ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2 ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น

บทที่ 1 เด็กหนุ่มหายนะหวังเล่อเฉิง


ดินแดน 8 ทวีป ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ ปกครองโดยเหล่า สำนัก ตระกูล และ สมาคมต่างๆ โดยแบ่งการปกครองเป็น 8 ทวีป เรียงตามความแข็งแกร่งของผู้คนดังนี้ ทวีป 4 สำนัก ทวีปอสูรเทวะ ทวีปจิตวิญญาณสวรรค์ ทวีปวิถีโอสถ ทวีปซีเหลา ทวีปหวงเฟย ทวีปต้าฉิน ทวีปผิงอัน และ มีสถานที่ให้แสวงหาโชคลาภมากมาย บางคนเพียงแค่ได้สมบัติเพียงชิ้นเดียวก็พุ่งทยานไปเป็นยอดอัจฉริยะได้ บางคนอาจมีชาติกำเนิดสูงส่งทำให้ได้เปรียบแก่คนทั่วไป แต่สุดท้ายแล้วเส้นทางที่เดินในการเป็นผู้บ่มเพาะนั้นยากเย็นแสนเข็ญนักผู้ที่อยู่รอดจนมาสู่จุดสูงสุดได้คือผู้ที่จะบันทึกประวัติศาสตร์ และเป็นผู้อยู่จุดสูงสุดอย่างแท้จริง


“เฮ้ย!! หนีเร็วตัวหายนะมาแล้ว”

เสียงเด็กหนุ่มตะโกนร้องเรียกสหายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาดูเป็นคุณชายเจ้าสำอางเดินมาทางตน

“เฮ้อออออ….ข้าไม่น่าเกิดมาหล่อเหลาเช่นนี้เลยมีแต่คนหลีกหนีเปิดทางให้ข้า ข้าละกลุ้มใจกับความหล่อเหลาของข้าเองจริงๆ”

ตูมมมมมมมมมมมมมมมม

เสียงระเบิดดังขึ้นทันทีขณะที่เด็กหนุ่มเดินผ่านตึกหลอมโอสถในตระกูล

“บัดซบ!!! ข้าเกือบจะหลอมโอสถเสริมพลังปราณ เสร็จแล้วเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ยยยยย….”

เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นจึงรีบโกยเผ่นหนีทันที

หวังเล่อเฉิงคุณชายตระกูลหวัง 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ของเมืองศาลาหยก ปัจจุบันอายุ 10 ปี ไม่สามารถขับเคลื่อนลมปราณได้เลยแม้แต่นิดถูกตราหน้าว่าเป็นขยะของตระกูล

ถึงตระกูลหวังจะมีสายเลือดสายหลักอยู่เพียงน้อยนิดแต่ก็ไม่สามารถที่จะดูแลเด็กหนุ่มได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าบิดาของเขาจะหาโอสถมากมายสารพัดมาให้ชายหนุ่มก็ติดอยู่ที่ ระดับก่อเสริมกาย ขั้นที่ 1 มา 5 ปีแล้วไม่ว่าจะดูดซับลมปราณจากธรรมชาติ จากโอสถก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างทำให้หายไปจากร่างกาย

“เฮ้ออออออ…….นี่ก็ปีที่ 5 แล้วตั้งแต่เริ่มฝึกฝนมาข้าทำได้แต่กระบวนท่าเท่านั้น ฝึกวิชาไหนก็ไม่สามารถฝึกได้”

มนุษย์นั้นจะสามารถเริ่มบ่มเพาะได้ตั้งแต่อายุ 5 ปีแต่เด็กหนุ่มนั้นไม่สามารถที่จะบ่มเพาะได้เพราะพลังปราณดูดซับมานั้นหายไป

เด็กหนุ่มนั้นฝึกกระบวนท่า และ ร่างกายมาตลอด 5 ปีเต็มทำให้วรยุทธ์ของเด็กหนุ่มนั้นสูงส่งเป็นอย่างมากกระบวนท่าเหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันมากมายนัก และ ร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบได้กับ ระดับก่อเสริมกาย ขั้นที่ 3

แต่ร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นมีบางอย่างที่แปลกประหลาดต่างจากคนอื่น มันมักจะมีควันสีดำลอยออกมาจากตัวแล้วสร้างหายนะให้ผู้อื่นบ่อยครั้งซึ่งควันสีดำมีเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้นที่เห็นเพียงคนเดียว

“เฉิงเอ๋อ….พ่อนำโอสถชนิดใหม่มาให้ลูกลองใช้ดูเผื่อจะได้ดูดซับปราณได้”

“ท่านพ่อ ท่านก็รู้นิว่าข้านั้นใช้ทรัพยากรของท่านเปล่าประโยชน์ ถึงจะใช้เยอะแค่ไหนมันก็หายไปหมดอยู่ดี”

บิดาของหวังเล่อเฉิงนั้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นที่ 87 มีระดับพลังอยู่ที่ ระดับก่อตันเถียน ขั้นที่ 8 ซึ่งเป็นระดับที่ผู้นำตระกูลใหญ่ส่วนมากอยู่

เมืองศาลาหยกแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์เจียงที่มีบุคคลอยู่ระดับสูงสุดภายในทวีปนี้คือ ระดับกำเนิดวิถีเต๋า เจ้าเมืองศาลาหยกแห่งนี้ก็อยู่ในระดับกำเนิดเสาค้ำปราณ

“ท่านหวังหม่าเปา ผู้อาวุโสสูงสุดให้มาเชิญท่านไปเข้าร่วมการประชุมประจำเดือนนี้ขอรับ”

ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังทดลองดูดซับพลังจากโอสถชนิดใหม่ที่บิดาของเขาหามาให้ก็ได้มีเสียงของ 1 ใน ผู้อาวุโสของตระกูล

“เฉิงเอ๋อ เดี๋ยวพ่อจะไปประชุมก่อนนะ พ่อจะหาโอสถเอามาให้ลูกใช้เรื่อยๆ”

เมื่อบิดาของตนจากไปแล้วเด็กหนุ่มก็ใช้เวลาอีกสักครู่ในการดูดซับโอสถ

“ก็เหมือนเดิม ไม่เพิ่มเลยสักนิด”พลังปราณทั้งหมดที่ดูดซับเข้าไปหายไปหมดเหมือนทุกครั้ง

เด็กหนุ่มจึงคิดที่จะเข้าไปในป่าแสงจันทร์ที่อยู่ทางทิศเหนือของเมือง เป็นป่าที่ฝึกฝนสำหรับคนในตระกูลใหญ่ทั้งหลายทั่วอาณาจักรว่ากันว่าในป่านี้มีโบราณสถานที่มีเซียนท่านนึงทิ้งมรดกไว้ แต่ก็ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน

เด็กหนุ่มนั้นรู้เส้นทางลับที่จะเข้าไปในกลางป่าที่แม้แต่คนของราชวงศ์ก็เข้าไปไม่ได้อยู่มันมีโบราณสถานอย่างว่าก็จริงแต่เด็กหนุ่มนั้นไม่พบมรดก และ สมบัติที่ว่าแม้แต่ชิ้นเดียว

เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว และ คอยหลบที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านไปด้วยเพราะกลัวว่าจะไปก่อหายนะเข้าอีก แต่ก็ไม่วายจู่ๆบ้านหลังหนึ่งที่เดินผ่านไปก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้น

“ไฟไหม้!!!! ไฟไหม้!!!!!!”เสียงตะโกนจากคนในบ้านตะโกนออกมาเสียงดัง

เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รีบวิ่งออกไปอย่างเร็วกว่าเดิมทันที

เมื่อเด็กหนุ่มเดินทางมาถึงป่าแสงจันทร์ก็ได้ตรงเข้าไปที่ทางทิศตะวันออกของป่าทันทีใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วยามก็มาถึงเขตนอกบริเวณป่าทางตะวันออก

ในเขตนอกป่าทางทิศตะวันออกแห่งนี้มีต้นไม้ที่ใหญ่กว่าต้นอื่นอยู่ต้นหนึ่ง มันมีขนาดประมาณ 10 จั้ง เด็กหนุ่มพบทางลับในต้นไม้ต้นนี้โดยบังเอิญขณะที่กำลังหนีหมาป่าเขี้ยวดำ

มันมีลักษณะเป็นโพรงลึกลงไปใต้ต้นไม้

“เจ้าเสี่ยวจิ้ง จะหิวรึยังนะ”เด็กหนุ่มคิดขณะเดินเข้าไปที่อาคมในต้นไม้ใหญ่

แวบบบบบบบบบ

กิ้ววววววว

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มมาถึงจิ้งจอกสีขาวตัวน้อยก็กระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มทันที

ในโบราณสถานกลางป่านี้นั้นเป็นที่อยู่ของจิ้งจอกวายุปกติแล้วจิ้งจอกวายุจะมีตัวสีเขียวแต่เจ้าเสี่ยวจิ้งนั้นมันตัวสีขาว

“เสี่ยวจิ้ง วันนี้ข้านำเนื้อหมีปฐพีมาให้เจ้าด้วยนะ”

กิ้วววว

เสี่ยวจิ้งร้องออกมาขณะที่กำลังนำหน้าไปถูไถที่หน้าของเด็กหนุ่ม

จิ้งจอกวายุในนี้นั้นเป็นมิตรกับเด็กหนุ่มมากโดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวจิ้ง

ถึงแม้บางทีเด็กหนุ่มอาจจะทำให้เกิดไฟป่าบ้าง ไม่ก็หินถล่มลงมาบ้าง แต่ก็ไม่เกิดอันตรายกับจิ้งจอกวายุเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

เด็กหนุ่มนั้นอยู่เล่นกับพวกจิ้งจอกวายุเหล่านั้นจนใกล้พลบค่ำก็เดินทางกลับบ้านของตน

ขณะที่เล่นอยู่กับเหล่าจิ้งจอกวายุเหล่านี้นั้นเด็กหนุ่มก็กินสมุนไพรต่างๆเข้าไปด้วยเนื่องจากในโบราณสถานแห่งนี้นั้นมีสมุนไพรขึ้นมากมายหลายชนิดถึงมันจะไม่ช่วยอะไรแต่รสชาติ มันอร่อยใช้ได้เลย

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินทางกลับไปที่ทิศใต้ของป่าเมื่อใกล้ถึงเมืองของตนนั้นก็ได้ยินเสียงประหลาดขึ้น

ฟ้าววววววววววววว

โครมมมมมมมมมมมมมม

เด็กหนุ่มถูกบางสิ่งกระแทกเข้าที่หัวอย่างแรงจนกระเด็นไปชนกับต้นไม้หน้าประตูเมืองแล้วสลบไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด