ตอนที่ 88 วันสุดท้ายก่อนเปิดร้าน (อ่านฟรี 13/09/2567)
“ได้ยินข่าวนั้นรึเปล่า ? ตระกูลฉู่ล่มสลายแล้ว!”
“เห็นว่าเพียงชั่วข้าวคืนผู้คนภายในที่ดินของตระกูลฉู่ก็หายไปทั้งหมดเลยนี่นา”
“มีข่าวลืมว่าเห็นตระกูลซูหายเข้าไปในตระกูลฉู่นะ”
“ไม่ใช่มั้ง ข้าได้ข่าวว่าตระกูลซูหายสาบสูญไปเป็นจำนวนมาก ไม่น่าจะเป็นผู้ลงมือได้”
“แล้วเจ้าว่าจะเป็นฝีมือผู้ใดล่ะ ? สองตระกูลนั้นใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นศัตรูกันมานานแล้ว”
“อาจจะเป็นมือที่สามก็ได้ใครจะรู้ แต่ที่รู้ ๆ ตระกูลซูกลายเป็นตระกูลชั้นสูงในเขตยี่หลงเพียงหนึ่งเดียวแล้ว แม้จำนวนคนจะน้อยลงแต่ก็ไม่มีใครกล้าท้าทายพวกเขาง่าย ๆ หรอก”
“ส่วนตระกูลซูก็ประกาศผู้นำตระกูลคนใหม่เป็นคุณชายสามที่ยังเหลือรอดอยู่ นับว่าดำเนินการได้รวดเร็วเหลือเกิน”
“ก็ไม่แน่นะ ข้าว่ามันอาจมีเงื่อนงำบางอย่างก็ได้ ใครจะไปรู้กัน...”
หลังจากมื้ออาหารของตระกูลซูจบลง ผ่านไปเพียงสองวันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นกับเขตยี่หลง ผู้ฝึกตนมากมายต่างตกใจกับข่าวที่พวกเขาได้ยิน
ไม่น่าเชื่อว่าตระกูลชั้นสูงทั้งสองตระกูลที่เป็นศัตรูกันมาอย่างช้านาน จะมีหนึ่งในนั้นล่มสลายลงในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
นอกจากตระกูลซูและผู้เหลือรอดของตระกูลฉู่บางคนแล้ว ก็มีอีกไม่กี่คนที่ทราบเรื่องนี้เท่านั้น
...
“พรุ่งนี้ก็ได้เวลาที่ร้านจะเปิดแล้วสินะ” เย่ซีนอนกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้าพลางกล่าวออกมา
ช่วงนี้เขาค่อนข้างจะงานยุ่ง ? หรือว่างก็ไม่แน่ใจ เพราะแต่ละวันนอกจากจะใช้เวลาไปกับการปลูกสมุนไพร ต้นไม้ รดน้ำ พรวนดิน ก็มีแค่ออกไปข้างนอกเพื่อหาข้าวกินแล้วกลับมานอนก็เท่านั้น
“เยี่ยหลิง ทำไมถึงหยุดการออกไปขายสินค้าล่ะ ?” ชายหนุ่มถามหญิงสาวที่กำลังนั่งดีดพิณอยู่ ดูเหมือนว่านางจะไปเจอผู้ฝึกตนที่เล่นพิณที่ด้านนอกโดยบังเอิญแล้วเกิดชอบขึ้นมา เลยไปหาซื้อมาเพื่อฝึกฝน
แต่เขาก็ไม่กล้าบอกว่านางช่างดีดพิณได้ห่วยแตกยิ่งนัก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสามารถขับเคลื่อนลมปราณได้ตามต้องการแล้วใช้มันปิดกั้นเสียงจากพิณของนางที่จะเข้ามาถึงตัวเอาไว้ เขาคงกลายเป็นแบบพวกมนุษย์แมวที่นอนชักอยู่กับพื้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว
“พอดีว่ามีปัญหานิดหน่อยน่ะเถ้าแก่ คือมันเกิดเรื่องแบบนี้...” เยี่ยหลิงได้ยินที่ชายหนุ่มถามจึงหยุดดีดพิณก่อนที่จะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชายหนุ่มฟัง
ช่วงวันแรกที่พวกมนุษย์แมวออกไปขายสินค้าแม้จะขายได้น้อยบ้างก็ยังพอได้อยู่ แต่วันถัดมากลับมีพวกทหารเข้ามาวุ่นวาย ถึงสุดท้ายพวกนั้นจะไม่ได้ทำอะไรและต้องการขอซื้อเท่าที่ได้ก็ตาม แต่วันที่สามกลับเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะไม่รู้ว่าพวกผู้ฝึกตนระดับสูงมาจากไหนนักที่ไล่ทำร้ายพวกมนุษย์แมวเพื่อจะลักพาตัวไป บ้างก็ต้องการขโมยสินค้าที่นำมาขาย
โชคดีที่นางคอยเฝ้าติดตามอยู่ตลอด ประกอบกับทักษะในการรับรู้ว่าลูกน้องของนางมีปัญหาอยู่ที่ใด ทำให้สามารถช่วยพวกมนุษย์แมวไว้ได้ทัน หลังจากเหตุการณ์เหล่านั้นก็เลยทำให้นางตัดสินใจที่จะพักการขายสินค้าเอาไว้เพื่อรอให้เถ้าแก่ตัดสินใจแทน
ช่วงนี้พวกมนุษย์แมวเลยกลายร่างเป็นแมวแล้วอาศัยอยู่ในที่ดินแห่งนี้แทน มีเพียงเย่ซีและเยี่ยหลิงที่ออกไปข้างนอกเพียงสองคนเท่านั้น
“เจ้าตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว เงินที่ได้มาก็พอใช้ได้ไปอีกหลายวัน ค่อยมาคิดกันอีกทีเมื่อร้านสร้างเสร็จก็ยังไม่สาย” ชายหนุ่มได้รับฟังเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจึงกล่าวออกมา
ครึ่งหลัง
“ว่าแต่ร้านจะสร้างเสร็จเมื่อไหร่ล่ะเถ้าแก่ ?” หญิงสาวกล่าวถามออกมา นางกลายร่างกลับเป็นแมวตัวน้อยแทนเพื่อให้ชายหนุ่มกอดนาง
เพราะอยู่ในร่างมนุษย์แล้วเถ้าแก่ไม่ยอมกอดนางเลย...
“วันพรุ่งนี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่ของเจ้าก็ใกล้จะกลับมาถึงแล้วเช่นกัน ดีไม่ดีคงทันวันที่ร้านสร้างเสร็จพอดี” ชายหนุ่มหยิบแผนที่ขึ้นมาก่อนจะกล่าวตอบ เขาเห็นว่าจุดแสดงตำแหน่งของมนุษย์ปลาปากเสียออกจากเขตยี่หลงตรงมาทางเขตเมืองหลวงด้วยความเร็วสูง
“สัตว์เลี้ยงของเถ้าแก่ ที่เถ้าแก่เคยพูดถึงน่ะรึ ?” แมวสีขาวกล่าวถามออกมาขณะที่ยังคงนอนอยู่บนตักของชายหนุ่ม
“ใช่แล้ว แม้ปากมันจะเสียไปบ้างแต่ก็น่าจะเรียกว่านิสัยดีได้... มั้ง ?” ชายหนุ่มตอบไปก่อนจะครุ่นคิดเล็กน้อย ปลาปากเสียมันก็คงนิสัยดีสินะ ?
“เถ้าแก่ ท่านไปหาดินวิเศษแบบนั้นมาจากที่ไหนกัน ? แล้วทำไมน้ำในบางจุดถึงเปี่ยมไปด้วยพลังปราณกับพลังชีวิตแบบนั้น” แมวน้อยถามถึงสิ่งที่มันเห็นมาตลอดตั้งแต่มันมาถึงที่แห่งนี้
มันเห็นว่าพื้นดินและผืนน้ำส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดแม้จะน่าอัศจรรย์อยู่บ้างแต่ก็ยังเทียบกับเหวลึกสุดที่ผนึกพญาเสือขาวเอาไว้ไม่ได้
แต่มันจะมีอยู่ในบางจุดที่เถ้าแก่ใช้ปลูกต้นไม้ สมุนไพร หรือไปตักน้ำมารดที่จะพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เพราะในบริเวณนั้นเรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตและลมปราณ แค่ไปนั่งเล่นบนผืนดิน หรือตักน้ำขึ้นมาดื่มก็ช่วยให้ร่างกายดูดซับลมปราณได้ดีขึ้นแล้ว
“ข้าก็ใช้ผลึกที่พวกเจ้าหามาในการทำให้ดินและน้ำเหล่านั้นมันเปลี่ยนไปยังไงล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มให้เจ้าแมวน้อยก่อนจะตอบกลับไป เขาก็ไม่ได้โกหก เพราะเขาใช้ผลึกในการแลกเปลี่ยนจริง ๆ
“เถ้าแก่ยอดเยี่ยมที่สุดเลย! ว่าแต่... ข้าเล่นพิณได้ดีหรือไม่เถ้าแก่ ?” แมวตัวน้อยกล่าวถามออกมา
“อืมม... ข้าว่าเจ้าก็เล่นได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว เอาไว้ถ้าข้ามีเคล็ดวิชาเกี่ยวกับพิณหรือหาคนมาเป็นอาจารย์ให้เจ้าได้ข้าจะบอกเจ้าอีกทีก็แล้วกัน” ชายหนุ่มที่ได้ยินก็นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป
“ขอบคุณเถ้าแก่มากเจ้าค่ะ!” แมวน้อยกล่าวออกมาพลางทำตัวออดอ้อนชายหนุ่มด้วยความน่ารัก
“พวกเราไปหาข้าวเย็นกินกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมา เขาเห็นว่าตอนนี้พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกดินแล้ว มัวช้าไปก็จะเสียเวลาเปล่า ๆ
“ได้เลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปสั่งงานพวกลูกน้องก่อนนะเถ้าแก่” แมวน้อยกลายร่างกลับเป็นหญิงงามอีกคราก่อนจะเดินไปสั่งพวกฝูงแมวที่กระจัดกระจายอยู่
นางให้พวกมันกระจายตัวไปยังรอบ ๆ ที่ดินแห่งนี้เพื่อคอยเฝ้าระวังผู้บุกรุกเอาไว้ ซึ่งพวกมันก็ล้วนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
น้ำฟรี ไฟฟรี อาหารฟรี แถมลมปราณและสิ่งวิเศษก็มีมากมาย ไม่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแย่งชิงสิ่งใด สถานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้พวกมันจะไปหาได้จากที่ไหนอีก ?
...
“นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ข้ามาเดินเที่ยวเล่นแบบนี้กับเจ้าสินะ ?” เย่ซีถามเยี่ยหลิงที่เดินอยู่ข้างกายของเขา
“เถ้าแก่รังเกียจหรือไม่ที่ข้ามาเดินด้วยในร่างมนุษย์เช่นนี้ ?” หญิงงามที่มีเส้นผมสีขาวนวลชวนจับต้องกล่าวออกมาด้วยเสียงที่แฝงไว้ด้วยความกังวล
“เจ้าอย่าคิดมากเลย ข้าจะไปรังเกียจได้เช่นไร มีสาวงามเดินด้วยย่อมดีกว่ามีชายหนุ่มเดินข้างอยู่แล้ว” ชายหนุ่มกล่าวออกมาพลางหัวเราะไปด้วย ที่ผ่านมานอกจากหยางเสียก็มีแค่เยี่ยหลิงนี่แหละที่เข้ามาป้วนเปี้ยนรอบตัวเขาเช่นนี้
“ขอบคุณเถ้าแก่มากที่ยอมรับข้าเช่นนี้” นางกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
ที่ผ่านมาต้องอาศัยอยู่แต่ในหุบเหวลึกไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ ประทังชีวิตโดยการกินเห็ดและซากสัตว์อสูร รสชาติย่ำแย่ยิ่งนัก เวลาจะนอนก็ต้องคอยหวาดระแวงตลอดเวลา
แต่หลังจากได้มาติดตามเถ้าแก่ชีวิตของนางก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
นางรู้สึกขอบคุณพญาเสือขาวและเถ้าแก่จากใจอย่างแท้จริง...