดับขายได้เม็ดละ 150 เหรียญทองส่วนโอสถขยายลมปราณน้นขายได้เม็ดละ 375 เหรียญทองยังขาดอีก 8,425 เหรียญทองถึงจะพัฒนาระดับกายากลั่นสวรรค์ได้”ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความหน่ายใจ
ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าตึกสมาคมค่ายกล
“พี่สาวครับ ข้ามาสมัครเป็นผู้ใช้อาคม”ชายหนุ่มเอ่ยกับพนักงานสาวพร้อมกับปล่อยพลังจิตสีขาวออกมา
หญิงสาวตาเบิกกว้างแล้วรีบไปตามผู้อาวุโสในสมาคมมา
ผ่านไปสักครู่ก็มีชายชราเดินมาพร้อมกับหญิงสาว
“สวัสดีสหายน้อยข้ามีนามว่า ว่านเก่อจิง เป็นผู้ใช้อาคมระดับสีฟ้า”ชายชรากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“คารวะท่านผู้อาวุโส เก่อจิง ขอรับ”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างนอบน้อม
“รุ่นเยาว์ที่พัฒนาพลังจิตได้เร็วเช่นเจ้าถือว่าหายากเป็นอย่างยิ่ง”ว่านเก่อจิงกล่าวพร้อมยิ้มออกมา
“ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้วขอรับ”ชายหนุ่มกล่าวอย่างถ่อมตน
“มาๆลองสร้างอาคมให้ข้าดูแล้วข้าจะให้ตราผู้ใช้อาคมระดับ 2 เลย”ว่านเก่อจิงกล่าวพร้อมนำม้วนอาคมออกมาให้ชายหนุ่ม
“ข้าจะเริ่มแล้วนะขอรับ”ชายหนุ่มรับม้วนอาคมมาแล้วลงอักขระอาคมของตน
วิ้งงงงงงง
แสงสีขาวพลันกระจายออกมาจากม้วนอาคมด้วยความรวดเร็ว
ที่ชายหนุ่มสามารถวางอาคมได้อย่างรวดเร็วก็เพราะสมองเทพคำนวนพลังและการไหลเวียนของพลังจิตเอาไว้หมดแล้ว
วาบบบบบบบบบ
ปรากฎกระบี่ ดาบ หอก และ ทวน สีขาวลอยออกมานับสิบๆเล่มเหนือศรีษะของชายหนุ่ม
“เจ้าใช้อาวุธได้หลายประเภทเลยงั้นรึ”ว่านเก่อจิงเอ่ยอย่างสงสัย
“ใช่แล้วขอรับข้าใช้อาวุธได้หลากหลายประเภท”ชายหนุ่มเอ่ย
นั่นเป็นเพราะว่าค่ายกล 100อาวุธนั้นจะปรากฎอาวุธตามความถนัดของผู้วางค่ายกล
“เจ้าวางอาคมได้รวดเร็วและมีความแข็งแกร่งมาก”ว่านเก่อจิงสำรวจอาคมของชายหนุ่มดู
“ข้าขอตราผู้ใช้อาคมระดับ 2 ไปเลยนะขอรับ”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาเพราะว่าตนจะกลับไปฝึกเพื่อเตรียมพร้อมอีก 1 เดือนข้างหน้าในงานประลองระหว่างตระกูล
เมื่อได้ยินดังนั้นว่านเก่อจิงก็โยนตราผู้ใช้อาคมให้ชายหนุ่ม
“ขอบคุณขอรับ”ชายหนุ่มคารวะแล้วเดินออกจากสมาคมผู้ใช้อาคม
ชายหนุ่มใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเดินทางกลับถึงบ้าน
“ข้าจะต้องสร้างวิชาใหม่ๆและพัฒนาขั้นพลังให้เร็วที่สุด”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
“แต่ก่อนอื่นหลอมโอสถหาเงินก่อนดีกว่า แล้วสลักอักขระใส่ม้วนอาคมเพื่อเอาไปขายด้วย”ชายหนุ่มเริ่มหลอมโอสถและตั้งสมาธิวางค่ายกล
ผ่านไป 4 ชั่วยามชายหนุ่มได้เม็ดโอสถระดับ 3 มา 34 เม็ดและม้วนอาคมที่มีอาคมสลักอยู่ระดับ 2 อยู่ 20 แผ่น
“ทั้งหมดน่าจะขายได้ประมาณ 20,000 เหรียญทอง เยอะกว่าที่ข้าต้องการ 10,000 เหรียญทอง”แต่ก็ไม่พอใช้เพราะต้องใช้หินลมปราณระดับกลางถึง 100 ก้อนเลยทีเดียวในการยกระดับขึ้นสู่ระดับปฐพี
ชายหนุ่มไปขายโอสถและม้วนอาคมของตนทั้งหมดแล้วกลับบ้านมานับเงิน
“ได้ทั้งหมด 23,420 เหรียญทอง ข้าแลกเปลี่ยนหินลมปราณระดับต่ำมาแล้ว 20 ก้อน”ชายหนุ่มคิดพร้อมดูดซับปราณในหินลมปราณระดับต่ำ10 ก้อนแล้วส่งพลังไปที่กายากลั่นสวรรค์ของตน
วิ้งงงงง วิ้งงงงงงงงง วิ้งงง
แสงสว่างสีทองปรากฎออกมาเมื่อกายาของชายหนุ่มเริ่มยกระดับ
ตูมมมมมมม
“กายากลั่นสวรรค์ระดับปฐพีทำให้ข้าดูดซับปราณเข้ามาแล้วเปลี่ยนเป็นปราณธรรมชาติได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น”ตอนนี้การทะลวงขั้นของชายหนุ่มนั้นง่ายดายกว่าเดิมมากแล้ว
“อืมมมมม….ข้าน่าจะหาความรู้เพิ่มเติมก่อน”ชายหนุ่มเดินออกจากห้องของตนแล้วไปยังหอตำราของเมืองศาลาหยก
เมื่อมาถึงชายหนุ่มก็พบเจอกับบรรณารักษ์วัยกลางคนนั่งคล้ายจะหลับอยู่
“เอ่ออออ..คือว่าข้าจะขออ่านตำราในนี้ขอรับ”
“หืมมมม…ตรงเข้าไปข้างในเลยอย่างอ่านเล่มไหนก็ปลดผนึกเล่มนั้นด้วยปราณของเจ้าก่อน”บรรณารักษ์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเพิ่งตื่น
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็คิดจะลองแผนสุดบรรเจิดที่เพิ่งจะขึ้นได้เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อกี้
“ขอบคุณขอรับ”
ชายหนุ่มเดินไปชั้นบนสุดก่อนทันที
“ตำราชั้นบนสุดมีวิชาระดับนภาและตำราหายากต่างๆมากมาย ข้าจะกินผนึกมันให้หมดเลย”ชายหนุ่มเดินเข้าไปสุ่มหยิบตำรามาสักเล่ม
“เอาหล่ะขอให้มันได้ผล”ชายหนุ่มภาวนาออกมาก่อนจะใช้เส้นลมปราณกลืนกินของตนดูดซับผนึกในตำรา
วูบบบบบ
ผนึกค่อยๆจางหายไปพร้อมกับพลังของชายหนุ่มที่เพิ่มมากขึ้นแล้วอ่านข้อมูลในตำรา
“สัก 20-30 เล่มข้าคงทะลวงขั้นไประดับก่อเสริมจิต ขั้น 8 ได้เป็นแน่”ชายหนุ่มคิดพร้อมไล่ดูดซับตำราทุกเล่มในชั้นนี้พร้อมเปิดมาอ่านดูด้วย
ชายหนุ่มไล่ดูดซับตั้งแต่ชั้น6ซึ่งเป็นชั้นบนสุดลงมายังชั้น 3 แล้วก็ต้องหยุดเพราะว่าบรรณารักษ์มาห้ามไว้ก่อน
“เจ้าหนูพอเถอะ ข้าคลายผนึกให้เจ้าอ่านทั้งหมดก่อนก็ได้”บรรณารักษ์เอ่ยด้วยใบหน้าที่ตื่นตะลึง
“อะ…เอ่อออ ขอบคุณมากขอรับ”ชายหนุ่มคารวะด้วยความตกใจเพราะสัมผัสไม่ได้เลยว่าบรรณารักษ์ผู้นี้มาตอนไหนแล้วไล่อ่านหนังสือทั้งหมด
ผ่านไป 3 ชั่วยามชายหนุ่มก็อ่านจนครบทุกเล่มแล้ว
“ขอบคุณมากๆ ขอรับที่ให้ข้าอ่านทุกเล่มแบบนี้”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้สึกขอบคุณ
“เหอะ เหอะ ทีหลังเจ้าก็อย่าทำลายผนึกนั่นเล่นอีกหละ”บรรณารักษ์เอ่ยอย่างเอือมระอา
“ขอบคุณมากๆ ขอรับ”ชามหนุ่มเอ่ยแล้วกลับบ้านไปปรับสมดุลพลังของตน
“เป็นเด็กที่น่าสนใจจริงๆ”ชายกลางคนที่เป็นบรรณารักษ์เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มก็กลับเข้าห้องของตนและปิดด่านทันที
“ตอนนี้ข้าอยู่ขั้น 8 ระดับกลางแล้วเอาละ 1 เดือนนี้ข้าจะยกระดับพลังจิตให้เป็นระดับสีม่วง”
ระดับพลังจิตนั้นจะยกระดับตามความรู้ความเข้าใจของผู้ใช้ในการควบคุมพลัง
“แล้วระดับพลังหลักของข้าจะต้องถึงขั้นที่ 10 รวมทั้งสร้างวิชาใหม่จากหอตำราประจำเมือง”ชายหนุ่มนำโอสถที่ตนหลอมไว้มากินปรับสภาพพลังและเริ่มบ่มเพาะพลังอย่างบ้าคลั่ง