ตอนที่ 160 เปลี่ยนทัศนคติ
“คุณชายลู่ คุณกำลังบอกว่า โรงแรม ฮิลส์ เป็นของครอบครัวของ คุณชายซู มันจริงนะเหรอ?”
“ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ว่าคุณสมรู้ร่วมคิดกับ คุณชายซู โดยจงใจหลอกลวงเรา ใช่ไหม?”
“เราทุกคนเป็นเพื่อนเก่ากัน โปรดอย่าหลอกเรา”
หลายคนเผยให้เห็นใบหน้าประหลาดใจ และต่างมอง คุณชายลู่ พร้อมกับตั้งคำถามเขา
แต่คนที่พูดในคราวนี้เพื่อ ซูเหวิน คือ คุณชายลู่ เขาเป็นคนที่ทุกคนรู้จักดี ดังนั้นพวกเขาทั้งตกใจ และรู้สึกว่ามันยากจะเชื่อได้
อย่างไรก็ตาม ยิ่งพวกเขาไม่เชื่อ อารมณ์ของ คุณชายลู่ ก็ยิ่งมีความไม่พอใจมากขึ้น
เขายิ้มเบาๆ และพูดต่อ : “ฮ่าฮ่าๆ ใช่.. เราทุกคนรู้จักกันมานาน แต่พวกคุณกลับไม่รู้จักฉัน ลู่ เฉินเหยียน ว่าเป็นคนยังไง?”
“แม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนที่รวยที่สุดในที่นี่ แต่ก็ถือว่ามีภูมิหลังอยู่บ้าง และคิดบ้างหรือไม่ว่าคนอย่างฉันมันหน้าด้านพอจะพูดถึงเรื่องไร้ยางอายพวกนี้”
“และเพื่อเห็นแก่ความเป็นเพื่อน ฉันยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกกับทุกคน ..พวกคุณทุกคนจะได้เข้าใจเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น”
“นั่นก็คือ คุณชายซู คนนี้.. คือผู้นำ และเป็นผู้บริหารสูงสุดของ Worster Group ที่มีชื่อเสียงในเมืองม่อของเรา เขามีสถานะอันสูงส่ง และฉันเกรงว่าในที่นี่คงไม่มีใครเทียบเคียงกับเขาได้ด้วยซ้ำ”
คุณชายลู่ พูดช้าๆ หากวาจามิอาจพูดให้น่าตื่นใจ แม้นตายก็ไม่คิดหยุดพัก (ตื่นตะลึงให้เป็นที่จดจำของผู้คน)
หลังจากคำพูดนี้หลุดออกมา..
มันเป็นเหมือนกับระเบิดลูกหนึ่งที่ระเบิดในใจของทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
ทันทีนั้น ทุกคนตกใจ นิ่งอึ้ง ทำไรไม่ถูกแล้ว
ทุกคนมองไปที่ ลู่ เฉินเหยียน แล้วต่างสงสัยว่า คุณชาย.. คนนี้คงเป็นบ้าไปแล้ว
“นี่... มันเป็นไปได้ไง Worster Group ถามจริงนายพูดผิดหรือฉันได้ยินผิดแน่?”
“ใช่! Worster Group เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทชั้นนำของโลก เทียบเท่ากับ ฮั่วซิน กรุ๊ป…”
“คุณชายลู่ ฉันว่าคืนนี้คุณดื่มมากเกินไปแล้ว ถึงได้พูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้?”
“นั่นนะสิ ภูมิหลังของ คุณชายซู แข็งแกร่งถึงขนาดนั้นเลย?”
พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แทบจะในทันทีที่ทั้งงานปาร์ตี้ เริ่มพูดคุยกันแล้ว
ทุกคนแสดงสีหน้าตกใจ ตามมาด้วยความไม่เชื่อ
เมื่อกี้ คุณชายลู่ บอกว่า โรงแรม ฮิลส์ เป็นของครอบครัวของ คุณชายซู
มาตอนนี้เขากลับบอกว่า คุณชายซู คือ ผู้บริหารสูงสุดของ Worster Group
ในความคิดของพวกเขา สิ่งที่ คุณชายลู่ พูดมานั้นดูเหมือนจะเกินจริงเกินไป และยิ่งดูไร้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาไม่สามารถคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไปได้
แต่นี่คือ คุณชายลู่ เราทุกคนเป็นเพื่อนที่เล่นด้วยกันอยู่บ่อยๆ
ถ้าคนธรรมดาพูดแบบนี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะหัวเราะเสียงดังๆ ฟังมันเป็นเรื่องตลกขบขันไปนานแล้ว
และดูเหมือน คุณชายลู่ จะรู้ว่าทุกคนจะมีปฏิกิริยาดังกล่าวนี้
เขาไม่ตื่นตระหนก และพูดต่อว่า : “พวกคุณจะเชื่อ หรือไม่ก็ตามแต่ แต่ฉันขอเตือนพวกคุณสิ่งหนึ่ง ‘ในโลกนี้.. มันมีสิ่งที่ไม่แน่นอน’”
“ถ้า.. คุณชายซู เป็นประธานของ Worster Group จริงๆ อย่างที่ฉันพูดไป แต่ด้วยความที่พวกคุณมีความขัดแย้งกับ คุณชายซู ทำให้เขาโกรธ.. ผลที่ตามมาจะร้ายแรงเพียงใดนั้น เรื่องนี้.. ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูด?”
พูดจบ คุณชายลู่ ก็ไม่พูดอะไรอีกต่อไป
จริงที่ว่าเมื่อก่อนเขาเคยทำให้ ซูเหวิน ขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มันเทียบไม่ได้กับคนอื่น…
แต่ต่อมา เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ
ดังนั้น เวลานี้
เขาจึงถือว่าเป็นการเตือนเพื่อนด้วยความปรารถนาดี โดยให้พวกเขาเข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น และชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียของการกระทำนี้
ในขณะเดียวกันเขาก็ถือว่าเป็นกระบอกเสียงให้กับ ซูเหวิน
และเขายังหวังว่ามันจะลดความไม่พอใจเล็กน้อยระหว่างทั้งสองฝ่ายได้!
ท้ายที่สุดแล้ว การมีความขัดแย้งกับคนที่มีภูมิหลังยอดเยี่ยมอย่าง ซูเหวิน นั้น มันช่างเป็นเรื่องยากที่จะนอนหลับอย่างจริงจังได้
แม้แต่สิ่งนี้ตัวเขาเองก็ยัง ต้องยอมรับ..
เมื่อ คุณชายลู่ พูดแบบนี้ ในที่นี่มันได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนความหวาดกลัวได้ดีจริงๆ
ทุกคนหันมองหน้ากัน และต่างเห็นความหวาดกลัวในสายตา สักพักพวกเขาหลายคนต่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดจาเยาะเย้ย ซูเหวิน อีกต่อไป
นั่นเป็นเพราะพวกเขารู้อยู่แก่ใจดี
ถ้ามันเป็นเพียงแค่การเย้ยหยัน คุณชายซู คำพูดสกปรกสองสามคำ ใครเล่าจะไม่กล้าพูด?
..แค่คำพูดเหล่านี้มันทำให้รู้สึกสนุกสนานก็จริง แต่ใครจะไปรู้ว่ามันจะก่อเกิดผลกระทบต่อไปอย่างไร?
มันก็อย่างที่ คุณชายลู่ พูด ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเป็น บอสใหญ่ของ Worster Group นั่นจะไม่ใช่ว่าพวกเขาโชคร้ายหรือ?
แบบนี้ไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่นแล้ว!(1)
ในขณะนี้ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่ คุณชายเหอ เหอ มู่เฉิน ที่ดูภูมิใจเมื่อกี้ก็อดไม่ได้ที่จะมอง ซูเหวิน อย่างระมัดระวัง
“ซู...คุณชายซู ฉันสงสัยว่าสิ่งที่ คุณชายลู่ พูดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วคุณคือ...ประธานของ Worster Group จริงๆ หรือไม่กัน?”
“ในฐานะที่ คุณชายซู เป็นแฟนของ คุณหนูเซี่ย ฉันสันนิษฐานว่า คุณหนูเซี่ย คุณต้องรู้ถึงตัวตนของ คุณชายซู.. ไม่รู้ว่าคุณพอจะบอกพวกเราได้ไหม?”
ในที่สุดทุกคนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
พวกเขามองไปที่ ซูเหวิน และเซี่ย ซินเหยา พร้อมกับกล่าวถามอย่างระมัดระวัง
ได้ยินคําพูดนี้ ซูเหวิน ก็รู้สึกว่ามันออกจะตลกไปหน่อยแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าเปิดโรงแรม ก็ไม่มีใครเชื่อ แต่กลับเย้ยหยันแทน
มาตอนนี้คนเหล่านี้กลับกำลังถามตัวเขาเองอีกครั้ง
เพื่อให้เขามาพิสูจน์ว่าสิ่งที่ คุณชายลู่ พูดมานั้นเป็นความจริงหรือไม่ พวกเขาเวลานี้ดูกระวนกระวายใจจนทำอะไรวุ่นวายไปหมด ซึ่งมันดูน่าขำขันเกินไปจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เซี่ย ซินเหยา ที่ไม่เคยพูดก็พยักหน้าแล้ว
“สิ่งที่ คุณชายลู่ พูดนั้นถูกต้อง แฟนของฉันเขาเป็นผู้บริหารสูงสุดของ Worster Group พวกคุณไม่ต้องเดาแล้ว”
เซี่ย ซินเหยา พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมั่นคง และหนักแน่น
เธอไม่ใช่ว่าต้องการใช้สิ่งนี้เพื่ออวดแฟนหนุ่มของเธอ
เพียงแต่การปล่อยให้ทุกคนสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของ ซูเหวิน อยู่อย่างนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นเธอจึงต้องการพิสูจน์ให้พวกเขาเห็น..
ฟู่ว~
เมื่อคำพูดนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก
ต่อมาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้แต่ คุณหนูเซี่ย ก็ยังเป็นพยานให้กับ คุณชายซู ดูเหมือนว่าตัวตนของ คุณชายซู นี้เป็นไปได้มากที่จะเป็นความจริง
แม้ว่ายังมีอีกหลายคนที่รู้สึกว่าทั้งหมดนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป แต่ก็ต้องยอมรับ
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ คุณชายซู ไม่ใช่คนธรรมดาที่ยากจนอีกต่อไป แต่เป็นบุคคลที่ลึกลับไปพร้อมกับสถานะที่ไม่ธรรมดาที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะดูถูกอีก..
ยังมีคนเสียใจที่ได้กระทำตัวหยาบคาย และเย้ยหยัน ซูเหวิน ไปในตอนก่อนหน้านี้
“เอ่อ ฮ่าฮ่าๆ... คุณชายซู ไม่คิดเลยว่าคุณจะมีตัวตนอย่างนี้ มันช่างน่าตกใจจริงๆ!”
“ใช่ ใช่แล้ว เมื่อกี้เราสงสัยตัวตนของคุณ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“คุณชายซู อย่าถือสากันเลยนะ!”
ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
ต้องบอกว่าพวกเขาเริ่มกลัวแล้ว และทัศนคติของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และพากันยอมรับผิด
ไม่มีทาง, ไม่ว่าตัวตนของ ซูเหวิน จะเป็นยังไง..
ในมุมมองของพวกเขา การขจัดความไม่พอใจระหว่างทั้งสองฝ่ายก่อน หลีกเลี่ยงความบาดหมางกันก็ไม่ใช่เรื่องแย่
ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้นในอนาคต
เมื่อเผชิญกับคำขอโทษ และคำเยินยอของทุกคน ซูเหวินพูดอย่างใจเย็นไปว่า : “ไม่สำคัญ ทุกคนแค่ทำสิ่งที่คุณควรทำอย่าได้คิดมากไป และผมคิดว่าเราทุกคนไม่จำเป็นต้องมารวมตัวกันหมดอย่างนี้พวกคุณว่ามั้ย?”
“แต่ถ้าพวกคุณยังคงยืนรอบตัวผมอยู่อย่างนี้ต่อไป ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปผมอาจจะจดจำใบหน้าของคุณแต่ละคนเข้าได้จริงๆ…”
นับตั้งแต่เข้าสู่สังคม ซูเหวิน ได้ยินคำวิจารณ์เหน็บแนมพวกนี้มามากเกินไป และเขาไม่ตื่นตระหนกกับคำพูดพวกนี้นานแล้ว
เอาเข้าจริงๆ เขาไม่สนใจเหตุการณ์เล็กๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
แต่ต้องบอกว่าคําเตือนของเขาได้ผลจริงๆ
ซึ่งในทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนก็ตกใจ
พวกเขาส่วนใหญ่ก่อนหน้านี้เคยเยาะเย้ย ซูเหวิน และตอนนี้พวกเขายังคงหวาดกลัวกับตัวตนของอีกฝ่าย แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้า คุณชายซู จดจำพวกเขาได้?
ดังนั้นพวกเขาจึงรีบแยกย้ายกัน ไม่กล้ารบกวน ซูเหวิน อีก
แม้แต่กลุ่มคนรวยรุ่นสองที่พูดคุยกับ คุณชายเหอ ในก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
กลับกันขณะนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้ คุณชายเหอ รู้สึกแย่ที่สุด และไม่เต็มใจที่สุดเลยก็ว่าได้…
(1)[ไม่กลัวหนึ่งหมื่น แต่กลัวหนึ่งในหมื่น (不怕一万,就怕万一)] - หมายความว่า แม้ว่าความน่าจะเป็นของสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่สูงมาก แต่ก็ยังเป็นไปได้ ก็ควรระมัดระวังไว้ก่อน ไม่เช่นนั้นอาจเสียใจภายหลังได้
#พรุ่งนี้ผมขอหยุดลงงาน 1 วันนะครับ และต้องขอสวัสดีวันปีใหม่ไทยล่วงหน้ากับทุกคนด้วยครับ