พนักงานสาวมารยาทดี (อ่านฟรี 18/05/2567)
“กรอดด” เสียงบางอย่างดังรอดไรฟันออกมาจากร่างที่คลานอยู่
“เอ๊ะ! เมื่อกี้นายพูดอะไรรึเปล่า ?” ชายหนุ่มแกล้งเอามือป้องหูแล้วกล่าวออกมา
หลังจากที่ได้รับกายาหยินหยางบริสุทธิ์มา ประสาทสัมผัสของเขาก็เฉียมคมขึ้นกว่าเดิมมาก จนเสียงกระซิบที่ห่างออกไปสิบเมตรยังได้ยิน จะนับประสาอะไรกับเสียงกัดฟันของคนที่อยู่ใกล้ ๆ แบบนี้
“โฮ่ง โฮ่ง” เหอจุนเห่าออกมาอีกสองครั้งเป็นการตอบกลับ ตามจริงเขาก็เกือบจะหลุดด่าออกไปแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาของบอดี้การ์ดโดยรอบจึงเปลี่ยนใจขึ้นมา
“เอาเถอะ ในเมื่อนายไม่อยากคุยกับฉัน ฉันไปก่อนก็แล้วกัน หวู่หลิงไปกินข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มยักไหล่ให้อีกฝ่ายก่อนจะหันไปกล่าวกับหญิงสาว
“เฮ้อ แล้วแต่นายก็แล้วกัน” หญิงสาวอดถอนหายใจให้กับสิ่งที่ชายตรงหน้าทำไม่ได้ เธอจึงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดเดินนำทางไปเช่นเดิม
พวกเขาเดินผ่านร่างของเหอจุนที่คลานอยู่บนพื้นไปอย่างไม่ใยดี แต่ระหว่างทางก็อดแกล้งทำเป็นเดินพลาดเตะไปยังร่างอีกฝ่ายไม่ได้ เนื่องจากถูกเตะอย่างแรงเหอจุนจึงได้แต่ลงไปนอนกองด้วยความจุกอยู่บนพื้น
“ไอ้บัดซบ...” เหอจุนกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา เพราะกลัวจะมีใครได้ยินเข้า เขาสาบานไว้แล้วว่าจะต้องเอาคืนพวกมันให้ได้!!
...
“ถึงแล้ว แต่ดูเหมือนคนจะเยอะจังเลยแหะ” ฮวาหวู่หลิงชี้ไปยังร้านที่เธอต้องการพาชายหนุ่มไปกิน
ตัวร้านถูกตกแต่งด้วยไม้จริงซึ่งมีราคาแพงมาก ตามปกติแล้วการตกแต่งร้านภายในห้างแทบทุกร้านจะใช้ผนังเบาเพื่อให้เคลื่อนย้ายหรือปรับเปลี่ยนได้ง่าย และยังมีราคาถูกมาก
แต่ร้านแห่งนี้กลับใช้ไม้จริงในการก่อสร้าง บ่งบอกได้เลยว่าต้องลงทุนเป็นจำนวนมากและต้องมั่นใจในตัวร้านมากว่าจะอยู่ได้นานไม่ขาดทุน
“ร้านดูหรูมากเลยนะเนี่ย” ชายหนุ่มกล่าวชมออกมา ตัวร้านตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์น เน้นไปทางโทนสีไม้ออกทองหน่อย ๆ เพดานเป็นสีดำตัดกันได้เป็นอย่างดี โต๊ะและเก้าอี้ล้วนทำจากไม้จริงทั้งหมดให้ความรู้สึกที่ดูหรูหราเพียงได้มองดู
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าได้ทำการจองเอาไว้หรือเปล่าคะ ?” มีพนักงานหญิงหน้าตาดีในชุดกี่เพ้าสีแดงแหวกข้างถึงเข่าเดินเข้ามาสอบถามทั้งคู่
“ไม่ได้จองไว้ค่ะ” ฮวาหวู่หลิงตอบกลับไป ก็เธอถือหุ้นส่วนมากในห้างแห่งนี้ แถมยังรู้จักกับเจ้าของร้านอีก ไอ้การจองมันไม่จำเป็นเลยสักนิด
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรอกวนคุณลูกค้ารอตามคิวนะคะ ตอนนี้โต๊ะถูกจองไว้หมดแล้ว ต้องกราบขออภัยจริง ๆ ค่ะ” พนักงานหญิงกล่าวออกมาพลางโค้งตัวให้กับทั้งคู่ เธอทำตามมารยาทที่ได้รับการอบรมมาได้เป็นอย่างดี ไม่ทำตัวหยาบคายและให้เกียรติลูกค้า แม้พวกเขาจะไม่ได้ทำการจองโต๊ะไว้ก็ตาม
“ฉันไม่ได้จองไว้ก็จริง แต่..ช่วยเรียกเจ้าของร้านให้หน่อยได้ไหม” หญิงตัวเล็กกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม เธอไม่อยากจะสร้างความลำบากใจให้อีกฝ่าย ดังนั้นไปเรียกเจ้าของร้านมาเลยจะง่ายกว่า
“คือ...คุณเป็นอะไรกับคุณเจ้าของร้านเหรอคะ ?” พนักงานสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็ต้องกล่าวถามออกมา ถ้าเธอไปเรียกเจ้าของร้านแบบไม่มีเหตุผลเธออาจจะโดนต่อว่าได้
“อืมม เป็นคนรู้จักน่ะ ไปบอกเขาว่าฮวาหวู่หลิงมากินข้าวก็พอแล้ว” หญิงตัวเล็กตอบกลับไป ก่อนจะพาชายหนุ่มไปนั่งเก้าอี้ที่ใช้สำหรับนั่งรอที่หน้าร้าน ซึ่งตอนนี้ก็มีคนนั่งอยู่หลายที่ แต่ก็ยังพอมีที่ว่างอยู่ ดังนั้นพวกเขาเลยไปนั่งได้
ครึ่งหลัง
ในความเป็นจริงถึงฮวาหวู่หลิงจะเคยมากินข้าวที่นี่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น ทำให้มีเพียงพนักงานที่มีตำแหน่งสูงในร้านถึงจะรู้จักเธอ
การที่พนักงานต้อนรับตัวเล็ก ๆ จะไม่รู้จักเธอมาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“นี่.. พวกเราต้องรอนานไหม ? ไปกินร้านอื่นก็ได้นะ” ชายหนุ่มแอบกระซิบถามหญิงสาวด้านข้าง ตอนนี้เขาค่อนข้างหิวมากแล้ว
“เอาน่า ร้านนี้อร่อยจริงนะ รอสักสิบนาทีก็คงได้เข้าไปกันแล้วแหละ” หญิงสาวพยายามปลอบใจชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง และก็เป็นจริงเหมือนที่เธอว่า เพราะพวกเขานั่งรอไม่ถึงห้านาทีก็มีพนักงานหญิงคนเดิมเดินเข้ามาหาพร้อมกับชายกลางคนร่างอ้วนที่หวีผมเรียบแปล้คนหนึ่ง
“คุณหนู! โถ่..ถ้าจะมาร้านผมทำไมไม่โทรบอกก่อนล่ะครับ จะได้ให้คนจัดเตรียมโต๊ะไว้ให้ ขออภัยที่พนักงานใหม่ไม่ให้การต้อนรับที่ดีพอนะครับ” ชายร่างอ้วนกล่าวขอโทษออกมาพลางค้อมศีรษะให้กับหญิงสาว
เขาได้รู้จักกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยความบังเอิญ วันนั้นมีงานประมูลระดับสูงถูกจัดขึ้น แล้วเขาบังเอิญไปประมูลโสมร้อยปีมาได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้รู้ได้ยังไงเพราะวันถัดมาเธอก็มาหาเขาเพื่อขอซื้อมันไปในราคาที่มากกว่าเขาซื้อมาสามส่วนสิบ
ตอนแรกเขาก็ไม่ต้องการจะขาย แต่เมื่อหญิงสาวแนะนำตัวเองให้ได้รู้เขาจึงตัดสินใจยกให้อีกฝ่ายฟรี ๆ ไม่คิดเงิน หลังจากนั้นมาเมื่อเขามีปัญหาที่แก้ไม่ได้จริง ๆ หญิงสาวก็จะยื่นมือเข้ามาช่วย และเมื่อหญิงสาวมากินอาหารที่ร้าน เขาก็จะจัดห้องVIPไว้ให้เสมอ รวมถึงไม่คิดค่าอาหารแม้แต่หยวนเดียว
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่จะพาเพื่อนมากินข้าวอ่ะ มีห้องว่างไหม ? ขอแบบส่วนตัวนะ” หญิงสาวโบกมือให้เป็นเชิงไม่คิดอะไรมากก่อนจะกล่าวตอบไป
“มีสิครับ คุณหนูพาคนมาด้วยกี่คนเหรอครับ ?” ชายอ้วนตอบรับก่อนจะกล่าวถามต่อ
“ก็มีฉัน กับ เขา สองคน แล้วก็พวกบอดี้การ์ดสิบคน แยกห้องกันนะ” หญิงสาวทำท่าครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบไป
“ได้เลยครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญตามผมมาได้เลยนะครับ” ชายอ้วนเดินนำหน้าไปก่อนจะหยุดฝีเท้าเล็กน้อย เมื่อกำลังจะเดินผ่านร่างของพนักงานหญิงที่มาต้อนรับฮวาหวู่หลิงเมื่อสักครู่
“คุณหนูครับ ให้ทำยังไงกับพนักงานคนนี้ดี” ชายอ้วนกล่าวถามออกมาเป็นเชิงขอคำแนะนำ ทำให้พนักงานหญิงถึงกับหน้าซีดไปเลย นี่เธอไปทำให้หญิงสาวร่างเล็กตรงหน้าขุ่นเคืองใจรึเปล่านะ..
“เธอก็ทำหน้าที่ได้ดีนะ มีมารยาทมากด้วย ดูแลให้ดี ๆ ก็แล้วกัน” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมยิ้มให้พนักงานคนนั้นเล็กน้อย ทำให้อีกฝ่ายที่หน้าซีดในตอนแรกถึงกับรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเพิ่มเงินเดือนให้เธอเท่านึงก็แล้วกัน” ชายร่างอ้วนกล่าวรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินนำทั้งคู่เข้าไปในร้านท่านกลางสายตาของผู้คนที่มองมายังกลุ่มของพวกเขาด้วยความสงสัย
ทำไมเจ้าของร้านต้องเดินออกมาต้อนรับแบบนั้นด้วย?
พวกเขาเป็นใครกันนะ ดูท่าจะไม่ธรรมดา..
…
“อร่อยมาก! ว่าแต่ราคามันแพงไหม ?” ชายหนุ่มกล่าวออกมาขณะที่หยิบน่องเป็ดปักกิ่งขึ้นมากิน
อาหารแต่ละอย่างมีแต่พวกที่เขาเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยได้กินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ล็อบเตอร์ กุ้งมังกร ปูยักษ์ ตับห่าน เป็ดปักกิ่ง หูฉลาม ปลิงทะเล เยอะแยะไปหมด
ปกติชายหนุ่มไม่ใช่คนที่กินอาหารมากนัก แต่หลังจากที่ได้รับกายาหยินหยางบริสุทธิ์มาเหมือนว่าร่างกายของเขาจะต้องการสารอาหารที่มากกว่าเดิม รวมถึงอาหารเหล่านี้ก็ล้วนน่ากิน เขาเลยยัดเข้าไปจำนวนมาก
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าอะไร เรื่องราคาไม่ต้องใส่ใจหรอก กินไปเถอะ” หญิงสาวยิ้มให้ชายหนุ่มแล้วกล่าวออกมา ห้องที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ตอนนี้มีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก ประมาณ30ตารางเมตรเท่านั้น ส่วนพวกบอดี้การ์ดก็ได้เข้ามานั่งทานด้วย เพียงแต่แยกไปอยู่ห้องข้าง ๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวแทน