บทที่ 21: การอ่าน (2)
บทที่ 21: การอ่าน (2)
เดือนกุมภาพันธ์ของคังวูจินสิ้นสุดลงแล้ว
ถ้ามองย้อนกลับไป เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์อันน่าทึ่งสำหรับคังวูจินผู้เป็นเพียงคนธรรมดา ทว่าพอเดือนมีนาคมได้เริ่มขึ้น มันคงจะเป็นเดือนที่ยุ่งวุ่นวายมาก และในไม่นาน มันก็ถึงวันเสาร์ที่ 7 มีนาคมแล้ว
วันนี้เป็นวันที่ต้องออกเดินทางไปร่วมงาน MT และอ่านบทของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอนนี้เป็นเวลาเช้ามืดที่อพาร์ทเมนต์ของคังวูจิน แน่นอนห้องปิดไฟมืด และคังวูจินกำลังหลับสนิท
สิ่งที่ปลุกเขาคือ
-ตืด ตืด♬♪
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ซึ่งฟังดูดังก้องกังวาลยิ่งขึ้นเพราะโดยรอบเงียบสนิท หลังจากนั้นประมาณสิบวินาที คังวูจินที่กำลังงัวเงียก็หยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างหัวขึ้นมา
ด้วยความงัวเงีย เขาเอามือถือแนบหูโดยไม่ดูผู้โทร
“···สวัสดีครับ”
เสียงของแหบพร่าเพราะเขาหลับไป ในทางกลับกัน เสียงผู้หญิงได้ดังชัดเจนมาจากอีกปลายสายของโทรศัพท์
“อ้าว? คุณนอนเหรอคะ?”
“······”
คังวูจิตตกใจ เขาเช็คหน้าจอโทรศัพท์ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิง พลางหรี่ตามองแสงสว่างของหน้าจอ
-ฮง-ฮเย-ยอน
ปลายสายคือ ฮงฮเยยอนนักแสดงสาวแถวหน้า
“!!!”
คังวูจิน ลุกขึ้นทันทีและเช็คเวลา ตอนนั้นเพิ่งเลยตี 4 มานิดหน่อย อะไรกัน? ฝันเหรอ? ไม่ ไม่นะ ทำไมฮงฮเยยอนถึงโทรมาหาผมตอนนี้ ในขณะที่ความคิดกำลังวิ่งวน คังวูจินก็รีบรวบรวมสติ
'อ่า-หรือฉันกำลังอยู่ในฝัน?'
เขาตั้งสติอีกครั้ง เขาเคยชินกับการทำเป็นเฉยชามาบ้างแล้ว ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานที่จะสวมบทบาทเป็นคังวูจินผู้แสนอวดดี
“มีอะไรเหรอครับ?”
“คุณยังไม่เตรียมตัวเหรอคะ?”
เตรียมตัว? อ๋อ เตรียมตัวไปงาน MT และอ่านบทเหรอ?
“ผมได้รับแจ้งให้ไปถึงประมาณ 9 โมงเช้าครับ”
“ถูกต้องแล้ว”
“ผมตั้งใจจะไปกับรถมินิบัสของทีมงานครับ”
“เฮ้ ถ้าทำแบบนั้นมันก็เป็นการเปิดตัวไม่สวยสิค่ะ มันเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของผู้รับบท 'รองหัวหน้าพัค' เลยนะคะ ฉันบอกคุณแล้วไง ทุกคนทั้งนักแสดงและทีมงานต่างก็อยากรู้จักคุณจริง ๆ นะคะคุณคังวูจิน”
“······”
“คุณอยู่ที่ไหนเหรอคะ? คุณคังวูจิน”
“ผมอยู่แถวซูจิครับ”
“อืม สักครู่นะคะ”
อีกฝ่ายดูเหมือนกำลังทำอะไรบางอย่างกับโทรศัพท์ของเธอ จากนั้นฮงฮเยยอนก็พูดต่อ
“ถ้าอย่างนั้นคุณมาที่สถานีรถไฟสำนักงานซูจิได้ไหมคะ? ไปถึงที่นั่นภายในสองชั่วโมง”
อะไรเนี่ย? บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังนัดเดทเลย คังวูจินกระพริบตาแล้วถาม
“ทำไมเหรอครับ?”
เขาได้ยินเสียงตอบกลับพร้อมเสียงหัวเราะของฮงฮเยยอนทางโทรศัพท์
“ทำไม? ก็ฉันจะไปรับคุณไงค่ะ ไปกับรถของฉัน ไม่ใช่ไปกับรถมินิบัส”
ช่วงเวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง
เวลาใกล้จะถึง 6 โมงเช้าแล้ว และอาจเพราะมันยังเช้าอยู่ บนถนนจึงไม่มีคนมากนัก คนหนึ่งที่อยู่บนถนนก็คือ คังวูจินผู้สวมแจ็คเก็ตนักบินทับฮู้ดดี้ของเขากำลังเดินอยู่
เมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกหน้าร้าน เขาก็หยุดชะงัก
“อ่า ฉันน่าจะแต่งตัวซักหน่อยแฮะ แต่ว่ามันเป็นแค่การอ่านบทครั้งแรกไม่ใช่เหรอ?”
ดาราดังและนักแสดงคนอื่น ๆ อีกมากมายเข้าร่วมการอ่านบทด้วย ดังนั้นคังวูจินจึงไตร่ตรองถึงเรื่องนี้มาบ้างแล้ว แต่PDซงมันวูก็บอกให้เขามาแบบสบาย ๆ คนอื่นเองคงจะไม่ต่างอะไรกันล่ะมั้ง
ดังนั้นแล้ว คังวูจินจึงแต่งตัวสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ใส่ใจกับรูปลักษณ์ของตัวเองมากนัก ตอนนั้นคังวูจินจึงดูสบาย ๆ อย่างถึงที่สุด แต่เขาเดินมาไกลมากแล้ว หากจะย้อนกลับไปคงสายเกิน
"ชิชะ ช่างมันเถอะ"
ด้วยท่าทีไม่สนใจ เร่งฝีเท้าขึ้น เขาเดินมาถึงบริเวณสถานีเร็วขึ้น รถยนต์สองคันขนาดใหญ่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ทันที รถตู้สีดำและเบนซ์หรูสีขาวคันหนึ่ง จอดอยู่ริมถนนใกล้กับสถานี
น่าจะเป็นคันนั้น มันเป็นรถที่แปลกตามาก
ขณะที่คังวูจินเข้าใกล้ทางม้าลาย เขาก็ทำหน้าจริงจัง เขาซ้อมการแสดงอันหนักหน่วงระหว่างทางมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวล แต่เขารู้ดีว่าเขาต้องมีความมุ่งมั่นมากกว่านี้ ต้องเย็นชามากขึ้น
เพราะว่าเขากำลังจะขึ้นรถของเทพธิดาฮงฮเยยอน
คังวูจินเดินมาถึงหน้ารถสองคันนั้นในไม่ช้า มองไปรอบ ๆ ฟิล์มกรองแสงนั้นมืดมากจนเขาไม่แน่ใจว่ารถคันไหนเป็นคันไหน จากนั้นเอง ก็เกิดเสียงดังขึ้น
-กึก
ประตูด้านหลังของรถเบนซ์สีขาวหรูหราเปิดออก ในเวลาเดียวกัน คังวูจินก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ฮงฮเยยอนสวมหมวกปรากฏตัวพร้อมโบกมือ
“มาแล้วเหรอคะ?”
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดของวัน รอยยิ้มของหญิงสาวภายในเบนซ์สีขาวดูงดงาม คังวูจิลอบชื่นชมเธออย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ตอบรับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ครับ สวัสดีครับ”
“แต่ว่า… คุณคังวูจินคะ”
ฮงฮเยยอนที่ตอนนี้เข้าไปประจำที่นั่งภายในรถแล้ว มองคังวูจินตั้งแต่หัวจรดเท้า ลักษณะการแต่งกายของเขาดูเหมือนจะสร้างความกังวลให้เธอพอสมควร
“ว้าว คุณนี่ดูไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว… เลยเหรอคะ?”
“ผมตื่นเต้นอยู่นะครับ”
“จะให้ฉันเชื่อเหรอคะ? ถึงแม้จะเป็นแค่การอ่านบท มันก็ต้องมีนักแสดง ทีมงาน นักข่าว ฯลฯ รวมแล้วอย่างน้อยก็ 50-60 คนนะ แต่แต่งตัวสบายขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ผมแต่งตัวเหมาะสมแล้วนะครับ”
“คุณแต่งตัวสบาย ๆ เกินไปแล้วค่ะ คุณไม่คิดอย่างนั้นเลยเหรอคะ?”
อา นี่ไม่ดีเลยแฮะ เขาแต่งตัวสบาย ๆ เกินไปหรือเปล่า? ขณะที่คังวูจินเริ่มเสียความมั่นใจ ฮงฮเยยอนก็ส่ายหัวราวกับว่าเธอเหนื่อยกับเรื่องนี้แล้ว
“ฉันเดาไว้แล้ว แต่คุณดูไม่สนสายตาคนอื่นเลยจริง ๆ นะคะ คุณคังวูจิน ตอนนี้คุณเป็นนักแสดงแล้วนะรู้ไหม?”
“……”
“สำหรับพวกเรา เวทีคือสนามรบ เครื่องสำอางคือเกราะ และการแสดงคืออาวุธ ถ้าตัดสินใจเผยตัวตนออกมาแล้ว คุณก็ควรจะดูแลภาพลักษณ์ตัวเองด้วย”
ทันใดนั้น ฮงฮเยยอนก็เริ่มบ่นจู้จี้ ถ้าเป็นการบ่นของแม่คงจะมาพร้อมกับการทุบหลังเบา ๆ เขาคงคิดวิ่งหนีไปแล้ว
‘แต่เสียงบ่นของเธอน่าฟังแฮะ ทำไมนะ?’
การที่อีกฝ่ายเป็นฮงฮเยยอน ทำให้แม้กระทั่งเสียงบ่นนี้ก็ฟังดูน่าฟังสำหรับอูจิน ยิ่งกว่านั้น เมื่อพิจารณาดูใกล้ ๆ ฮงฮเยยอนก็ดูเหมือนไม่ได้แต่งตัวจัดเต็ม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอตั้งใจอยู่บ้าง แต่งหน้าเต็มที่ แฟชั่นโดยรวมดูสมดุล ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นภาพจำกัดความของ ‘ดูสบาย ๆ แต่ตั้งใจ’ ในยุคนี้เลยก็ว่าได้
เมื่อมาถึงจุดนี้เอง ฮงฮเยยอนก็ถอนหายใจเบา ๆ
“ขึ้นรถสิคะ คนมองอยู่”
เธอโบกมือเรียกให้เขาขึ้นไปบนรถเบนซ์ของเธอ ทันทีที่คังวูจินขึ้นไปบนรถเบนซ์ ทั้งรถมินิแวนและรถเบนซ์ก็ติดเครื่องแล้วขับตามกันไป ขณะที่ฮงฮเยยอนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็กอดอกพลางมองคังวูจิน
“ฉันคงต้องสอนอะไรคุณอีกเยอะเลย ทำไมคุณถึงปล่อยปละละเลยรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาของคุณแบบนี้กันคะ? ฝีมือการแสดงของคุณไม่มีอะไรน่าติเลยนะ แต่ด้านนี้...แต่ในด้านนี้ คุณเหมือนผืนผ้าใบที่ว่างเปล่าชัด ๆ”
เสียงบ่นนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาสำหรับคังวูจิน เขามัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ได้สนใจกับเสียงบ่นนั้น
สถานการณ์ในตอนนี้มันทำให้คังวูจินรู้สึกตื่นเต้นมาก
เขากำลังนั่งอยู่ในรถของฮงฮเยยอน นักแสดงสาวแถวหน้า เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่กล้าฝันแม้แต่น้อยเมื่อเดือนที่แล้ว ระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้พอที่เขาจะได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ ฮงฮเยยอนที่กำลังดุคังวูจินพร้อมกลิ่นกายที่หอมอ่อน ๆ และบรรยากาศที่อาจเข้าใจผิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิท มันเป็นยังไงกันเนี่ย? มันช่างเหมือนฝันจริง ๆ
ดังนั้น คังวูจินจึงตัดสินใจ...
“……”
เขาตัดสินใจที่จะเงียบไว้ ตอนนี้เขาแค่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ ทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้น
-แปะ
ฮงฮเยยอนเอื้อมมือไปทางอูจินที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง อูจินตกใจ ผลักมือเธอออกไปตามสัญชาตญาณ
-กึก
"อ๊ะ"
"หืม?"
คังวูจินเผลอปัดมือของฮงฮเยยอนออกไป ปรากฎว่าในมือของเธอนั้นมีแป้งแต่งหน้าอยู่ หลังจากนั้นก็เกิดช่วงเวลาแห่งความเงียบน่าจะประมาณ 10 วินาที
จากนั้น
“... ฉันบอกว่าจะแต่งหน้าให้เบา ๆ คุณไม่ได้ยินเหรอคะ?”
ฮงฮเยยอนบ่นแบบงอน ๆ คังวูจินพยายามซ่อนความประหลาดใจอย่างเต็มที่แล้วรีบหาข้อแก้ตัว
"ขอโทษครับ ผมไม่ชอบให้ใครแตะหน้าผม"
จริง ๆ มันไม่ใช่เลย ภายในใจคังวูจินกำลังคร่ำครวญ
'แย่แล้ว ภาพลักษณ์ของฉันคงพังยับ เธอต้องเกลียดฉันแน่'
ในขณะเดียวกัน ฮงฮเยยอนที่สังเกตใบหน้าอันเคร่งเครียดของวูจินอย่างระมัดระวังก็คิดในใจ
'เขาไม่ชอบให้ใครแตะหน้า? เขาคงฝังใจกับอะไรบางอย่างสินะ...อาจเป็นอดีตของเขา...แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันโดนปฏิเสธตรง ๆ แบบนี้'
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้
'เฮอะ แต่มันก็ทำให้ความภาคภูมิใจของฉันเจ็บปวดเหมือนกันนะ’
ประมาณ 9.00 น. เมืองคาพย็อง จังหวัดคย็องกี
สถานที่คือคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในเมืองคาพย็อง เป็นคอนโดขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 5 อาคาร รถยนต์จำนวนมากเริ่มทยอยเข้าจอดในลานจอดรถกลางแจ้งหน้าอาคารแรก มีทั้งรถตู้ รถมินิบัส รถเก๋งขนาดใหญ่ ฯลฯ คาดว่าน่าจะมีรถยนต์อย่างน้อย 30 คัน
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็ง่าย ๆ
คอนโดแห่งนี้เป็นสถานที่จัดกิจกรรม MT และการอ่านบทของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ทีมงาน 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ได้เช่าทั้งอาคาร 1 เป็นเวลาสองวันหนึ่งคืน
ด้วยเหตุนี้ ที่จอดรถกลางแจ้งจึงเต็มไปด้วยผู้คน
“วางตรงนี้ไม่ได้! เอาไปไว้ตรงนู้นสิ! ยกมาตรงนี้!”
“เห้ย! ไอ้มือใหม่! ใครบอกให้วางอุปกรณ์ลงลวก ๆ แบบนี้! ไม่รู้เหรอว่าพวกอุปกรณ์แสงมันแพง?!”
“เอาล่ะ! อย่างแรกเลย รีบขนสัมภาระไปไว้ห้องอ่านบท แล้วก็จัดเตรียมห้องอ่านบทกันก่อนเลย!!”
“วิทยุสื่อสารขาดอยู่นะ!”
เจ้าหน้าที่หลายสิบคนกำลังขนกระเป๋าลงจากรถบัส นักแสดงที่ทยอยกันมาต่างก็ยุ่งอยู่กับการทักทายกัน
“ว้าว- ผิวของคุณดูดีจังเลยนะคะ? เครื่องสำอางที่คุณโฆษณานี่ดีจริงหรือคะ?”
"แน่นอนสิคะ อยากใช้ไหมคะพี่? จะว่าไป ฉันได้ยินมาว่าพี่กำลังออกรายการวาไรตี้อยู่เหรอคะ?”
นอกจากนี้ยังมีนักข่าวและผู้จัดการดาราอีกมากมาย ถ้านับแค่จำนวนคนก็จะมีประมาณร้อยเลยมั้ง?
สรุปแล้ว บรรยากาศตรงนี้ชวนให้นึกถึงการ MT ของมหาวิทยาลัยเลย
ทุกคนต้องขนสัมภาระไปเก็บในห้องที่ได้รับการจัดสรรไว้ก่อน ส่วนทีมงาน ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ไม่มีเวลามาเสียเปล่ากับเรื่องต่าง ๆ เพราะต้องจัดเตรียมสถานที่มากมาย จากนั้นทุกคนก็ทยอยกันมารวมตัวในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง
การอ่านบทจะเริ่มขึ้นที่ห้องโถงนี้ในเวลา 10 โมงเช้า
เดิมทีมันเป็นพื้นที่โล่ง แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ความกว้างของห้องโถงนั้นใหญ่เท่ากับหอประชุมของโรงเรียน ตรงกลางมีโต๊ะวางเรียงกันเป็นรูปตัว ‘ㅁ’ มีขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มวางไว้บนโต๊ะอย่างเหมาะสม และรอบโต๊ะรูปตัว ‘ㅁ’ มีเก้าอี้จัดไว้มากกว่า 40 ตัว นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้เสริมอีกหลายสิบตัววางอยู่บริเวณทางเข้าห้องโถง
เพียงแค่เห็นแวบเดียว ก็รู้ได้เลยว่ามันเป็นสถานที่สำหรับการอ่านบทขนาดใหญ่
มีกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กจำนวนมากติดตั้งไว้ในหลายจุด และมีกล้องถ่ายภาพขนาดใหญ่ติดตั้งไว้รอบ ๆ ห้องโถง แม้แต่ทีมถ่ายทำประมาณหกคนก็กำลังถ่ายทำอยู่ทั่วห้องอ่านบทขนาดใหญ่ ทีมนักข่าวของ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เองก็กำลังยุ่งอยู่กับการสัมภาษณ์นักแสดงแต่ละคนขณะที่พวกเขาทยอยกันเข้ามา
“อะไรคือเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้คุณมาร่วมแสดงใน ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ เหรอครับ?”
“ฮ่าฮ่า นี่มันอะไรกัน? เราถ่ายทำกันจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
ตอนนี้พวกเขาต้องถ่ายทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพราะหลังจากนี้มันอาจจะถูกนำไปใช้สำหรับการสร้างตัวอย่างละคร บทนำ และตัวอย่างสั้น ๆ เป็นต้น ไม่นานนัก นักแสดงก็เริ่มทยอยกันเข้ามาที่ห้องโถงขนาดใหญ่ ทีมงานดูแลนักแสดงนำ นักแสดงประกอบ ฯลฯ ต่างก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ล้อมรอบโต๊ะรูปตัว ‘ㅁ’
เวลาผ่านไปไม่กี่สิบนาที
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัว สถานที่นั้นก็เต็มไปด้วยผู้คน ทำให้ยากที่จะหาที่นั่งว่างได้
สิ่งที่น่าสนใจที่นี่คือ
“เจอตัวนักแสดงที่รับบท ‘รองหัวหน้าพัค’ หรือยัง?”
“ยังไม่เจอเลย? เค้าจะมาอ่านบทวันนี้ใช่ไหม?”
“ฉันได้ยินมาว่าเขามาจากต่างประเทศ เขาเป็นชาวต่างชาติจริง ๆ เหรอ?”
เหล่านักแสดงที่มารวมตัวกันเกือบทั้งหมดกำลังพูดถึงบทบาทของ ‘รองหัวหน้าพัค’
“อ๋อ เราจะได้เห็นเขาวันนี้สินะ ฉันอยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย”
“ฉันด้วย ฉันอยากรู้เหมือนกันว่านักแสดงคนนั้นพิเศษยังไงถึงได้เก็บเป็นความลับไว้จนถึงวันนี้”
“ดูเหมือนข่าวลือทั้งหมดจะเป็นเรื่องไร้สาระนะนะ เพราะว่าเราไม่เห็นนักแสดงที่ว่าเลย”
“ทำไมเขายังมาไม่ถึงอีกกันล่ะ?”
เหล่านักแสดงต่างก็มองไปยังเก้าอี้ว่างเปล่าของผู้รับบทบาทของรองหัวหน้าพัคซ้ำ ๆ ไปมา
ทันใดนั้นเอง ฮงแฮยอนผู้สวมหมวกก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะ-”
ทันทีที่เธอปรากฏตัว พร้อมด้วยทีมงานอีกประมาณหกคน เธอก็ส่งคำทักทายเข้ามา ในระหว่างนี้เอง มีชายร่างสูงคนหนึ่งแอบเข้ามาด้านหลังฮงฮเยยอนที่กำลังทักทายนักแสดง
“ฮงฮเยยอน คุณจะไปงานปาร์ตี้หลังอ่านบทวันนี้หรือเปล่าครับ?”
รยูจองมิน นักแสดงนำชายของเรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ที่ยังคงไว้ทรงผมยาว อาจเป็นเพราะยังไม่รู้ว่าตัวละครจะไว้ทรงไหนกระมัง พอได้ยินคำถาม ฮงฮเยยอนจึงตอบอย่างเลี่ยง ๆ
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์มั้งคะ? แต่เราเดินทางมาไกลขนาดนี้ ไปเลยแต่แรก ๆ จะดีเหรอคะ?”
“อ่า งั้นเองเหรอครับ.. โอ้จริงสิ เฮ้ คุณเคยเห็นนักแสดงที่รับบทเป็นรองหัวหน้าพัคบ้างไหม?”
เมื่อเขาถามคำถามนั้น ฮงฮเยยอนก็ยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
“ไม่รู้สิคะ?”
“เอ่อ เมื่อไหร่เขาจะมากันล่ะ? ผมอยากรู้มากเลยนะ ผมจะบ้าแล้วเนี่ย วันนี้เขาไม่มาเหรอ?”
รยูจองมินมองไปรอบๆ แล้วสบตากับชายคนหนึ่งในแจ็คเก็ตนักบิน ท่ามกลางผู้จัดการของฮงฮเยยอน
“โอ้-คน ๆ นี้ดูดีเกินกว่าจะเป็นผู้จัดการหรือเปล่าเนี่ย? เขาหน้าตาดีมากเลยนะ รูปร่างก็ไม่เลวเลย เฮ้ ฮงฮเยยอน การปล่อยให้คนนี้เป็นผู้จัดการมันเป็นการเปล่าประโยชน์ไม่ใช่เหรอ?”
ฮงฮเยยอนหัวเราะเบา ๆ กับผู้จัดการที่สวมแจ็คเก็ตนักบินของเธอ
“เป็นอย่างนั้นเหรอคะ? งั้นฉันลองปั้นเขาเป็นนักแสดงดูดีไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีเลยสิครับ ถ้ามีฮงฮเยยอนคอยสนับสนุน เขาคงจะได้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงตั้งแต่แรกเลยในฐานะมือใหม่”
รยูจองมินที่หัวเราะอย่างเย็นชา พูดกับผู้จัดการในแจ็คเก็ตนักบิน บรรยากาศเหมือนการฆ่าเวลา
“จริงนะ คุณควรลองเล่นละครดูสักครั้ง เสียดายหน้าตาของคุณเลยถ้าไม่ได้ใช้”
“……”
แต่ผู้จัดการไม่ตอบ นอกจากนี้เขายังมีสีหน้าดูเฉยเมยต่อทุกสิ่งอีกด้วย ทำให้รยูจองได้แต่เกาผมที่ยาวของเขา หันกลับไปมองฮงฮเยยอนอีกครั้ง
“คนนี้ดูเท่ดีนะ เขาเหมือนมีออร่าอยู่เลย หรือว่าเขาประหม่า? นี่คุณเป็นหน้าใหม่เหรอครับ?”
ตอนนั้นเอง
-ฟึบ
PDซงมันวูผู้มีหนวดเคราแพะก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าห้องโถงใหญ่ แน่นอนว่านักเขียนพัคอึนมีที่ได้ผมดัดยาวก็อยู่ที่นั่นด้วย ต้องขอบคุณพวกเขา ผู้คนหลายสิบคนที่เต็มห้องโถงจึงขยับไปที่นั่งของตน
ในไม่ช้า PDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมีก็นั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะรูปตัว 'ㅁ'
ในเวลานั้นเอง สายตาของนักแสดงทุกคนต่างจับจ้องไปที่PDซงมันวู รยูจองมินที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า
“คุณPDครับ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? นักแสดงที่รับบทรองหัวหน้าพัคยังไม่มาเหรอครับ เขาจะไม่มาเหรอ?”
นักแสดงหลายสิบคนพยักหน้าราวกับเห็นด้วย จากนั้นPDซงมันวูผู้กำกับที่มีหนวดเครา แพะและนักเขียนพัคอึนมิ ต่างก็ยิ้มกัน ส่วนคนที่พูดก่อนคือPDซงมันวู
“เขามาแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“……จริงเหรอครับ?”
“???”
ในไม่ช้า นักแสดงก็เอียงคอไปมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม จากนั้นPDซงมันวูก็หันไปมองรอบ ๆ กลางโต๊ะรูปตัว M มันมีป้ายเขียนบทบาทที่วางอยู่บนโต๊ะเอาไว้
-[บทบาท รองหัวหน้าพัค]
และด้วยเหตุผลบางอย่าง PDซงมันวูก็พยักหน้าพร้อมมองไปทางนี้ เขาพยักหน้าให้ใครกัน? ในพริบตา สายตาทุกคู่ของนักแสดงต่างจับจ้องไปที่เก้าอี้ของบทบาทรองหัวหน้าพัค ไม่เพียงแต่นักแสดงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้จัดการและทีมงานฝ่ายผลิตด้วย ก่อนหน้านี้เก้าอี้ตัวนี้ยังว่างเปล่าอยู่เลยนะ
แต่ชายคนหนึ่งในเสื้อแจ็คเก็ตนักบินกำลังยืนอยู่ตรงนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าเขามาเมื่อไหร่กัน
เขาเป็นคนที่รยูจองมินเรียกว่าผู้จัดการของฮงฮเยยอน ด้วยเหตุนี้รยูจองจึงกระพริบตาปริบ ๆ มองไปด้วยความแปลกใจ ทว่าแม้จะมีสายตาจับจ้องอยู่มากมาย ผู้ชายในแจ็คเก็ตนักบินก็ยังคงยืนอยู่ยังคงมั่นคงและมีใบหน้าไร้อารมณ์ เขาสำรวจนักแสดงทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่เพียงครู่เดียว
ในไม่ช้า ชายคนนี้ก็ดึงเก้าอี้มาที่ตำแหน่งบทบาท ‘รองหัวหน้าพัค’ พร้อมพึมพำกับทุกคนด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“สวัสดีครับ ผมคังวูจิน รับบทเป็น ‘รองหัวหน้าพัค’”
ในยามนั้นเอง
“……”
“……”
“……”
ห้องโถงใหญ่อันพลุกพล่านได้เงียบสงัดลงในทันที
*****