การจู่โจมที่ไม่คาดคิด สิ้นสุดการประลอง! (อ่านฟรี 22/05/2567)
วูบบ พรึบ!
ทั้งสองเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด ก่อนหน้านี้หอกฝึกหัดปะทะกับแส้พลังเวทย์อย่างสูสี แต่ในคราวนี้ทางด้านหอกฝึกหัดดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่ไม่น้อย ทำให้หญิงสาวต้องหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ
“หืม? นายมีทักษะควบคุมพลังธาตุสินะ!” แต่เพียงชั่วครู่หญิงสาวก็มองออก เธอเห็นว่ารอบตัวหอกมีเปลิวเพลิงทมิฬปกคลุมเอาไว้
ถ้าเปรียบการใช้เพลิงทมิฬก่อนหน้านี้กับตอนนี้ มันก็เหมือนกับการกระจายพลังไปรอบตัว กับการรวมพลังไว้ในที่เดียว ทำให้การโจมตีด้วยการรวมเพลิงทมิฬไว้รอบตัวหอกมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า
“นายไม่ได้ใช้มันได้คนเดียวหรอกนะ!” ยูฮวากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ในตอนนี้เธอให้ชายหนุ่มผ่านการประเมินไปแล้ว แต่ที่ยังต่อสู้อยู่ก็เพราะความสนุกล้วน ๆ !
แส้พลังเวทย์ที่เสียเปรียบในตอนแรกได้มีพลังธาตุความมืดเพิ่มขึ้นมา ทำให้หญิงสาวสามารถกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแบบไม่ยากนัก
ในเวลานี้หญิงสาวเริ่มเอาจริงมากขึ้น เธอใช้ทักษะเพิ่มความเร็ว เพิ่มพลังกาย ทำให้ชายหนุ่มเริ่มตามไม่ทันเพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่ช้ากว่าอีกฝ่าย แม้เขาพอจะอ่านทางได้บ้างแต่ร่างกายที่ขยับตามไม่ทันก็ทำให้เขาถูกโจมตีจนเกิดบาดแผลอยู่ดี
“ดูเหมือนนายจะมีความสามารถในการฟื้นฟูด้วยนะ ? ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” หญิงสาวสังเกตว่าแผลที่อีกฝ่ายได้รับค่อย ๆ สมานตัวเองได้เธอก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
เพราะเธอไม่เคยเห็นใครที่มีความสามารถแบบนี้มาก่อน ทำให้อาชีพฮีลเลอร์ นักบุญ จึงสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับปาร์ตี้ในการเคลียร์ดันเจี้ยนและหอคอยชั้นต่าง ๆ
แต่การที่ชายตรงหน้าสามารถฟื้นฟูตัวเองได้แบบนี้ แม้จะเป็นการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ก็นับว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว ไหนจะความสามารถต่าง ๆ ไม่ว่าจะเรื่องพละกำลัง ทักษะ ไหวพริบ ความเชี่ยวชาญ ก็จัดว่าอยู่ในระดับที่สูงจนหาใครเทียบได้ยาก
ยิ่งถ้าเขาได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้เฝ้ามองก็คงจะแข็งแกร่งได้มากกว่านี้เสียอีก...
“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่คงจะเป็นเช่นนั้น” ชายหนุ่มตอบกลับไปพลางใช้เท้าถีบด้ามหอกให้มันเข้าไปปัดแส้ที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านล่างขวาเพื่อป้องกันการโจมตีเพราะเขาเพิ่งจะเสยหอกขึ้นด้านบนทำให้การวกกลับมารับการโจมตีจากด้านล่างมันอาจไม่ทันการ
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้นายก็ชนะฉันไม่ได้หรอกนะ! ทักษะ แส้พันธนาการ!!” หญิงสาวตอบกลับไปก่อนที่จะเรียกใช้ทักษะออกมา
แส้ความมืดได้เคลื่อนไหวไปมาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้าของมันอีกครั้ง แต่ในคราวนี้แม้ว่าชายหนุ่มจะใช้หอกปัดป้องยังไง มันก็สามารถเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างเพื่อรัดพันตัวเขาได้อยู่ดี ชายหนุ่มถูกแส้ในมือของหญิงสาวที่ยืดยาวออกมากว่าปกติรัดพันร่างกายเอาไว้จนยากจะขยับได้
“ยอมแพ้รึยัง ? ทำให้ฉันต้องใช้ทักษะนี้ออกมาได้ก็นับว่านายเก่งมากแล้วนะ” หญิงสาวที่เห็นว่าอีกฝ่ายหมดสภาพแล้วจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้แล้วถามออกมา
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบอะไร เข้าเพียงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเรียบเฉยก็เท่านั้น
“เอาเถอะ! ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แบบนี้ฉันคงให้นายผ่านไม่ได้หรอกนะ” หญิงสาวที่เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบสนองเธอจึงเดินเข้าไปใกล้จนอยู่เบื้องหน้าของชายหนุ่มที่ถูกแส้ของเธอรัดเอาไว้จนไม่สามารถใช้อาวุธได้
“เจ้าประมาทเกินไป” ชายที่ถูกพันธนาการไว้ก็กล่าวบางอย่างออกมา ทำให้หญิงสาวได้แต่สับสนว่าเขาหมายถึงอะไร
ครึ่งหลัง
แต่แล้วแส้แห่งความมืดที่มัดช่วงแขนของชายหนุ่มก็ถูกคลายออกได้อย่างน่าฉงน หอกที่อยู่ในมือของคริสพุ่งเข้าใส่แขนข้างซ่ายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่านอกจากเพลิงทมิฬที่อยู่รอบตัวหอกแล้ว ที่ปลายหอกยังมีพลังธาตุมืดเจืออยู่เล็กน้อยอีกด้วย
ฉึก! ปั้ง!!
ด้วยความประมาทเล็กน้อย รวมถึงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะคลายแส้ของตนได้ หญิงสาวจึงตอบสนองไม่ทัน เธอถูกด้ามหอกแทงเข้าใส่ต้นแขนซ้ายอย่างแรง ร่างของหญิงสาวถูกโจมตีจนลอยกระเด็นออกไปเกือบห้าเมตร
“น่าประทับใจจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันมีพลังป้องกันที่สูงกว่า รวมถึงมีอาร์ติแฟกป้องกันอยู่ คงได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยแล้วล่ะ” ร่างของหญิงสาวที่ถูกโจมตีจนลอยออกไปใช้มือข้างขวามาปัดบริเวณต้นแขนซ้ายแล้วกล่าวออกมา
ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามันไม่มีร่องรอยของการถูกโจมตีอยู่แม้แต่น้อย เพราะมีม่านพลังจาง ๆ ป้องกันร่างกายของอีกฝ่ายเอาไว้อยู่
‘เป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งมาก น่าประทับใจจริง ๆ’ ชายหนุ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ
ในตอนที่เขาโจมตีออกไป เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ถูกโจมตีนั้นเป็นเหมือนกำแพงเหล็กที่ไม่อาจเจาะเข้า ทำให้เขาไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ผลลัพธ์ออกมาเป็นแบบนี้
“นายคลายแส้เวทย์ของฉันได้ยังไง ?” ยูฮวาถามออกมาด้วยความสนใจ
“ข้าคงตอบไม่ได้ ว่าแต่ข้าผ่านรึยัง ?” คริสตอบกลับไปด้วยคำถาม ทำให้อีกฝ่ายได้แต่ยักไหล่ให้เป็นการยอมแพ้ที่จะถามแล้ว
‘ไม่คิดว่าจะสร้างแม้แต่รอยแผลให้ไม่ได้...’ ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจ
เขาตัดสินใจทดลองหลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจก่อนที่จะใช้ทักษะมหาธาตุจำนน ปรับเปลี่ยนโครงสร้างของแส้พลังเวทย์บริเวณข้อมือกับหัวไหล่ให้คลายออก แล้วนำพลังเวทย์ที่ปรับเปลี่ยนนั้นไปเสริมการโจมตีแทน
มันนับว่าเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก เสียดายที่ระดับพลังของทั้งคู่ต่างกันเกินไป...
“ผ่านสิ! ความจริงก็ผ่านตั้งนานแล้วแหละ แต่พอดีฉันเครื่องติดไปหน่อย โทษทีนะ” หญิงสาวกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเคืองบ้าง แต่สำหรับชายหนุ่มมันไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเขาก็อยากทดสอบขีดสุดของตัวเองในตอนนี้เช่นกัน
“จากผลการประเมิน ฉันว่านายสามารถไปถึงแรงค์ S ได้แน่นอน จะให้ฉันกรอกข้อมูลไปตามตรงเลยไหม ?” หญิงสาวเรียกแผ่นประเมินออกมาก่อนจะกล่าวถาม
“ลงไปตามนั้นได้เลย” ชายหนุ่มตอบกลับไปหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย
ถ้าเขาถูกประเมินในระดับสูงก็อาจดึงดูดสายตาของพวกผู้มีอิทธิพล หรือพวกระดับสูงของโลกใบนี้ได้ ทำให้เวลาจะทำอะไรอาจจะต้องระวังตัวมากขึ้น แต่ก็แลกมาด้วยสิทธิพิเศษมากมายของระดับสูง แต่ถ้าเขากดโปรไฟล์ของตัวเองให้ต่ำเข้าไว้ ก็จะไม่เป็นที่จับตามองสักเท่าไหร่ แต่ก็คงลำบากในการใช้ชีวิตน่าดู
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะในโลกใบนี้หรือโลกเก่าของเขาที่จากมา
“โอเค มีอะไรจะถามหรือเปล่า ? เหลือเวลาอีกสิบนาทีก่อนที่จะต้องออกจากห้องนี้” หญิงสาวกรอกแบบประเมินพลางถามออกมา
“เจ้าช่วยบอกทุกเรื่องที่ข้าควรรู้ในฐานะนักผจญภัยจะได้หรือไม่ ?” ชายหนุ่มกล่าวออกมา ทำให้หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อย
“พอดีข้าความจำเสื่อม เลยจำอะไรไม่ค่อยได้ ไม่มีครอบครัว ไม่มีที่อยู่ เลยเพิ่งมาทดสอบปลุกพลังวันนี้เอง” ชายหนุ่มอธิบายเพิ่มเติมเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ
หญิงสาวได้ฟังก็พยักหน้ารับ แม้มันจะแปลกไปบ้าง แต่ก็นับว่าไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่โลกใบนี้พบเจอกับการบุกโจมตีของมอนสเตอร์ มันก็มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นเต็มไปหมดอยู่แล้ว
แค่คนความจำเสื่อมคนหนึ่งจะไปแปลกอะไร ?
“ก็ได้นะ แต่เวลาเราเหลือแค่สิบนาที น่าจะไม่พอสำหรับทุกเรื่อง นายบอกเรื่องที่นายรู้มาแล้วให้ฉันฟังดีกว่า ฉันจะได้บอกเรื่องอื่นเพิ่มให้” หญิงสาวตอบกลับไป ชายหนุ่มก็พยักหน้ารับก่อนจะบอกเล่าเรื่องทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้และนักผจญภัยออกไป
“อืมม เรื่องที่นายรู้มาแล้วก็เกือบครบแล้วล่ะ เหลือแค่พวกเรื่องระบบ อาร์ติแฟก แล้วก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้สนับสนุนล่ะมั้ง” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดก่อนจะค่อย ๆ กล่าวออกมา ซึ่งแต่ละเรื่องชายหนุ่มก็ไม่รู้จักจริง ๆ