ใครแพ้ต้องเป็นสุนัข! การแข่งขันความร่ำรวย (อ่านฟรี 16/04/2567)
“จะแข่งอะไร ว่ามาเลย” เหอจุนกล่าวตอบทันที
“ก็แข่งความร่ำรวยไง! ร้านนี้ก็เหมาะพอดี สินค้าราคาแพง เหมาะจะแข่งกันอยู่แล้ว” เย่เซวียนตอบกลับไป เขาคิดแผนบางอย่างเอาไว้แล้ว
“เฮอะ! แข่งความรวยฉันไม่เคยกลัว ว่ามาจะแข่งยังไง” เหอจุนตอบรับทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่จะแข่งกัน เขาเป็นถึงผู้จัดการบริษัท ไอ้คนตรงหน้าเป็นแค่พนักงานส่งอาหาร เขาจะเอาอะไรไปแพ้กัน! ดีไม่ดีไอ้บ้านนอก ยากจนตรงหน้ามันก็แค่ทำอวดเก่งไปอย่างนั้นเอง
“เราจะซื้อสินค้าในร้านแข่งกัน โดยแต่ละคนจะหยิบมาคนละชิ้น แล้วไปจ่ายเงิน ถ้าจ่ายชำระผ่านก็จะนับยอดรวมไว้ สุดท้ายใครที่ได้ยอดรวมมากที่สุด คนนั้นชนะไป” เย่เซวียนอธิบายถึงการแข่งที่คิดขึ้นทันที
“ได้! แต่แข่งกันก็ต้องมีเดินพัน หน้าอย่างแกจะมีอะไรมาเดินพันล่ะ ?” เหอจุนที่ได้ยินกติกาการแข่งขันยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ เขาชนะแน่ ๆ
“แล้วแกอยากได้อะไรล่ะ ?” เย่เซวียนตอบกลับไป
“หน้าอย่างแกคงไม่มีของมีค่าอะไร ถ้าอย่างนั้น ถ้าแกแพ้ก็ช่วยถอดเสื้อผ้าออกแล้วคลานออกประตูห้างไปก็พอ แต่ตอนคลานต้องเห่าเหมือนสุนัขด้วยล่ะ ไม่ต้องห่วงฉันอนุญาตให้แกใส่กางเกงในเอาไว้ตัวนึงได้” เหอจุนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเหยียดหยาม เขาจะเหยียบชายตรงหน้าให้จมดิน เอาให้มันไม่มีที่ยืนเลย!
“ไม่มีปัญหา ถ้านายแพ้ก็แค่ทำแบบเดียวกับที่นายพูดมาก็พอ” เย่เซวียนที่ได้ยินเหอจุนกล่าวออกมาถึงกับยิ้มกว้าง เขานึกภาพไม่ออกเลยว่ามันจะตลกแค่ไหนพออีกฝ่ายแพ้ขึ้นมา เขาไม่มีความคิดว่าตัวเองจะแพ้เลยสักนิด
“ได้ ฉันจะอัดคลิปแกไปประจานให้ทั่วเลย !” เหอจุนคำรามออกมา ตอนนี้ผู้คนในร้านต่างมองมาทางพวกเขาอย่างให้ความสนใจ
ดูเหมือนจะมีการแข่งอะไรสักอย่างเกิดขึ้นใช่ไหม ?
“นายเอาจริงอ่ะ ช่างกล้าหาญจริง ๆ ฉันขอชื่นชมเลยล่ะ” ฮวาหวู่หลิงมองเหอจุนก่อนจะกล่าวออกมา เพราะเธอรู้ดีว่าคนตรงหน้าไม่มีทางชนะแน่ ๆ นี่เขาขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ
“แน่นอน ฉันไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว” เหอจุนยืดอกกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเองดูโง่มากแค่ไหนในสายตา เย่เซวียนกับฮวาหวู่หลิง
“ถ้าอย่างนั้น เธอมานี่สิ” ฮวาหวู่หลิงเรียกพนักงานสาวที่ยืนมองอยู่ไปคุยกันอีกมุมหนึ่ง ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพักนึง ก่อนที่จะเดินกลับมา
“ฉันขอให้พนักงานคนนี้เป็นกรรมการให้เรียบร้อยแล้ว พวกนายโอเคใช่ไหม ?” เธอกล่าวออกมาหลังเดินมาพร้อมกับพนักงานสาวคนเดิม
“ฉันไม่มีปัญหาอะไร” เหอจุนตอบ
“ฉันก็ด้วย” เย่เซวียนก็ยอมรับ
“ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญท่านทั้งสองเริ่มต้นแข่งขันกันได้เลยค่ะ เราจะตัดสินคนที่แพ้จากสองกรณี 1.ไม่มีเงินจ่ายสินค้าที่ท่านหยิบมาได้อีกต่อไป 2.ยอดรวมสินค้าที่จ่ายไปน้อยกว่าอีกฝ่าย เท่านั้นค่ะ” พนักงานสาวกล่าวออกมา ไม่มีใครรู้ว่าฮวาหวู่หลิงไปพูดอะไรกับเธอ ทำให้เธอยอมตกลงเป็นกรรมการอย่างว่าง่ายแบบนี้
“เดี๋ยว! ฉันมีเงื่อนไขเพิ่มเติม” เหอจุนรีบกล่าวออกมาทันที หลังจากที่คิดอะไรได้บางอย่าง
“อะไรล่ะ ?” เย่เซวียนถามตอบ เขาสงสัยว่าชายตรงหน้าจะลีลาอะไรนักหนา
“นายห้ามยืมเงิน ใช้เงินคนอื่นในการแข่งเด็ดขาด ใช้ได้แค่เงินของนายเท่านั้น ตกลงไหม ?” เหอจุนกล่าวออกมา เขากลัวฝ่ายตรงข้ามไปหายืมเงินคนอื่น ถึงแม้ดูจากท่าทางแล้วฝ่ายตรงข้ามไม่น่าจะรู้จักคนมีฐานะก็เถอะ !
ครึ่งหลัง
“ได้สิ เธอก็ไม่ต้องช่วยฉันจ่ายล่ะ ตกลงไหม ?” ชายหนุ่มตอบรับ แล้วหันไปกล่าวกับฮวาหวู่หลิง ทำให้ฝั่งที่ถูกถามได้แต่พยักหน้ารับด้วยความสนใจ เธออยากรู้เหลือเกินว่าเวลาคนถอดเสื้อผ้าคลานออกหน้าห้าง จะมีคนมามุงดู หรือกลายเป็นข่าวดังได้ขนาดไหน
“โอเค ๆ พวกนายสองคนเล่นกันไปเถอะ ฉันจะช่วยแค่หยิบเสื้อผ้าให้ก็แล้วกัน” ฮวาหวู่หลิงรับคำอย่างว่าง่าย
“งั้นมาเริ่มกันเถอะ แกเริ่มก่อนได้เลย” เหอจุนกล่าวออกมาก่อนจะยืนก่อนอกรออีกฝ่ายเลือกสินค้าไปจ่ายเงิน
“ตามนั้น อืมมม ตัวนี้ก็แล้วกัน !” ชายหนุ่มหยิบเสื้อยืดผู้ชายตัวหนึ่งขึ้นมา ราคาที่ติดไว้ก็คือ หนึ่งหมื่นหยวน!
“ฮ่าฮ่า แค่หมื่นหยวนเนี่ยนะ แกมีปัญญาจ่ายแค่นั้นรึไง ?” เหอจุนหัวเราะออกมาดังลั่นเมื่อเห็นราคาเสื้อที่อีกฝ่ายหยิบมา
“หมื่นหยวนมันก็แพงแล้วนะ อีกอย่างเขาวัดกันที่ยอดรวมไม่ใช่รึไง ?” ชายหนุ่มสวนกลับไปก่อนจะเอาเสื้อไปจ่ายเงิน
[“ระบบ แล้วไอ้พันล้านที่ต้องใช้นี่มันใช้ยังไง ? อันนี้ฉันไม่ได้ซื้อให้ตัวเองนะ จะเอาไปแจกคนนี่แหละ ไม่ผิดกฎใช่ไหม ?”] ชายหนุ่มกล่าวถามระบบอยู่ในใจขณะที่กำลังเดินไปจ่ายเงินด้วยความหนักใจ เขาคิดว่าจะทำภาจกิจไปด้วยเลยในทีเดียว
[“ติ๊ง! ส่งบัตรธนาคารให้ในกระเป๋ากางเกงข้างขวาของท่านแล้ว สามารถหยิบมารูดจ่ายเงินได้เลย หรือจะไปกดเงินสดติดตัวก็ได้ ส่วนคำถามที่สอง นับว่าไม่ผิดกฎอะไร”] เสียงระบบดังตอบกลับมา ทำให้ชายหนุ่มโล่งใจทันที
“12,500 หยวนค่ะ จะชำระเป็นเงินสดหรือรูดบัตรดีคะ ?” พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินกล่าวออกมา
“ใช้บัตรครับ” เย่เซวียนกล่าวออกมาแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหาบัตรที่ระบบว่า
แต่ล้วงจนถึงด้านในสุดก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี เขาถึงกับงงว่าระบบแกล้งเขาเล่นรึเปล่า ? ตอนนี้เขามีเพียงบัตรที่ได้มาจากหญิงชราในกระเป๋ากางเกงฝั่งซ้ายเท่านั้น
“มัวชักช้าอะไร ? อย่าบอกนะว่าแกไม่มีเงิน ?” เหอจุนที่หยิบชุดสูทราคาห้าหมื่นหยวนเดินทางมากล่าวถามทำที เขาคิดว่าชายยากจนตรงหน้าต้องแกล้งทำเป็นลีลาเพราะไม่มีเงินแน่ ๆ
“ถ้าไม่มีเงินแกก็ยอมแพ้ซะเถอะ! แล้วทำตามข้อตกลง” เขากล่าวเยาะเย้ยออกมาต่อ
“นี่ นายมัวชักช้าอะไร ใช้บัตรที่คุณยายให้มาจ่ายไปซิ” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมา เพราะเธออยากเห็นจุดจบของเรื่องนี้เต็มที !
[“ระบบ ไหนบัตรอ่ะ ? แกว่ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกงไม่ใช่รึไง ?”] ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกระบบด้วยความมึนงง
[“เกิดความล่าช้าในการส่งมอบนิดหน่อย ตอนนี้บัตรธนาคารหนึ่งพันล้านหยวน อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวาของท่านแล้ว รหัสบัตรคือ XXX-XX-XXXXX”] สิ้นเสียงของระบบชายหนุ่มก็พบว่าในกระเป๋ากางเกงข้างขวามีบัตรสี่เหลี่ยมผืนผ้าโผล่ขึ้นมาอย่างไร้วี่แวว ชายหนุ่มจึงควักมันออกมาทันที
“นี่ครับ” เขากล่าวจบก็ยื่นบัตรให้พนักงานไป
“เฮอะ! ที่แท้ก็พอมีเงินอยู่บ้าง ฉันว่าคงรูดไม่ผ่านหรอก” เหอจุนที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีบัตรธนาคารจริง ๆ ก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงมีเงินไม่มากอะไรหรอก
“เอ๊ะ! นั่นไม่ใช่บัตรที่คุณยายให้มานี่นา นายไปเอามาจากไหนอ่ะ ?” ฮวาหวู่หลิงที่สังเกตเห็นว่าบัตรใบนั้นไม่ใช่ของที่คุณยายมอบให้ เธอเลยถามออกมาทันที
“พอดีมีคนให้มาน่ะ” ชายหนุ่มก็ตอบกลับไป เขาไม่ได้โกหกจริง ๆ นะ
“ชำระเงินเรียบร้อยค่ะ ขอบพระคุณมากนะคะ” หลังจากทำการใส่รหัสบัตร ตัดเงินออกเรียบร้อยพนักงานจึงกล่าวออกมา
“หมาตัวไหนมันบอกว่าจะรูดไม่ผ่านนะ ?” หลังรับถุงกระดาษที่บรรจุกล่องใส่เสื้อไว้อย่างดีมาถือไว้ ชายหนุ่มจึงหันไปกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ก็แค่ 12,500 หยวน ชุดของฉันนี่ 55,000 หยวน ยังไงแกก็ยังมียอดน้อยกว่าฉันอยู่ดี !” เหอจุนหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็กล่าวออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง
“เกมมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เดี๋ยวนายจะได้แปลกใจอีกเยอะเลยล่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่หวาดกลัวไปเสียก่อนนะ !