ตอนที่แล้วบทที่ 68 ใคร่ฝึกฝนเพลงกระบี่อัสนี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 70 ข้าทดสอบผ่านหรือไม่

บทที่ 69 สมาคมนักปรุงโอสถ


สมาคมนักปรุงโอสถ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเสินเจี้ยน และไม่ไกลจากสำนักเสินเจี้ยนมากนัก

หยางเสี่ยวเทียนจึงใช้เวลามาถึงโถงสมาคมนักปรุงโอสถอย่างรวดเร็ว

หอของสมาคมนักปรุงโอสถถูกสร้างขึ้นได้ยิ่งใหญ่คู่ควรต่อการเป็นสถานที่ของเหล่าผู้มีเกียรติ ทั้งกว้างขวางใหญ่โต พื้นผิวผนังภายนอกส่วนใหญ่ ล้วนก่อขึ้นจากผลึกศิลาหายากต่างๆ ได้เห็นเพียงเท่านี้ ก็ทำเอาประทับใจยิ่งกว่าสำนักเสินเจี้ยนเสียอีก

หยางเสี่ยวเทียนได้แต่ยืนนิ่งขณะทอดถอนหายใจกับภาพเบื้องหน้า รุ่งเรืองสมเป็นสมาคมนักปรุงโอสถจริงๆ

ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปรุงโอสถ ล้วนแล้วแต่มั่งคั่งร่ำรวยกันทั้งนั้น ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี

เพราะตลอดทั้งเดือนนี้ เงินที่เขาได้รับจากการขายโอสถเพียงอย่างเดียว ก็ห้าถึงหกแสนเหรียญทอง

ขณะเขาเดินเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้าให้พอมีเวลาสังเกตโดยรอบ กระทั่งมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้หยางเสี่ยวเทียนประหลาดใจกว่านั้น เพราะด้วยความร่ำรวยแลล้ำค่าเช่นนี้ ประตูของโถงสมาคมนักปรุงโอสถกลับไร้ซึ่งผู้คุมกันใดๆ

หรือไม่มีสิ่งใดต้องกังวลว่าใครจะสร้างปัญหา ประตูจึงไม่จำเป็นต้องได้รับการพิทักษ์เช่นนั้นหรืออย่างไร

หยางเสี่ยวเทียนยังคงก้าวเท้าเข้ามาในโถงของสมาคมนักปรุงโอสถเรื่อยๆ พร้อมสอดส่องสายตาไปทั่วด้วยความตื่นตาเป็นที่สุด

งานประดับตกแต่งโถงหลัก ค่อนข้างดูมีเอกลักษณ์โครงสร้างภายในคล้ายคลึงกับสิ่งปลูกสร้างเชิงยุโรปโบราณ

ผนังทั้งสี่ด้านถูกแกะสลักด้วยจิตรกรรมโบราณ ยิ่งได้มองยิ่งทำให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาแลน่าเกรมขาม

แม้โถงใหญ่จะโล่งเตียนไร้ของตกแต่งใดๆ แต่กลับยิ่งเสริมให้ดูโอ่อ่าด้วยความว่างเปล่าแลกว้างใหญ่ของมัน

ภายใต้พื้นที่โล่งกว้างโอ่โถง กลับพบเพียงชายชราผมเงินยืนนิ่งอยู่โดยลำพัง เขาแหงนหน้าจ้องมองจิตรกรรมโบราณ ด้วยนัยน์ตาชื่นชมและหลงไหล ราวพวกมันเป็นสัญลักษณ์ที่น่าภูมิใจของบรรดานักปรุงโอสถทุกคน

ทันทีที่ชายชราผมสีเงินแว่วยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา จนเขาต้องละสายตาหันกลับมามองยังต้นเสียง ก่อนทันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบกับเด็กน้อยอายุแปดหรือเก้าขวบ

ไม่ช้า เขาก็เผยแย้มยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วกล่าวกับเด็กน้อยผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าน้ำเสียงเมตตา

“ลูกเอ๋ย ที่นี่คือโถงสมาคมนักปรุงโอสถ เจ้าหลงทางมางั้นหรือ”

หยางเสี่ยวเทียนส่ายศีรษะพลันตอบว่า “ข้ารู้ว่าที่แห่งนี้คือโถงสมาคมนักปรุงโอสถ จึงมาที่นี่ เพื่อขอทดสอบเป็นนักปรุงโอสถ”

“ทดสอบเป็นนักปรุงโอสถงั้นหรือ” ชายชราผมเงินสะดุ้งทันทีที่ได้ยิน

แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเต็มเสียงจวนไหล่ไหวสั่น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า… เจ้าเด็กน้อย เจ้าน่ะหรืออยากสอบเป็นนักปรุงโอสถ”

ส่วนมากนั้น ผู้ที่มาขอทดสอบเป็นนักปรุงโอสถ อายุน้อยสุดก็สิบสี่หรือสิบห้าปีขึ้นไป

ซึ่งไม่เคยมีเด็กอายุแปดขวบ ดั่งเช่นหยางเสี่ยวเทียนมาขอทดสอบเป็นนักปรุงโอสถมาก่อน

เด็กอายุเพียงแปดขวบ จะสามารถทำอะไรได้กัน แค่เรื่องสัมผัสทางจิตวิญญาณก็คงไม่รู้กระมัง

ในวัยเท่านี้ เกรงว่าคงจะไม่รู้จักสมุนไพรบางชนิดหรือจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ กระนั้น เขายังจะอยากทดสอบเป็นนักปรุงโอสถอีกงั้นหรือ

ไม่น่าแปลกใจที่ชายชราผมเงินผู้นี้จะหัวเราะออกมา

แน่นอนว่าเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเขา ไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงแต่อย่างใด เพียงรู้สึกเอ็นดูกับวาจาไร้เดียงสาของเด็กผู้นี้เท่านั้น

ซึ่งชายชราผมเงินนี้ มิใช่ใครอื่นนอกจากหลี่เหวิน หนึ่งในผู้นำของสมาคมนักปรุงโอสถผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่งอาณาจักรเสินไห่

หลี่เหวินผู้นี้ ยังเป็นถึงปรมาจารย์อาวุโสใหญ่ ของหอหลักสมาคมนักปรุงโอสถ แห่งอาณาจักรเสินไห่อีกด้วย

ซึ่งหลินหยวน ปรมาจารย์ของสมาคมนักปรุงโอสถแห่งเมืองเสินเจี้ยน ก็เป็นหนึ่งในศิษย์สายตรงของเขา

เนื่องจากหลี่เหวินเพิ่งมาถึงเมืองเสินเจี้ยนเช้านี้ อีกทั้งยังมิใคร่เปิดเผยการมาเยือนของตน จึงไม่มีใครทราบเรื่องนี้ นอกเสียจากหลินหยวนศิษย์เขา

“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าบอกว่าต้องการทดสอบเป็นนักปรุงโอสถ เช่นนั้น รู้หรือไม่ว่าต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง จึงจะสามารถเป็นนักปรุงโอสถได้”

หลี่เหวินมองหยางเสี่ยวเทียน ขณะแสดงรอยยิ้มในดวงตาหาเด็กน้อยผู้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา แลดวงตาคมคายแฝงด้วยความสุขุม ดูเฉลียวฉลาดไม่เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน

หยางเสี่ยวเทียนเปิดปากตอบ “ข้ารู้ ต้องมีความเข้าใจในสมุนไพรนานาชนิด มีสัมผัสทางจิตวิญญาณ และสามารถสัมผัสถึงไฟแห่งสวรรค์และโลกได้”

หลี่เหวินหัวเราะเบาๆ พลางปรบมือและกล่าวว่า “ฮ่า ฮ่า… ดี ดีมาก ดูเหมือนเจ้าจะมีความรู้ค่อนข้างมากทีเดียว”

เวลานี้เอง หลินหยวนปรมาจารย์ของหอสมาคมนักปรุงโอสถแห่งเมืองเสินเจี้ยน ก็เดินเข้ามาทันประสบกับความประหลาดใจ เมื่อเห็นอาจารย์ของตน ยืนสนทนาอย่างสนุกสนานกับเด็กน้อยอายุราวแปดขวบ

ครั้นที่ย่างกรายเข้ามาร่วมสนทนา หลินหยวนก็เผยยิ้มเมตตาเฉกเช่นเดียวกันกับหลี่เหวิน ทันทีที่ได้ทราบว่าหยางเสี่ยวเทียนมาขอทดสอบเป็นนักปรุงโอสถ

“ลูกเอ๋ย หากเจ้าสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับต่ำสำเร็จได้ภายในสามชั่วยาม ข้าจะให้ข้อยกเว้นแก่เจ้าเป็นกรณีพิเศษ และยินดีรับเจ้าเข้าร่วมสมาคมนักปรุงโอสถ” หลี่เหวินแย้มริมฝีปากให้หยางเสี่ยวเทียนด้วยใคร่ชื่นชมต่อความเด็ดเดี่ยว

ตามกฎของสมาคมนักปรุงโอสถ หากสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณให้สำเร็จภายในหนึ่งชั่วยามครึ่ง จะถือว่าผ่านการทดสอบและกลายเป็นนักปรุงโอสถระดับหนึ่งดาว

ซึ่งเมื่อพินิจจากอายุของหยางเสี่ยวเทียน หลี่เหวินจึงให้เวลาแก่หยางเสี่ยวเทียนมากถึงสามชั่วยาม เพื่อหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณให้สำเร็จ

“ท่านไม่จำเป็นต้องละเว้น” เมื่อหยางเสี่ยวเทียนได้ยินสิ่งนี้ ก็ส่ายศีรษะปฏิเสธทันที

แล้วกล่าวอีกว่า “เมื่อกฏของสมาคมกำหนดไว้ว่าหนึ่งชั่วยามครึ่ง เช่นนั้นข้าก็จะใช้หนึ่งชั่วยามครึ่งเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน”

อีกอย่าง ตอนนี้เขาสามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์จนสำเร็จได้ โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งในสี่ชั่วยามเท่านั้น สำมะหาอะไรกับโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับต่ำ ไยต้องใช้เวลามากมายขนาดนั้นด้วยเล่า

ด้วยทักษะการหลอมโอสถเพลานี้ของเขา การจะหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับต่ำให้สำเร็จได้ เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาก็ถือว่ามากเกินพอแล้ว

หลี่เหวินได้ยินหยางเสี่ยวเทียนกล่าวปฏิเสธรับข้อละเว้น จึงหันมองหน้าหลินหยวนพลางยิ้มชื่นชมถึงความชอบธรรมของเขายิ่งนัก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด