ข้าต้องการไปซื้อโทรศัพท์ (อ่านฟรี 30/05/2567)
“นายสนใจเข้าร่วมกิลด์กุหลาบทมิฬของฉันไหม ?” ยูฮวาที่เห็นว่าเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งนาทีก็จะหมดเวลาแล้ว เธอเลยลองชวนชายตรงหน้าดู
มือใหม่ที่น่าจับตามองขนาดนี้ต้องกลายเป็นแรงค์ S ในอนาคตได้ไม่ยากแน่ ถ้ากิลด์ของเธอได้ตัวมาก็จะทำให้กิลด์ของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก
“ข้าขอคิดก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไป เขาพอจะรู้ความหมายของคำว่ากิลด์อยู่นิดหน่อยจากการพูดคุยกับเซรีนก่อนหน้านี้
เขาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่ต้องอยู่ใต้กิลด์ใด ขอแค่มันไม่ได้จำกัดอิสระมากเกินไปเขาก็ไม่ใส่ใจแต่อย่างใด เพราะชีวิตเขาก็ทำงานตามคำสั่งมาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มไม่รู้ก็คือการที่เขามีความคิดและจิตวิญญาณมากขึ้นขนาดนี้นั้น เป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน!
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นฉันขอคอนแทคนายไว้หน่อยได้ไหม ? เบอร์ติดต่อหรือแอพแชทก็ได้” หญิงสาวกล่าวออกมา อย่างน้อยชายหนุ่มก็ไม่ได้ปฏิเสธ แสดงว่ายังพอมีความหวังอยู่
“มันคืออะไรรึ ?” ชายหนุ่มถามกลับไป ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ตบหน้าผากตัวเองด้วยความเซ็ง
ชายตรงหน้าความจำเสื่อมหรืออะไรทำนองนั้นนี่นา! เธอก็ลืมไปเลย
“มันก็คือสิ่งที่เอาไว้ติดต่อสื่อสารกันได้แม้ไม่ต้องเจอหน้ากันยังไงล่ะ เอาเป็นว่านายเอานามบัตรฉันไว้ก็แล้วกัน แล้วไปหาซื้อโทรศัพท์มาใช้นะ มันคงจะช่วยนายได้มากเลยล่ะ” หญิงสาวยื่นนามบัตรให้ชายหนุ่มก่อนจะกล่าวแนะนำออกมา
“ได้สิ ขอบใจมาก” ชายหนุ่มรับนามบัตรนั้นมาก่อนจะเก็บไว้ในมิติเก็บของ
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายกลับได้เลยนะ พรุ่งนี้ค่อยมาเอาบัตรนักผจญภัยกับรางวัลสนับสนุนอีกที” หญิงสาวกรอกข้อมูลของชายหนุ่มลงในระบบก่อนจะกล่าวออกมา
“งั้นข้าขอตัวก่อน” ชายหนุ่มกล่าวจบเขาก็เดินออกจากห้องไป
“น่าสนใจจริง ๆ ดูเหมือนพวกระดับสูงจะอยากปิดบังข้อมูลของเขาสินะ แต่ยังไงก็คงปิดได้ไม่นานหรอก” หญิงสาวมองข้อมูลลับที่แสดงอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ตในมือของเธอก่อนจะกล่าวออกมา
มันเป็นเรื่องปกติที่พวกรัฐบาลจะอยากปิดบังข้อมูลของผู้ปลุกพลังที่มีแววเอาไว้เพื่อเก็บไว้ใช้งาน เพราะถ้าข้อมูลหลุดออกไปผู้ปลุกพลังคนนั้นก็จะถูกดึงตัวจากกิลด์ต่าง ๆ ในประเทศ บางทีก็รวมไปถึงกิลด์ของต่างประเทศด้วย
ถึงแม้จะมีเงื่อนไขที่ว่าต้องรอครบเจ็ดวันก่อนถึงจะเข้ากิลด์อื่นนอกจากของรัฐบาลได้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ทางรัฐบาลมีผู้ปลุกพลังระดับสูงเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่
“ฉันจะช่วยปกปิดให้อีกแรงก็แล้วกัน” ยูฮวายิ้มออกมาก่อนจะแก้ไขข้อมูลบางส่วนแล้วทำการกดส่งเข้าสำนักงานกลางไป
...
“พี่ชายจะไปไหนล่ะ ?” ชายคนหนึ่งใส่ชุดฮาวายเดินเข้ามาทักทายคริสที่กำลังยืนอยู่ด้านหน้าอาคารปลุกพลัง
หลังจากจบเรื่องเขาก็เดินออกมาอย่างไร้จุดหมาย เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนต่อดี และเขาก็ไม่ได้อยากจะไปต่อแถวเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ในอาคารด้วย
“ข้าก็ไม่แน่ใจ ข้าต้องการไปซื้อโทรศัพท์ เจ้าพอจะพาข้าไปได้หรือไม่ ?” ชายหนุ่มตอบกลับไป เขาได้รับคำแนะนำมาจากเซรีนและยูฮวาว่าให้หาซื้อไว้ เขาคิดว่ามันก็คงคล้าย ๆ เครื่องมือสื่อสารในโลกเก่าที่เขาเคยใช้
แต่ปกติมันก็มีแค่ปุ่มโทรกับปุ่มรับนี่นา มันใช้หาข้อมูล และทำอะไรได้มากมายขนาดนั้นเลยรึ ? ชายหนุ่มไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่
“โอ้ ได้เลยพี่ชาย! งั้นข้าจะพาท่านไปห้างเดอะมอลทาวเวอร์ก็แล้วกัน ที่นั่นมีทุกอย่างที่ท่านต้องการเลยล่ะ!” ชายใส่ชุดฮาวายพูดออกมาอย่างเป็นกันเองก่อนที่จะเดินนำชายหนุ่มไปขึ้นรถแท็กซี่ที่เขาเป็นคนขับมาจอดเอาไว้
ครึ่งหลัง
“พี่ชายไปทดสอบปลุกพลังมาเหรอ ? ผลเป็นยังไงบ้างล่ะ ผ่านไหม ? ผมว่ารูปร่างอย่างพี่ชายต้องได้เป็นนักผจญภัยแน่ ๆ” ชายที่ขับรถอยู่กล่าวออกมา รถคันที่นั่งอยู่ก็เป็นรถยนต์สี่ประตูทั่วไป ในยุคนี้แม้จะมีการเข้ามาแทนที่ของพลังเวทมนตร์ แต่เทคโนโลยีก็ยังคงอยู่ควบคู่กันอยู่ดี
เพียงแต่พลังงานจากเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองต่าง ๆ ถูกแทนที่ด้วยแก่นเวทย์กับวงจรพลังงานแทน ทำให้โลกในยุคปัจจุบันสามารถคลี่คลายเรื่องปัญหาโลกร้อนได้แล้ว
“อืม ข้าได้เป็นนักผจญภัย” คริสที่ถูกอีกฝ่ายถามก็ตอบกลับไปสั้น ๆ
ถ้าเป็นคนอื่นที่ได้ยินสิ่งที่คริสตอบก็คงได้แต่ยิ้มแหย ๆ แล้วไม่กล้าชวนคุยต่อ แต่ไม่ใช่สำหรับชายใส่เสื้อฮาวายคนนี้
“แล้วพี่ชายได้อาชีพอะไรเหรอ ? ฉันไม่บอกใครหรอกสัญญาเลย !” คนขับรถถามต่อ ความจริงเรื่องพวกนี้ก็ไม่นับว่าเป็นความลับหรืออะไร แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ถามกันถ้าไม่ได้ทำความรู้จักกันสักนิดก่อน
“ข้าได้อาชีพสีขาว เห็นคนเขาบอกว่าเป็นอาชีพสายผลิต” ชายหนุ่มตอบกลับไปตามที่เขาจำได้
“แล้วผมการทดสอบเป็นยังไงบ้าง ? ได้แรงค์ F ตั้งแต่ครั้งแรกเลยไหมพี่ชาย” คนขับชวนคุยต่อ แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะเป็นคำถามที่ใกล้เคียงกับตอนแรกก็ตาม แต่เขาก็ยังคงถามออกมา
“ก็ดี เห็นว่าข้าได้แรงค์ D น่ะ” คริสตอบกลับไปหน้าตาเรียบเฉย เขาไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายมีวัตถุประสงค์อะไรในการถามเรื่องเหล่านี้ ขอแค่มันไม่ใช่ข้อมูลสำคัญเขาก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะมีใครรู้หรอก
ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงต้องปกปิดข้อมูลในส่วนนี้เสียบ้าง แต่ชายหนุ่มที่สูญเสียความรู้สึกและสามัญสำนึกเกือบทั้งหมดไปแบบคริสย่อมไม่ใส่ใจ
...
“ถึงแล้วครับ ทั้งหมด 5,000 เครดิตครับ” คนขับรถกล่าวออกมาหลังจากที่เขาจอดรถที่หน้าประตูทางเข้าด้านหนึ่งของห้างเดอะมอลทาวเวอร์
ห้างเดอะมอลทาวเวอร์ก็คือห้างขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ห้างแห่งนี้มีความสูงเท่าตึกสิบชั้น แถมในบริเวณของตัวห้างก็มีคอนโด ที่อยู่อาศัย ตลาดนัด ตั้งอยู่อีกด้วย ตัวห้างถูกก่อสร้างและตกแต่งอย่างหรูหราผสมสไตล์โลกอนาคตเล็กน้อยด้วยนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นจากแก่นเวทย์ทำให้เทคโนโลยีของโลกใบนี้พัฒนาขึ้นมาก
“อืม นี่บัตรของข้า” ชายหนุ่มยื่นบัตรที่เขาได้รับมาจากการขายซากสัตว์อสูรให้อีกฝ่ายเพื่อทำการโอนเครดิต
“เรียบร้อยแล้วครับ” คนขับแท็กซี่กล่าวขอบคุณก่อนจะส่งบัตรคืนให้ชายหนุ่ม ซึ่งคริสก็เช็คยอดเงินเล็กน้อยก่อนจะเก็บบัตรกลับไปในมิติเก็บของ
“พี่ชายสนใจให้ผมไปส่งต่อไหม เดี๋ยวผมจะได้วน ๆ รถอยู่แถวนี้รอพี่ชาย” คนขับแท็กซี่กล่าวถามออกมาด้วยความเป็นมิตร
“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปเถอะ” ชายหนุ่มตอบปฏิเสธไปก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปยังประตูห้างที่มี รปภ. เฝ้าทางเข้าอยู่
“ขอบคุณที่ใช้บริการนะ ขอให้โชคดีครับพี่ชาย” ชายใส่ชุดฮาวายกล่าวลาก่อนจะปิดกระจกรถกลับไปตามเดิม เขาต้องออกรถแล้วเพราะคันหลังบีบแตรไล่
หลังจากรถแล่นจากไปได้นิดหน่อย คนขับแท็กซี่ก็คลี่ยิ้มออกมา
“ปกติแค่ 500 เครดิตเท่านั้นเอง คราวนี้กำไรสบายตัวเลยเรา” ใช่แล้ว คนขับแท็กซี่คนนี้เป็นพวกชอบตกหน้าใหม่ ถ้ารีดไถได้เขาก็จะเรียกเงินจำนวนมาก
“นี่เหรอว่าที่นักผจญภัยแรงค์ S ดูเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องทั่วไปสักเท่าไหร่เลยแหะ” ชายใส่ชุดฮาวายกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะขับรถไปหาลูกค้ารายใหม่