เธอดูสิ เสื้อราคาหมื่นหยวน!
“Louis Vuitton? นี่ เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม ?” ชายหนุ่มถามหญิงสาวด้านหน้าด้วยความไม่เข้าใจ เขาเคยได้ยินชื่อแบรนนี้มาบ้างตอนที่ยังเรียนอยู่ ได้ยินมาว่าราคาสินค้าแต่ละอย่างแพงระยับ
“ก็ซื้อชุดใหม่ให้นายไง ถามแปลก ๆ” หญิงสาวหยุดเดินก่อนจะหันกลับมาตอบชายหนุ่ม
นี่เขาจะถามทำไม? ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามันเป็นร้านขายเสื้อผ้า
“คือ ฉันนึกว่าเราจะไปซื้อพวกชุดเสื้อผ้าแบบ ราคาหลักร้อยหยวน พันหยวนกันน่ะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเสียงเบา
“ฮะ? นายตลกรึไง จะซื้อเสื้อผ้าทั้งทีมันก็ต้องใช้ของดีสักหน่อยสิ จะงกไปไหนเนี่ย!” หญิงสาวเดินเข้ามาลากชายหนุ่มให้เดินตาม เธอใช้มือเล็ก ๆ ของเธอจับมือชายหนุ่มให้เดินตามไป
...
“เธอ ดูนั่นสิ พวกชายใส่ชุดสูทล่ะ! เหมือนในหนังเลย” หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งกล่าวกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน เธอชี้ไปยังชายใส่ชุดสูทที่ยืนกางหนังสือพิมพ์อยู่
น่าแปลกที่เขาอ่านหนังสือพิมพ์กลับหัวได้ด้วย!
“ฮ่าฮ่า เขาอ่านหนังสือพิมพ์กลับหัวได้ด้วยล่ะ” เพื่อนของเธอหัวเราะออกมา
“ไม่ได้มีคนเดียวนะ ดูสิ ตรงนั้นก็มีชายใส่สูทยืนเล่นโทรศัพท์” เพื่อนอีกคนชี้ให้ดู
“เอ๊ะ มันแปลก ๆนะ พอมองดูดี ๆ แล้วมีเกือบสิบคนเลย หรือมีคนใหญ่คนโตมาเดินเล่นกัน” หญิงวัยรุ่นคนแรกกล่าวออกมาด้วยความสนใจ
“เราแอบตามไปกันเถอะ!” เพื่อนของเธอกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ทำให้กลุ่มหญิงสาวทั้งสามคนเดินตามไปห่าง ๆ
...
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” พนักงานสาวสวยกล่าวทักทายเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาภายในร้าน
ถึงแม้ฝ่ายชายจะแต่งตัวด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เก่า ๆ เธอก็ไม่คิดจะแสดงท่าทีดูถูกอะไร เพราะฝ่ายหญิงสาวที่มาด้วยการแต่งตัวของเธอมีแต่สินค้าราคาแพงทั้งนั้น! แค่ต่างหูที่ประดับเพชรส่องแสงระยิบระยับเล่นกับไฟก็มีราคามากกว่าเงินเดือนของเธอทั้งปีแล้ว!!
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันเลือกเอง” หญิงสาวกล่าวออกมาก่อนที่จะเดินลากแขนชายหนุ่มด้านหลังให้ตามไปด้วย
เหล่าบอดี้การ์ดก็เลือกที่จะไม่ตามเข้าไป เพียงกระจายตัวอยู่รอบ ๆ บริเวณหน้าร้านแทน
“พวกนายว่า คุณหนูดูร่าเริงขึ้นไหม?” บอดี้การ์ดคนหนึ่งกระซิบผ่านหูฟังคุยกับบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ
“ก็ใช่น่ะสิ ก่อนหน้านี้คุณหญิงเจ็บป่วยจนเดินไม่ได้มาตั้งนาน พวกผู้สืบทอดคนอื่นก็หวังจะชิงตำแหน่งอย่างเดียว มีแต่คุณหนูนี่แหละที่หาทางรักษาคุณหญิงอย่างจริงจังมาตลอด” บอดี้การ์ดคนหนึ่งกล่าวตอบ
“ถึงชายคนนั้นจะดูยากจนไปหน่อยก็เถอะ แต่การที่รักษาคุณหญิงได้ ทำให้คุณหนูมีความสุข พวกเราก็ล้วนยินดีด้วยทั้งนั้น” บอดี้การ์ดอีกคนกล่าวเสริม
“ชู่วว อย่าเอ็ดไป ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี” ดูเหมือนเสียงนี้จะเป็นหัวหน้าของกลุ่มบอดี้การ์ด เพราะหลังจากเขากล่าวออกมาที่คนก็เงียบกันหมด
...
“ราคามันแพงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!” ชายหนุ่มที่หยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาดูก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ เสื้อยืดตัวนึงราคาหมื่นหยวน!
“อะไร! เกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวตัวเล็กที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มเลยเดินมาดูก่อนจะกล่าวออกมา
“ดูสิ! เสื้อราคาหมื่นหยวน!!” ชายหนุ่มยื่นเสื้อให้หญิงสาวดูก่อนจะกล่าวออกมาอย่างตกใจ
ครึ่งหลัง
หญิงสาวทำหน้าเหมือนมองคนบ้านนอกออกมา แล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจกับการกระทำของชายตรงหน้า แต่เธอก็พอจะทำความเข้าใจได้เพราะชายตรงหน้าของเธอคงจะมาจากครอบครัวที่ยากจนจริง ๆ การได้เห็นเสื้อตัวเดียวราคาสูงขนาดนี้ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
“มันก็แค่หมื่นหยวนไม่ใช่รึไง ? นายลองดูชุดนี้สิ” หญิงสาวกล่าวจบก็ยื่นจุดแจ็คเก็ตในมือให้ชายหนุ่มดูป้ายราคา
“ห้าหมื่นหยวน! บ้าไปแล้ว ราคาขนาดนี้ฉันเอาไปซื้อมอเตอร์ไซค์สักคันได้เลยนะ เวลาทำงานส่งของก็คงสะดวกขึ้นเยอะ” ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความตกใจมากยิ่งขึ้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอามือไปแตะด้วยซ้ำ!
“อ้าว นึกว่าคนบ้านนอกที่ไหน นั่นเย่เซวียนไม่ใช่เหรอ” แต่ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง
“เหอจุนใช่ไหม? ไม่เจอกันนานเลย นายดูดีขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย” เย่เซวียนที่หันไปพบกับชายหนุ่มแต่งชุดแบรนด์เนมทั้งตัวก็เดินเข้าไปหา ชายคนนี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยประถมของเขาเอง
“แกจะทำอะไรน่ะ! อย่ามาแตะชุดของฉันนะ แกไม่รู้รึไงว่ามันราคาเท่าไหร่!” เหอจุนส่งเสียงออกมาด้วยความโมโห เพราะชายตรงหน้าพยายามจะเกิดเข้ามากอดเขา
ไม่รู้รึไงว่าชุดเขาของราคาหมื่นหยวนเลยนะ!
“ที่รัก คุณคุยกับใครอยู่เหรอ?” มีเสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น พร้อมกับร่างของหญิงสาวซึ่งแต่งตัวเซ็กซี่ แหวกหน้าอกเดินเข้ามาหา
“อ๋อ แค่พวกบ้านนอกเข้าเมืองน่ะ ไม่ต้องไปสนใจมันนักหรอก” เหอจุนกล่าวออกมาด้วยความดูถูก ไอ้เย่เซวียนตอนเรียนก็มีแค่ของเก่า ๆ มาเรียน ข้าวก็ต้องขอเขากิน เขาแค่ทำดีกับมันเพราะจะได้ให้มันคอยทำงานให้ก็แค่นั้นเอง
“ทำไมนายพูดแบบนั้นล่ะ! เราก็เรียนประถมที่หมู่บ้านเดียวกันไม่ใช่รึไง ถ้าว่าฉันเป็นพวกบ้านนอก นายก็บ้านนอกเหมือนกันนั่นแหละ” เย่เซวียนสวนกลับไป ทำให้ใบหน้าของเหอจุนแดงขึ้นด้วยความอับอาย
มันเป็นอดีตที่เขาไม่อยากจะให้ใครได้รู้มากที่สุด ว่าเขามาจากบ้านนอก!
“แกเงียบปากไปเลยนะ! ไอ้บ้านยากจนแบบแกมันไม่เหมาะจะเข้ามาที่นี่หรอก ออกไปซะ!” เหอจุนตวาดออกมาเสียงดัง ทำให้ผู้คนรอบข้างเริ่มหันมามอง
“นายเป็นใคร? มีปัญหาอะไรกับนายคนนี้?” เสียงอันน่ารักมุ้งมิ้งดังขึ้นขัดวงสนทนา ทำให้พูดที่กล่าวออกมาเมื่อสักครู่ต้องหันไปมองด้วยความหงุดหงิด
เมื่อหันไปมองก็พบเข้ากับหญิงสาวผมสีชมพู ใบหน้างดงามน่ารัก ร่างกายที่สูงเพียง 150ซม. ของเธอชวนให้นึกว่าเธอเป็นเด็กคนนึง แต่หน้าอกที่ยื่นออกมาเหมือนซาลาเปากับเอวเอสและก้นอันอวบอิ่มทำให้ไม่อาจคิดว่าเธอจะเป็นแค่เด็กได้
“หืมม เธอเป็นใครน่ะ?” เหอจุนกล่าวออกมา ดวงตาจับจ้องไปยังหน้าอกของหญิงร่างเล็กตรงหน้าอย่างไม่วางตา ทำให้แฟนสาวของเขาที่มาด้วยเริ่มอารมณ์เสียขึ้นมา
“ฉันเป็นเพื่อนของเขาไง !” หญิงสาวกล่าวออกมาพลางส่งสัญญาณมือให้พวกบอดี้การ์ดว่ายังไม่ต้องเข้ามาวุ่นวาย
“โอ้! ไม่คิดเลยว่าไอ้บ้านนอกแบบนั้นจะมีเพื่อนที่น่ารักขนาดนี้” เหอจุนยิ้มแล้วกล่าวออกมา เขามีแผนในใจแล้ว จะต้องเอาหญิงสาวคนนี้กลับไปด้วยให้ได้!
ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้จัดการของบริษัทฟงเหว่ยเทียน ที่มีมูลค่าตลาดถึงห้าร้อยล้านหยวนเลยนะ เส้นสายก็พอจะมีอยู่บ้าง การจะพาหญิงสักคนกลับไปด้วยไม่ได้ยากอะไรเลย แค่โปรยเงินให้นิดหน่อยก็พอแล้ว!
“เธอกลับไปกับฉันเถอะ อย่าไปสนใจผู้ชายยากจนแบบนี้เลย” เหอจุนกล่าวขณะจะยื่นมือออกไปจับไหล่ของหญิงสาวร่างเล็กตรงหน้า
เพียะ!
เสียงตบดังขึ้นกลางวงสนทนา ทำให้ทั่วทั้งร้านตกอยู่ในความเงียบงัน