ตอนที่ 7 รวมทีมยอดคน (1)
ชายทะเลของจังหวัดชลบุรีเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้คน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือคนพื้นเมืองก็ล้วนแล้วแต่มาทะเลเพื่อชมทิวทัศน์หรือว่ายน้ำ
“ดนัยเธอจะเอาตามนี้เลยใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“เธอมีความสามารถด้านนี้นะเนี่ย”
“เหะๆ นิดหน่อยเองครับ”
ดนัยในตอนนี้กำลังเดินดูที่ดินของตนที่ซื้อมาพร้อมกับลุงมาโนช เจ้าของบริษัทรับเหมาอันดับ 3 ในไทย และเป็นเพื่อนสนิทของลุงศักดิ์
ดนัยได้มอบแปลนร้านอาหารให้กับลุงมาโนชไปโดยแปลนนี้เขาวาดเองกับมือ แน่นอนว่าความสามารถก็ซื้อมาจากร้านค้าพรสวรรค์ ระดับสูงของมันราคาแค่ 5,000 แต้มเท่านั้น
“ลุงคิดว่าต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในการสร้างหรอครับ”
“แล้วเธอมีงบเท่าไหร่ล่ะ”
“ถ้าเรื่องงบตอนนี้มีอยู่ 10 ล้านพอไหมครับ”
“พออยู่แล้ว งบประมาณนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน”
“แล้วถ้าผมเพิ่มให้อีก 5 ล้านล่ะครับ”
“อาจจะเหลือ 3 เดือนถ้าจ้างคนงานเพิ่ม”
“งั้นเดี๋ยวผมจะโอนให้ 15 ล้านเลยนะครับ แล้วบอกพวกคนงานด้วยว่าถ้าเสร็จก่อนกำหนดผมมีโบนัสให้”
“ลูกค้ากระเป๋าหนักอย่างเธอลุงชอบจริงๆ”
“ถ้างั้นหากผมต้องการสร้างบ้านหรือตึกจะติดต่อไปบ่อยๆนะครับ”
“ได้แน่นอน”
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ลุงศักดิ์เขานัดเวลาให้ไวมากทำให้ดนัยต้องเสียวันหยุดไปอีกวันกับการมาดูที่ดิน แต่มันเป็นการเสียเวลาที่คุ้มค่า
หลังจากเสร็จธุระแล้วดนัยก็ปล่อยพื้นที่ตรงนั้นให้มืออาชีพจัดการและอาจจะไปดูเป็นบางครั้ง แต่ในตอนนี้เขามีงานใหญ่ที่กำลังรออยู่
เมื่อกลับมาถึงบ้านดนัยก็ขึ้นไปบนห้องของตนจากนั้นก็ล็อคห้องเพื่อไม่ให้ใครรบกวนและเปิดคอมพิวเตอร์ของตน
“แม้จะมีคนที่ลุงศักดิ์หามาให้แล้ว แต่ก็ช่วยได้แค่งานธรรมดาเท่านั้นเราต้องการคนมีความสามารถ”ดนัยเจาะเข้าระบบอันล้าหลังของประเทศต่างๆได้สบายๆและหาข้อมูลบุคคลที่น่าสนใจ
หลังจากไล่ดูรายชื่อคนที่น่าสนใจอยู่นานหลายชั่วโมงดนัยก็คัดเลือกคนมาได้ถึง 12 คน แต่ละคนมีประวัติที่โชกโชนกันทั้งนั้น และคนที่น่าสนใจที่สุดคือสายลับสาวจากจีนอายุ 21 ปี
เนื่องจากเธอรู้ความลับเยอะเกินไปทางรัฐจึงส่งไปทำภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ และเรื่องราวสุดยอดก็เกิดขึ้น ใช่! เธอสามารถทำมันสำเร็จและกลับมาได้อย่างปลอดภัย
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวตอนนี้ เนื่องจากเธอเป็นคนมีพรสวรรค์มากอายุเพียง 20 ปีก็ทำภารกิจยากๆมากมายสำเร็จ ด้านการต่อสู้เป็นที่ 1 ด้านคอมพิวเตอร์ก็สุดยอด การบริหารงานก็เยี่ยมอีก
แม้จะถูกรัฐบาลชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก แต่พวกเขากลับหวาดกลัวในตัวเธอจึงใส่ร้ายปัายสีต่างๆนาๆทำให้ถูกขับไล่ออกนอกประเทศและมีมือสังหารคอยตามล่าตลอดเวลา
และเวลานี้เธอก็หลบหนีมาได้นานถึง 4 เดือนแล้ว ดนัยจึงคิดจะดึงตัวเธอเข้ามาคอยช่วยงานและปกป้องตนไปในตัว
อีก 4 คนมาจากรัสเซีย พวกเขาและเธอเป็นทีมวิจัยชั้นยอดของกองทัพ แต่สุดท้ายถูกฮุบเอาผลงานไปหมดทำให้ทั้งหมดตัดสินใจลาออกและไปสมัครงานที่อื่น แต่ก็ไม่มีคนรับเพราะถูกกองทัพกดดัน
อีกคนคือนักคณิตศาสตร์ชั้นยอดจากฝรั่งเศส เพราะเขาถูกมองว่าเป็นบ้าจากปมในวัยเด็กและถูกเพื่อนร่วมงานคอยกลั่นแกล้งเขาจึงไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้เต็มที่
คนที่ 7 มาจากญี่ปุ่น เธอคนนี้คือวิศวกรที่ชอบเก็บตัวและประดิษฐ์ของแปลกๆออกมา ส่วนใหญ่เป็นของที่สุดยอดมากตามที่อ่านข้อมูลมา แต่เพราะความรู้ของเธออาจจะยังไม่พอจึงไม่สามารถทำมันให้เสร็จสมบูรณ์ได้
คนที่ 8 จากอิตาลี ชายคนนี้คือนักชีววิทยามากความสามารถ เขาแสวงหาความรู้จากที่ต่างๆและไม่ยอมเข้าทำงานกับใคร แต่ดนัยมีความรู้จากอนาคตเขาต้องเข้าร่วมแน่
คนที่ 9 และ 10 มาจากอเมริกา ทั้งคู่เป็นเป็นโปรแกรมเมอร์และแฮกเกอร์ชั้นยอด ถูกตามล่าจากรัฐและบริษัทต่างๆ เหตุเพราะไปโจรกรรมข้อมูลมา แน่นอนว่าทั้งสองไม่ได้ทำแต่ฝีมือก็เป็นของจริง
คนที่ 11 คือยอดนักสู้จากบราซิล เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจนสามารถสู้กับสิงโตด้วยมือเปล่าได้ แม่ของเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะที่ 3 และตอนนี้กำลังหมดหวังในการรักษา
คนสุดท้าย เป็นเด็กผู้หญิงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในไทยนี่แหละ อายุเพียง 12 ปีมากกว่าฟ้าเพียง 2 ปีเท่านั้น ส่วนเหตุผลที่เขาเลือกเธอก็เพราะจากการแฮกกล้องวงจรปิดเข้าไปดูดนัยดันพบเรื่องน่าเหลือเชื่อเข้า
ส่วนสาเหตุที่เขาแฮกเข้าไปก็เพราะการเงินของที่นี่มันผิดปรกติ มีรายจ่ายมากกว่ารายรับและผู้ที่ทำเช่นนี้ก็คือเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น
เธอนำเศษขยะและเศษเหล็กจากถังขยะหน้าสถานรับเลี้ยงและเก็บตามที่ต่างๆมาสร้างเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกได้ เช่นพัดลม และเครื่องซักผ้า
เงินที่ใช้จ่ายได้มากขึ้นก็มาจากการขายของทำมือแบบลับๆของเธอคนนี้ โดยขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าที่สนิทกับแม่เลี้ยง
“นี่มันทีมรวมยอดคนหรือทีมรวมผู้มีปัญหากันแน่?…..แต่ช่างเถอะขอให้พวกเขามีพรสวรรค์เกิน 3 ดาวก็เพียวพอแล้ว”ดนัยคิดกับตัวเองก่อนจะเริ่มหาช่องทางและใช้เงินที่ได้มาอีก 10 ล้านในการดึงตัวคนพวกนี้
เพียงหาคนที่มีความสามารถมาช่วยงานก็กินเวลาไปจนดึกแล้วและวันนี้เขาก็ไม่ได้ลงไปกินข้าวกับแม่และฟ้าด้วยจึงต้องทำเองแล้วกินคนเดียว
ดนัยบอกแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วทำให้แก้วไม่เป็นห่วงมากนัก และ วันพรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเรียนที่โรงเรียนอีกแล้ว
แม้จะไม่อยากเรียนเพราะมีแต่ความรู้เก่าๆ แต่ก็ต้องจำใจไปเพราะดนัยอยากให้แม่ของตนเห็นใบปริญญาที่ชีวิตก่อนไม่ได้เห็น
หลังจากหันไปดูเวลาก็พบว่าตอนนี้ดึกมากแล้วดนัยจึงปิดไฟแล้วเข้านอนในทันที
………….
12.25 น. โรงเรียนของดนัย
“นายมองไรอยู่วะดนัย”ดิวพูดขึ้น
“ตึกนั้นมีเจ้าของป่าววะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ไง”
“แต่ฉันไม่เคยเห็นคนเข้าออกตึกนั้นเลยนะ”เป็นกันต์ที่พูดขึ้นมาบ้าง
“ไม่เคยเห็นคนแสดงว่าเคยเห็นอย่างอื่นเข้าใช่ไหม”เป็นวินที่ถาม
“ใช่…..เฮ้ย!! ไม่ใช่ฉันไม่เคยเห็นอะไรเข้าไปก่อนเลยเฟ้ย”
“แล้วนายอยากรู้ไปทำไม??”ดิวถาม
“ฉันมีความคิดดีๆเข้าน่ะสิ”
“มันคืออะไร?”
“ฉันกะจะสร้างคาเฟ่ขึ้นตรงนั้นน่ะ”
“คาเฟ่….นายจะขายกาแฟเหรอ ฉันว่าขายไม่ออกหรอกนะ”วินพูดขึ้นมาหลังจากวิเคราะห์ดู
“ไม่ใช่ขายกาแฟอย่างเดียวซะหน่อย ช่วยบอกลุงศักดิ์ให้หน่อยว่าฉันอยากได้ตึกนั้น”
“ได้ซิ ถ้านายต้องการมันฉันขอช่วยนายออกครึ่งหนึ่งแล้วถือหุ้น 30% ได้ปะ”
“มันไม่น้อยไปหรอ 30% น่ะ”
“ก็นายเป็นคนบริหารส่วนฉันจะนั่งรับเงินชิลๆไง”
“ก็ได้อยู่นะ แต่อย่ามาเสียใจภายหลังล่ะ”
“แน่อยู่แล้ว ฉันเห็นพ่อพูดว่านายสุดยอดอย่างนั้นสุดยอดอย่างนี้ตลอดไม่มีทางเสียใจแน่นอน”
“ถ้างั้นก็โอเค”ดนัยยิ้มกรุ้มกริ่มกับท่าทางของวิน
วันต่อมาดนัยก็ได้รับรู้ราคาของตึกและเจ้าของในทันทีจากปากของวิน
“แค่ 6 แสนเองเหรอ”
“ใช่!..6 แสนเท่านั้น”
“ขอประวัติตึกหน่อย”
“ได้สิฉันหามาแล้ว…ตึกนั้นเคยเป็นที่อยู่ของสามีภรรยาชาวต่างชาติที่มาพักผ่อนในไทยแต่ 3 ปีที่ผ่านมาเกิดวิกฤติต้นยำกุ้งขึ้นทำให้ทั้งสองตัดสินใจขายตึกทิ้ง แต่ก็ไม่มีคนซื้อเพราะมีพื้นที่ใช้สอยน้อย”
มันเป็นตึกขนาด 1 งาน สูง 3 ชั้น ตัวตึกเป็นสีขาวแต่ตอนนี้เริ่มดำแล้ว หากมองดูจากข้างนอกเรียกได้ว่าสภาพเละเทะเพราะมีขี้นกติดเต็มไปหมด
“บอกพ่อของนายว่าฉันเอาตึกนี้”
“ได้เลย..นาย 3 แสน ฉัน 3 แสนนะ”
“ยังมีค่าปรับปรุงกับเครื่องใช้อีกรวมๆน่าจะเกินล้าน”
“งั้น 5 แสนก็ได้ฉันมีเงินเก็บอยู่”
การพูดคุยของทั้งสองสร้างความมึนงงแก่ดิวและกันต์ไม่น้อยทั้งคู่จึงถามออกไป จากนั้นวินก็เป็นคนเล่าเรื่องให้อีกสองคนฟัง