บทที่ 7 ศิษย์น้อง! นายพูดถูก เขาไม่ใช่คนดีจริงๆ!
บทที่ 7 ศิษย์น้อง! นายพูดถูก เขาไม่ใช่คนดีจริงๆ!
หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที จ้าวซือหมิงกลับมาตั้งหลักได้สำเร็จ
แต่มือเขาตอนนี้สั่นไม่หยุด ไม่รู้ว่าเข็มที่เจาะเข้าไปมันโดนเส้นประสาทรึเปล่า
“ศิษย์น้อง ครั้งนี้มาแบบเร่งรีบ พี่ยังเตรียมของมาไม่ดีพอ! ที่บ้านพี่ยังมีชุดเข็มเงินแบบสั่งทำพิเศษอยู่ มันเล่มใหญ่มาก ถ้าใช้มันรับรองแทงทะลุแน่”
“ขอบคุณศิษย์พี่!” ตัวเอกเซียวเฉินซาบซึ้งจนน้ำตาไหล
“พวกเราก็เหมือนเป็นพี่น้องกัน อย่าได้เกรงอกเกรงใจ ตอนนี้ก็พักฟื้นให้สบายใจไปก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่” จ้าวซือหมิงยืนขึ้น ตบไหล่ของเซียวเฉินเบาๆ
“ทำไมพรุ่งนี้ล่ะ? คืนนี้ไม่ได้เหรอ?” เซียวเฉินไม่ต้องการรออีกหนึ่งวัน อยากดีขึ้นให้ไวที่สุด
“ที่ต้องเป็นพรุ่งนี้ เพราะพี่ต้องไปเช็คมือตัวเองก่อน ไม่รู้ว่ามันจะมีผลพวงอะไรตามมารึเปล่า!”
“……” ตัวเอกเซียวเฉินเอ่ยปาก “ถ้าอย่างนั้น ... ศิษย์พี่รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย!”
“แน่นอน ฉันไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้” จ้าวซือหมิงเดินกะเผลกเปิดประตู และบังเอิญเจอหลินเป่ยฝานเข้าพอดี
หลินเป่ยฝานอุทาน “ดร.จ้าว นี่คุณจะกลับแล้วเหรอ?”
จ้าวซือหมิงยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหลิน วันนี้ฉันคงต้องกลับก่อน แล้วพรุ่งนี้จะมาใหม่”
“คุณจะกลับไปก็ได้นะ แต่มีบางอย่างที่ผมต้องบอกคุณ”
“อะไรหรือ? คุณหลินเชิญบอกมา”
“คืออย่างนี้ ค่ารักษาพยาบาลของศิษย์น้องคุณ ผมจ่ายล่วงหน้าไปแล้ว แต่พอดีช่วงนี้ผมช็อต ช่วยจ่ายเงินคืนได้ไหม? เงินที่จ่ายไปก็ราวๆ ... สี่แสนกว่า แต่ถ้าคุณใจกว้าง ผมขอซักห้าแสนแล้วกัน ถือซะว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวกให้ศิษย์น้องของคุณ ขอบคุณ” หลินเป่ยฝานพูดด้วยรอยยิ้ม
จ้าวซือหมิง “......”
ศิษย์น้อง นายพูดถูก เขาไม่ใช่คนดีจริงๆ!
สุดท้าย จ้าวซือหมิงก็นำเงินห้าแสนออกมาอย่างเจ็บปวดใจ
หลังจากได้รับเงินแล้ว หลินเป่ยฝานก็ขับรถไปยังโรงพยาบาลซ่งอย่างมีความสุข
ซ่งหยูฉิงประหลาดใจเมื่อเห็นหลินเป่ยฝาน เธอพูดขึ้นว่า “ทำไมนายถึงมาที่นี่?”
“ก็มีสาวบอกว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นผม หรือว่าจะโกงกันซะแล้ว?”
“ไม่ได้จะโกง! แต่นายมาเร็วไป นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย” ซ่งหยูชิงมองดูเวลา
“คุณยุ่งอยู่เหรอ? งั้นผมนั่งเล่นที่นี่ซักพัก ทำงานต่อไปได้เลยไม่ต้องกังวล” หลินเป่ยฝานนั่งลงพร้อมรอยยิ้ม เริ่มเล่นโทรศัพท์
ซ่งหยูชิงเห็นแบบนั้นก็หันไปเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมตัวใหม่ คว้ากระเป๋าแล้วพูดว่า “งั้นไปกันเลยเถอะ”
หลินเป่ยฝานประหลาดใจ “คุณไม่ทำงานแล้ว?”
“ไม่ทำแล้ว วันนี้คุณช่วยแก้ปัญหากวนใจที่สุดของฉัน แล้วจะให้คุณนั่งรอเฉยๆได้ยังไง? อีกอย่าง การหย่อนยานบางครั้งบางคราวก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร” ซ่งหยูชิงพูดอย่างซุกซน
“งั้นก็ไปกัน” หลินเป่ยฝานเก็บโทรศัพท์ พร้อมลุกขึ้น
“ว่าแต่วันนี้พวกเราจะไปกินข้าวที่ไหน?” ซ่งหยูชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมนำทางไปเอง มีที่ๆนึงอร่อยและราคาไม่แพง”
“ตกลง!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงร้านอาหารข้างทางแห่งหนึ่งบนถนนสายเก่า
ซ่งหยูชิงมองดูสภาพแวดล้อมเก่า ๆ รอบตัว เอ่ยอย่างประหลาดใจ “ไม่นึกว่านายน้อยอย่างนายจะรู้จักสถานที่แบบนี้ด้วย”
“นี่คุณ ผมก็คนธรรมดาคนนึง จะมากินอาหารทั่วไปบ้างมันก็ไม่แปลก แล้วอีกอย่าง ร้านนี้เปิดมานานเป็น 20 ปีแล้ว แต่รสชาติที่ทำออกมายังสดใหม่และเหมือนเดิมอยู่เสมอ รับรองว่าคุณต้องชอบ!”
“โชคดีที่วันนี้พวกเรามาเร็ว ไม่อย่างนั้นอาจไม่มีที่ว่าง” หลินเป่ยงานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ฟังจากที่คุณพูด ดูเหมือนจะมาที่นี่บ่อยนะ เอ .. หรือว่าจะพาผู้หญิงมาที่นี่บ่อย?” ซ่งหยูฉิงพูดทีเล่นทีจริง
หลินเป่ยฝานพอฟังก็ส่ายหัว “ไม่เคยทำแบบนั้น คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมพามาที่นี่”
แวบแรกที่ฟัง ใจของซ่งหยูฉิงสั่นไหวเล็กน้อย แต่แล้วมันก็หายไปเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
“เพราะผู้หญิงคนอื่น ผมจะไม่พามากินข้าว แต่พาขึ้นโรงแรมเลย”
ซ่งหยูชิงหุบยิ้ม จ้องเขาด้วยสายตาดุดัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ผมล้อเล่นน่ะ แต่ แต่ แต่คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมพามาที่นี่จริงๆนะ” หลินเป่ยฝานดูจริงจังมาก
ในชีวิตก่อน หรือตลอดชีวิตของเขา มักถูกซ่งหยูฉิงใช้สายตาเช่นนี้มองเวลาจับผิดมาโดยตลอด
เมื่อรำลึกถึงความหลัง เขารู้สึกหอมหวานในใจ
ซ่งหยูฉิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสับสน “นายมันปลาไหลตัวพ่อ ฉันไม่อยากคุยด้วยแล้ว ขอสั่งอาหารดีกว่า!”
จากนั้น ทั้งคู่ก็เริ่มสั่งอาหาร
ต้องบอกเลยว่า ร้านอาหารข้างทางแห่งนี้เป็นของแท้! รสชาติดีและราคาเอื้อมถึง ทั้งสองคนกินกันอย่างสนุกสนาน
แต่กินได้ไม่นาน ซ่งหยูฉิงก็วางตะเกียบลงแล้วพูดว่า “ฉันอิ่มแล้ว นายกินต่อได้เลยฉันจะรอ”
หลินเป่ยฝานไม่เข้าใจ “ทำไมคุณกินน้อยจัง เบื่ออาหารเหรอ?”
“เปล่า ฉันแค่อยากลดน้ำหนัก!”ซ่งหยูชิงพูดอย่างขมขื่น
หลินเป่ยฝานพอฟังก็เข้าใจทันที อาจเพราะเมื่อวานที่เขาพูดเรื่องน้ำหนักมันไปจี้ใจดำเธอ เขาจึงอธิบายว่า
“จริงๆแล้วผมคิดว่าผู้หญิงที่ผอมเกินไปมันก็ไม่ดี ดูเหมือนไม้เสียบผี บางทีโดนลมพัดก็เหมือนจะปลิว!”
ซ่งหยูฉิงถามกลับว่า “ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงผอมเหรอ?”
หลินเป่ยฝานส่ายหัว “ผู้ชายคนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมชอบคนมีน้ำมีนวลมากกว่า! รูปร่างคุณตอนนี้ตรงสเปคเลย ผมชอบมาก เพราะงั้นไม่ต้องลดหรอก”
หัวใจของซ่งหยูฉิงเต้นเร็วขึ้น
นี่คือคำสารภาพรักรึเปล่า?
แต่พอได้สติ เธอก็พยายามซ่อนความรู้สึกเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเขินอายและโมโห “แต่นายไม่ใช่สเปคฉันซักหน่อย! ฉันจะลดน้ำหนักหรือไม่ลด มันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
ว่าแล้วเธอก็ลากชามอาหารมาไว้ตรงหน้า
หลินเป่ยฝานมองอย่างงุนงง “แล้วนั่นคุณจะทำอะไร?”
ซ่งหยูฉิงคว้าตะเกียบขึ้นมา พูดงึมงำว่า “จะกินต่อ! คนเราต้องอิ่มก่อนถึงมีแรงลดน้ำหนัก!”
หลินเป่ยฝานพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย “ฟังดูมีเหตุผลมาก! งั้นจัดไป ผมแถมขาไก่ให้คุณด้วย จะได้มีแรงออกกำลังกาย”
“ขอบคุณ ถ้าฉันลดน้ำหนักได้สำเร็จ จะยกเครดิตให้นาย!”