ตอนที่แล้วChapter 176 : มาถึงเมืองเกียวโตและเข้าสู่แดนต้นกก (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 178 : ภูเขาวัชระ – ป่าวัชระ (1)

Chapter 177 : มาถึงเมืองเกียวโตและเข้าสู่แดนต้นกก! (4)


สกิลนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าเลวร้ายแต่ก็บอกว่าดีถึงขั้นนั้นไม่ได้เช่นกัน

ยังไงเสียมันก็เพิ่มขึ้นเพียง30%เท่านั้น

เทียบกับสกิลป้องกันของหลินเซวียนแล้วหากจะบอกว่าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยก็คงไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นสกิลเกรดสีฟ้านั้นหากจะกล่าวตามตรงก็ต้องบอกว่ามันมีขีดจำกัดในการอัพเกรดอยู่มาก แก่นแท้ที่ใช้เพื่อเพิ่มเลเวลนักสู้เองก็ต้องถูกเจียดมาใช้อัพเลเวลสกิลอีกด้วย

นี่ก็หมายความว่าการสะสมแก่นแท้จะเป็นเรื่องยากหากแต่กลับใช้ออกไปง่ายดายยิ่ง

ยังไงซะหากเป็นหลินเซวียนเขาคงไม่ยินดีจะใช้แก่นแท้อันแสนล้ำค่าไปกับสกิลนี้แน่นอน

“เอาล่ะได้เวลาไปยังแดนต้นกกอันแสนโด่งดันกันแล้ว” คนทั้งสามจัดการอาหารเช้าจนแล้วเสร็จก่อนที่ยูตะจะเอ่ยปากออกมาคนแรก

“ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้แสดงพลังของ [อดกลั้น] ให้พวกนายได้เห็น พลังป้องกันกายภาพนี่แหละที่โคตรจะมีประโยชน์เลยเวลาเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ในแดนต้นกก”

ยูตะเผยอยิ้มเล็กน้อย คนทั้งสามเดินต่อไปด้วยกันและไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงจตุรัสใจกลางเมืองหลวง

ใจกลางจัตุรัสนั้นมีประตูแสงทางเข้าสู่แดนลับสูงตะหง่านตั้งอยู่

ประตูแสงบานนี้มีลักษณะค่อนข้างโบราณจนทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปยังสมัยนาระในเมืองเกียวโต

อย่างไรก็ตามสิ่งที่แปลกประหลาดใจก็คือความสูงของประตูแสงนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ตลอดเวลา

สูงสุดอยู่ที่9เมตรและต่ำสุดอยู่ที่7เมตร

นี่ก็หมายความว่ามอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในแดนต้นกกนั้นอยู่ในขอบเขตที่7และมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตที่9

ไม่เหมือนกับแดนลับอื่นๆที่ความสูงของประตูแสงจะอยู่ในระดับเดียวหรือก็คือหากสูงเก้าเมตรก็จะมีแต่มอนสเตอร์ขอบเขตที่9เท่านั้นและไม่มีทางที่จะมีมอนสเตอร์ระดับต่ำกว่าขอบเขตที่9ปรากฏออกมา

ด้านหน้าทางเข้าประตูแสงสู่แดนลับในเวลานี้มีคนคุ้มกันคอยเฝ้าระวังอยู่กว่ายี่สิบคน

ดาบพิษใช้สกิลตรวจสอบขั้นสูงเพื่อตรวจสอบข้อมูลของพวกนั้นและพบว่าคนคุ้มกันเหล่านี้ทั้งหมดล้วนเป็นนักสู้เลเวล3ขอบเขตที่7ทั่งสิ้น

ยิ่งไปกว่านั้นค่าสถานะของพวกเขายังค่อนข้างดีอีกด้วยและอาจจะถือได้ว่าเหนือกว่าค่าเฉลี่ยอยู่เล็กน้อย

นอกจากนี้พวกเขายังสวมใส่ชุดเซ็ตสี่ชิ้นซึ่งไล่ตั้งแต่หัว หน้าอก แขนและขากันครบทุกคน กระทั่งอาวุธเองก็ยังเป็นอาวุธพื้นฐาน

เพียงแค่ปรายตามองก็บอกได้เลยว่าพวกเขานั้นทั้งถูกฝึกมาอย่างดีและมีอุปกรณ์ครบครัน

“หยุดและแสดงใบรับรองด้วย”

คนคุ้มกันก้าวออกมาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้และยื่นมือออกมา

ใบรับรองของคนทั้งสามนั้นแตกต่างกัน

ดาบพิษยื่นกำไลแต้มบุญให้อีกฝ่าย

เมื่อใดที่แต้มบุญแตะระดับ5000แต้มก็จะสามารถเข้าสู่แดนต้นกกได้ทันที

ส่วนลู่หลัวนั้นหยิบใบรับรองพิเศษออกมาซึ่งเธอได้รับมาจากซาโต้ ฮารุกะ

ฮิราโนะ ยูตะหยิบใบรับรองพิเศษของหัวหน้าองค์กรออกมา มันถูกประทับตาด้วยตราประทับของหัวหน้าองค์กรดังนั้นย่อมไม่มีใครกล้าทำเลียนแบบอย่างแน่นอน

คนคุ้มกันทุกคนต่างพากันแสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไปเมื่อเห็นทั้งสามสิ่งนี้

เมื่อพวกเขามองดูบันทึกการต่อสู้ภายในกำไลพวกเขาก็พยักหน้าเล็กน้อยและส่งสัญญาณให้ดาบพิษเข้าไปได้

เมื่อเห็นใบรับรองพิเศษสีหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึมขึ้นไปอีกและเริ่มพินอบพิเทากับลู่หลัว

เมื่อเห็นใบรับรองพิเศษของหัวหน้าองค์กรอีกฝ่ายก็ถึงขั้นโค้งคำรับเก้าสิบองศาให้กับฮิราโนะ ยูตะเลยทีเดียว

ท่าทีของเขาดูเคารพและจริงใจยิ่งกว่าเวลาเห็นหัวหน้าของตนเองเสียอีก

“คุณยูตะเชิญเลยครับ!” ท่าทีพินอบพิเทาของคนคุ้มกันที่มักจะเหย่อหยิ่งถือดีทำให้นักสู้รอบๆต่างพากันตกตะลึงไปตามๆกัน

“เขาเป็นคนใหญ่คนโตจากไหนกัน?”

“ดูไม่เหมือนคนใหญ่คนโตนะ ชายหนุ่มชุดขาวคนนั้นดูเด็กมากน่าจะมีอายุไม่เกิน30ปีเท่านั้นเอง”

“หรือเขาจะเป็นลูกของนักสู้ขอบเขตที่9ซักคนหนึ่ง?”

“ดูใบรับรองในมือของเขาสิ...นั่นมันมีตราประทับขนาดใหญ่อยู่...ไม่ผิดแน่ มันเป็นใบรับรองพิเศษของหัวหน้าองค์กร!”

“ฉันจะบ้า หรือจะเป็นลูกนอกสมรสของหัวหน้าองค์กรกันล่ะเนี่ย!?”

นักสู้ที่อยู่ข้างๆรีบกระโดดเข้ามาปิดปากของเขาเอาไว้ก่อนจะเบิกตาโพลง

“แกอยากจะตายรึไง?!”

นักสู้ที่อยู่รอบๆพากันยืนมองดาบพิษและสหายทั้งสองเดินต่อแถวเข้าสู่แดนต้นกกก่อนจะตามพวกเขาเข้าไป

“วันนี้มีคนสุดยอดมาซะด้วย”

“เกรงว่ากำไรของพวกเราวันนี้คงลดลงเยอะทีเดียว”

เหล่านักสู้พากันสนทนาอย่างออกรสและเดินตามคนทั้งสามเข้าไปยังแดนต้นกก

หลังจากผ่านประตูแสงและความรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยมาได้ ดาบพิษก็เปิดเปลือกตาขึ้นและมองไปรอบๆ

มีคนเคยกล่าวว่าลักษณะของประตูแสงสู่แดนลับนั้นเป็นเช่นเดียวกับตัวแดนลับ

แดนต้นกกแห่งนี้เองก็มีลักษณะเฉกเช่นเดียวกับประตูแสง สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายยุคโบราณจากสมัยนาระ ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่แห่งนี้ยังไม่เหมือนกับบรรพตเสี้ยววิญญาณที่มีแต่ซากวัดพุพังอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง

สิ่งก่อสร้างที่นี่นั้นถูกรักษาเอาไว้อย่างดีและแทบจะไร้ซึ่งความเสียหายเลย

ดาบพิษมองสภาพแวดล้อมรอบๆอีกครั้ง สถานที่ที่เขาและกลุ่มนักสู้ปรากฏตัวขึ้นมาคือจตุรัสหินสีฟ้าขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง

รอบๆจัตุรัสนั้นมีทางออกอยู่สี่แห่งแตกต่างกันออกไปโดยนำไปสู่พื้นที่กว้างที่ถูกปกคลุมเอาไว้ภายใต้ไอน้ำ

นักสู้กระจายตัวกันออกไปเป็นกลุ่มกลุ่มละ3-5คนเพื่อออกสำรวจ

ยูตะเองก็มุ่งหน้าออกไปอย่างมุทะลุด้วยสีหน้าตื่นเต้นเช่นเดียวกัน “เริ่มลุยกันเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว! ฉันอยากจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!”

ลู่หลัวปรายตามองดาบพิษ

เธอไม่กล่าวอะไรแต่สายตานั้นบ่งบอกชัดเจนอยู่แล้ว

ดาบพิษพยักหน้ารับด้วยท่าทีจริงจัง

แน่นอนเขารู้ดีว่าเป้าหมายของเขาคืออะไรและเขาก็ไม่เคยลืมด้วย

หาตำแหน่งที่แน่นอนที่คนผู้นั้นถูกคุมขังเอาไว้!

หลังจากนั้นก็ค่อยติดต่อกับเครื่องกลที่หว่านโหยวซีเคยทิ้งเอาไว้ในแดนต้นกก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด