บทที่ 71 เพียงสามปี
หลี่เหวินและหลินหยวนสะดุ้งตื่นจากภวังค์ทันทีที่เสียงไถ่ถามจากหยางเสี่ยงเทียนจบลง
ทั้งสองคนก้มตัวจ้องมองใบหน้าหยางเสี่ยวเทียนเด็กน้อยผู้อยู่ตรงหน้า ด้วยอากัปกิริยาพะว้าพะวังดูซับซ้อน
ตั้งแต่ความเหลือเชื่อไปจนถึงความหลงใหลใคร่ปรารถนา และยังมีความตกใจอีกมากทวี เคล้าอารมณ์ผสมปนเปกันไป
“เด็กน้อย เจ้าฝึกฝนการหลอมโอสถมานานแค่ไหนแล้ว” หลี่เหวินเป็นคนแรกที่เปิดปากกล่าว
หลินหยวนจ้องหยางเสี่ยวเทียนไม่วางตาอย่างใกล้ชิด นี่คือสิ่งที่เขาใคร่รู้มากที่สุด
สามเดือนแล้วที่เขาค้นพบถ้ำบนหุบเขาหรือถ้ำหงเฟิงหลังจวนสกุลหยาง นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็เริ่มหลอมโอสถเพื่อขายแลตนเองมาโดยตลอด อย่างไร หยางเสี่ยวเทียนยังคงกล่าวว่า
“ประมาณสามปีขอรับ”
ถึงกระนั้น หลี่เหวินและหลินหยวนก็ยังคงสะดุ้งเฮือกด้วยประหลาดใจอยู่ดี
เวลาเพียงสามปี เขาก็สามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงสุดได้แล้วหรือ พรสวรรค์เช่นนี้นับได้ว่าทั่วทั้งอาณาจักรเสินไห่ มีเพียงคนเดียวแลพึ่งปรากฎมีในหลายร้อยปี
เช่นเดียวสมาคมนักปรุงโอสถที่ก่อตั้งมายาวนานในอาณาจักรเสินไห่ พวกเขาต้องใช้เวลาแลฝึกฝนหลอมโอสถมานานหลายทศวรรษ จึงจะสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสูงสุดขึ้นมาได้
แต่นี่ สามปี เพียงสามปีเท่านั้นหรือ
ยิ่งเป็นโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ ยิ่งยากต่อการจะหลอมให้สำเร็จ แม้บรรดานักปรุงโอสถจำนวนหลายคนจะใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต ก็มิอาจหลอมมันขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วยเรื่องนี้เกี่ยวพันกับสัมผัสทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของแต่ละบุคคล
“ผู้ใดสอนทักษะการหลอมโอสถให้เจ้างั้นหรือ” หลินหยวนอดไม่ได้จึงเอ่ยถาม
ทันทีที่เขาเปิดปาก ปรมาจารย์หลี่เหวินก็พลันตวัดสายตาเพ่งเล็งเขาอย่างรุนแรงราวไม่พอใจ ราวเป็นการเตือน
ทำหลินหยวนสะอึกไหวด้วยหวาดหวั่นเกินกว่าจะริอาจถามสิ่งใดอีก จำต้องนิ่งเงียบมิปริปาก
ครู่ต่อมา หลี่เหวินได้มอบอาภรณ์นักปรุงโอสถ พร้อมเหรียญตรานักปรุงโอสถหนึ่งดาว ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงถึงฐานะอันทรงเกียรติ ให้กับหยางเสี่ยวเทียนเป็นการส่วนตัว
พลางยื่นมือผอมแห้งขึ้นลูบศีรษะหยางเสี่ยวเทียน พร้อมพรำกล่าวน้ำเสียงโอนอ่อนด้วยรักใคร่เอ็ดดู
“ลูกเอ๋ย ฝากความนับถือจากข้าถึงอาจารย์เจ้าที ต่อไปนี้ หากเจ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ แต่หากไม่พบข้าที่เมืองเสินเจี้ยน ก็มาหาหลินหยวนหรือจะไปหาข้าที่เมืองหลวงก็ได้”
จากนั้น เขาก็มอบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งใส่ในมือให้หยางเสี่ยวเทียน “นี่คือป้ายประจำตัวของข้า เมื่อเห็นป้ายนี้ก็เหมือนกับเห็นข้า”
“ด้วยป้ายนี้ เจ้าสามารถเข้าออกหอสมาคมนักปรุงโอสถแห่งใดก็ได้ทั่วทั้งอาณาจักรเสินไห่”
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้ายินดีขณะยื่นมือออกไปรับป้ายประจำตัวของหลี่เหวิน จากนั้นเขาถึงล้วงเอารายการสมุนไพรส่งให้หลินหยวน
“ท่านมีสมุนไพรเหล่านี้อยู่ในหอสมาคมนักปรุงโอสถหรือไม่ พอดีข้าอยากจะซื้อมัน”
หยางเสี่ยวเทียนกว้านซื้อสมุนไพรจำนวนมาก เพื่อหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการ แต่ยังขาดสมุนไพรอีกเจ็ดชนิด ซึ่งทั้งเจ็ดชนิดนี้หายากมาก สมาคมการค้าส่วนใหญ่ต่างล้วนไม่มี
หลินหยวนไล่ดูรายการสมุนไพร ก่อนดวงตาจะเบิกโพลงด้วยประหลาดใจ แต่ยังคงพยักหน้าแล้วตอบไป “หอสมาคมนักปรุงโอสถของเรา พอมีสมุนไพรเหล่านี้อยู่ แล้วเจ้าต้องการซื้อกี่ชุดล่ะ”
“กี่ชุดงั้นหรือ เช่นนั้นท่านมีเท่าไหร่ข้าจะซื้อมันทั้งหมด!” หยางเสี่ยวเทียนขบคิดอยู่ครู่ แล้วกล่าววาจาที่ทำเอาทั้งสองตกใจทันที
ซื้อทั้งหมดเลยงั้นเรอะ
หลี่เหวินและหลินหยวนสะดุ้งด้วยความตกตะลึง
“สมุนไพรเหล่านี้ล้วนมีราคามิใช่น้อย บางชนิดมีราคามากกว่าหนึ่งพันเหรียญทอง หากจะซื้อสมุนไพรหลายสิบชุดจากหอสมาคมนักปรุงโอสถแห่งเมืองเสินเจี้ยน ราคาอย่างต่ำคงราวๆ ห้าหมื่นหรือหกหมื่นเหรียญทองเห็นจะได้ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการทั้งหมด?” หลินหยวนถามย้ำอีกครั้ง
เพราะเงินห้าหมื่นถึงหกหมื่นเหรียญทองนั้น มิใช่จำนวนเล็กน้อยเลยทีเดียว
“ขอรับ ข้าต้องการมันทั้งหมด!” หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้าเป็นการยืนยันอีกครั้ง
สิ่งที่เขาขาดคือสมุนไพรอีกไม่กี่อย่างเท่านั้น และแน่นอนว่ายิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ด้วยสมุนไพรเหล่านี้ เขาสามารถฝึกฝนทักษะการหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการให้ก้าวหน้าได้มากทวียิ่ง
และด้วยสมุนไพรหลายสิบชุดนี้ เขาสามารถหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์ได้มากถึงสองสามเม็ดเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินหยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยน้ำคำหนักแน่นสีหน้าจริงจัง หลินหยวนจำต้องเดินหันตัวเข้าไปหยิบสมุนไพรทั้งหมดที่เขาต้องการ จากหอเก็บสะสมสมุนไพรของสมาคมด้วยใคร่ลังเลเสียดายสมุนไพรหายากเหล่านี้อยู่ครู่
แต่เมื่อนึกถึงทักษะอันทรงพลังทางจิตวิญญาณที่หาพบได้ยากเช่นเขา ครั้นที่เขาหลอมโอสถให้ประจักษ์แก่สายตา หลินหยวนจึงมิครวญเสียดายวัตถุดิบหายากเหล่านี้ อันจะเป็นบันไดส่งเด็กผู้นี้บรรลุไปถึงจุดสูงสุดในภายภาคหน้าได้
เมื่อเห็นสมุนไพรหลายสิบชุดตรงหน้า หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่รั้งรอแต่อย่างใด เขาล้วงมือหยิบเงินออกมามากกว่าห้าหมื่นเหรียญทอง กองไว้ตรงหน้าต่อสายตาอันเบิกกว้างของทั้งสองคนทันทีโดยไม่คิดสิ่งใด
หยางเสี่ยวเทียนโบกมือเก็บสมุนไพรทั้งหมดใส่ในแหวนเตาหลอมของตน จากนั้นประสานมือขึ้นแสดงความเคารพต่อทั้งคู่ แล้วหันหลังสืบเท้าออกไป
ภายใต้สีหน้าแลแววตาอันซับซ้อนของหลี่เหวินและหลินหยวน พวกเขาทั้งคู่ต่างจับจ้องทุกท่วงท่าการเดินของร่างเล็กนั้น เยื้องย่างออกจากโถงสมาคมนักปรุงโอสถจนเกือบลับตา
“พรสวรรค์หมื่นปี!” หลี่เหวินชื่นชมพร้อมแสดงรอยยิ้มบนใบหน้า ขณะที่มองดูร่างผอมเพรียวของเด็กน้อยหยางเสี่ยวเทียนเดินจากไป
“ด้วยพรสวรรค์ของปรมาจารย์น้อยหยาง ข้าเกรงว่าห้าปีข้างหน้า คงสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ออกมาได้ไม่ยาก” หลินหยวนอดไม่ได้ที่จะเอื้อนเอ่ยความคิดอัดแน่นในใจ ขณะนัยน์ตาพลางจับจ้องแผ่นหลังของหยางเสี่ยวเทียนเฉกเช่นเดียวกับหลี่เหวิน
อีกห้าปีหยางเสี่ยวเทียนจะอายุเท่าไหร่กัน สิบสามมิใช่รึ!