บทที่ 129 อาร์คบิชอปโอเวนมาแล้ว
“ทำไมเจ้าไม่เดินทางไปกับครอบครัวของกรีมัวร์ด้วยแอนทอน ป่านนี้พวกเขาอาจถึงแดนตะวันออกแล้ว”
อดีตพระคาร์ดินัลอูกุสแตงมองไปยังทะเลสาบขนาดเล็กด้านหลังสถานศึกษา ดินแดนในม่านพลังอาณาจักรลับเงียบสงบ พลังเวทย์ล้นเปี่ยม การฝึกฝนให้กลับไปอยู่ในขั้นครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องยากนัก นับแต่ย้อนวัยมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง พระคาร์ดินัลเฒ่าก็ได้ทบทวนอะไรหลายๆอย่างในชีวิต
การอยู่กับพ่อมสีเงินก็ไม่ได้แย่นัก?
“ท่านพ่อมดต้องการให้ข้าดูแลที่นี่ ท่านคาร์ลยังไม่ปรากฏตัวออกมา หนังสือแต่งตั้งก็ใกล้เดินทางมาถึงแล้ว ไม่รู้ว่าสำนักงานสังฆการีของเมืองพรินต์จะทำอย่างไรต่อไป”
แอนทอนในตอนนี้ไม่ได้มีสมณะศักดิ์แล้ว แต่ความเป็นบาทหลวงของเขายังคงอยู่ ดูเหมือนว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจะยังคงเห็นแก่หน้าของออสบอร์นอยู่บ้าง
“อะไรที่ทำให้ท่านลงมือในวันนั้น?”
แอนทอนตัดสินใจถามออกไป
“บางเรื่องก็ไม่อาจพูดออกมา บางทีมันอาจยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
อูกุสแตงส่ายหน้าช้าๆ
“เกี่ยวกับตัวตนนั้นหรือไม่? ในศาสนจักรมีเรื่องเล่าลือเกี่ยวกับท่านผู้นั้นอยู่ตลอด สมเด็จพระสันตะปาปาอาจไม่ใช่ผู้ส่งสารเพียงหนึ่งเดียวของพระเจ้า?”
“ข้าก็ไม่รู้ จากสิ่งที่ข้าได้รู้มา ตัวตนนั้นอาจมีอยู่จริง แต่เราก็ไม่มีข้อพิสูจน์ ฝ่ายต่อต้านไม่เคยได้พบพระองค์”
“แต่สมเด็จพระสันตะปาปาเคยพบท่านผู้นั้น สายข่าวของเราในสำนักงานสังฆการียืนยันว่าเคยได้ยินเจ้าชายเอเลนอร์พูดคุยกับสมเด็จท่านในเรื่องนี้”
“แค่ข่าวลือ การเมืองเป็นเรื่องของความจริง เราไม่อาจต่อสู้โดยอาศัยข่าวลือมาเป็นปัจจัยได้”
อูกุสแตงยังคงไม่ยอมรับ แอนทอนถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวต่อ
“ช่างเถอะ ข้าไม่รู้ว่าท่านมีแผนอะไร แต่เชื่อข้าเถอะ ท่านพ่อมดต้องรู้แน่”
อดีตพระคาร์ดินัลไม่ได้ตอบกลับประโยคข่มขู่นั้นของแอนทอน มีเพียงแต่เขาท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นเช่นใด แต่ที่รู้ก็คือพ่อมดคนนั้นก็มิได้ธรรมดาเลย
“ดูเหมือนจะมีคนมา”
อูกุสแตงมองไปยังทิศทางที่ติดกับตัวเมืองพรินต์อีกครึ่งหนึ่ง ม่านพลังระดับตำนานเกิดการสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกสังฆการีอาจมาถึงแล้ว”
แอนทอนคาดเดา
หนึ่งอดีตพระคาร์ดินัล หนึ่งนักบวชที่เคยเป็นนักโทษลุกขึ้นจากเก้าอี้ริมทะเลสาบพร้อมกันและตรงไปยังทิศทางนั้นทันที
“พวกเขาจะมาหรือเปล่า? แน่ใจนะว่าได้ผล”
อาร์คบิชอปโอเวนมองไปที่ม่านพลังที่กำลังสั่นไหว ขบวนของเขารออยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาต้อนรับ บิชอปแห่งพรินต์เลยเสนอให้โจมตีม่านพลังเพื่อส่งสัญญาณให้คนด้านใน
“ท่านอาร์คบิชอปอย่าได้กังวล รอสักครู่เถอะ”
ด้านข้างของอาร์คบิชอปเฒ่าคือบิชอปแห่งพรินต์ ที่มีใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากอาร์คบิชอปเจ้านายของเขาหาเรื่องกับพ่อมดสีเงินอีก ตัวเขาที่อยู่เมืองติดกันอีกครึ่งหนึ่งคงต้องตายคนแรก
“เจ้ากลัวอะไร พ่อมดนั่นหนีหางจุกตูดไปแดนตะวันออกแล้ว เมืองนี้ไม่ใช่ว่ามีแค่ลูกศิษย์ของมันหรอกรึ?”
พระอัครสังฆราชแห่งบอสติลไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีนัก พ่อมดสีเงินทำให้เขาเสียเมืองขนาดกลางอย่างเมืองพรินต์ไปครึ่งหนึ่ง ในมณฑลบอสติลมีเจ็ดเมืองอยู่ใต้ปกครอง และเมืองพรินต์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“ท่านต้องสำรวมมากกว่านี้โอเวน อย่าลืมว่าเรามาทำอะไรกันที่นี่”
เรนดิสเดินออกมาจากรถม้าเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ในฐานะหัวหน้าสำนักงานสังฆการีแห่งบอสติลการแต่งตั้งขุนนางภายใต้เขตปกครองนี้จะเป็นหน้าที่ของเรนดิสโดยตรง
“แดดร้อนมากเจ้าไม่ควรออกมา”
โอเวนลูบไปที่แขนขาวเนียนของเรนดิสเบาๆ แดดร้อนของยามเที่ยงกำลังลามเลียมันจนหมองคล้ำ
“พวกเขากำลังมา ข้าอยากต้อนรับลูกศิษย์ของพ่อมดคนนั้นด้วยตนเอง”
“เจ้าเป็นเอิร์ลแห่งเมลฟอร์ด ตำแหน่งสูงกว่าไวเคานต์มาก นี่จะไม่เป็นการผิดธรรมเนียม? แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกเขากำลังมา”
หัวหน้าสำนักงานสังฆการีระดับมณฑลทุกคนจะได้รับแต่งตั้งเป็นเอิร์ลโดยตำแหน่ง และตำแหน่งเอิร์ลก็สูงกว่าไวเคานต์มาก อันที่จริง คาร์ล อัสติเนียน ผู้นั้นต้องเป็นฝ่ายมารอพวกเขาต่างหาก
“ท่านรู้เรื่องข้อตกลงของสมเด็จพระสันตะปาปากับพ่อมดสีเงินหรือไม่?”
เรนดิสกล่าวยิ้มๆ
“เจ้ารู้?”
โอเวนไม่เคยถามเรื่องนี้กับเรนดิสมาก่อน
“คนในสำนักงานสังฆการีบอกข้า”
“หึ! จะมีอะไรเสียอีก นอกจากยกเมืองพรินต์ให้ครึ่งหนึ่ง สมาชิกสภาเขตข้าประท้วงแทบตายแต่ไม่มีผลอะไร พวกเขายังรวมเสียงได้ถึงยี่สิบหกเสียงด้วยซ้ำ ไอ้พวกนักบวชขายชาติ!”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้พระอัครสังฆราชแห่งบอสติลก็ยิ่งหน้าตาบูดบึ้งเข้าไปใหญ่
“ไม่ได้ยกเมืองพรินต์ให้เป็นสิทธิ์ขาดตลอดไป เพียงแต่เปลี่ยนผู้ปกครองชั่วคราวเท่านั้น คาร์ล อัสติเนียน ยังคงถือว่าเป็นขุนนางของเฮอราบอส ถูกบังคับด้วยกฎหมายของศาสนจักร และแน่นอนว่าอยู่ภายใต้การปกครองของข้าด้วย แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นกับเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาไม่เป็นภัยต่อการปกครอง พ่อมดสีเงินผู้นั้นให้คำสัญญากับสมเด็จพระสันตะปาปาว่าจะไม่เข้ามายุ่งกับสงครามของจักรวรรดิ ตราบใดที่เป็นกิจการของศาสนจักรเขาจะไม่ลงมือ”
“เช่นนั้นก็ดียิ่ง เราสามารถกดขี่มันได้ตามใจ”
โอเวนมีแววตาสดใสขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่เลย พวกให้คำสัญญาซึ่งกันและกันทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายใดลงมือก่อน อีกฝ่ายย่อมลงมือตอบโต้ได้ ฟังดูแล้วสมเด็จท่านได้เปรียบเพราะคนของเรามีเยอะกว่า แต่ถึงกระนั้นพ่อมดสีเงินกลับไม่ต้องลงมือเอง เขามีครึ่งก้าวระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกหนึ่งคนไม่ใช่หรือ เผ่าพันธ์ยักษ์ตนนั้น? และก็นะ ที่ท่านถามข้าว่ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังมา ท่านลองดูบนท้องฟ้าตรงนั้นสิ”
เรนดิสชี้ไปยังกลุ่มเมฆสีขาวที่บดบังแสงตะวันทั้งดวงเอาไว้ เมื่อเพ่งพิจให้ดี สิ่งนั้นกลับไม่ใช่ก้อนเมฆ มันเป็นบัลลังก์ขนาดยักษ์
ม่านพลังถูกเปิดออกแล้ว
“สวัสดีพวกตัวจ้อย”
ใบหน้าของบรอนทีสก้มลงแหวกหมู่เมฆสีขาวลงมา ขบวนของโอเวนระส่ำระส่ายโดยทันที
“ยักษ์!”
บิชอปแห่งพรินต์ล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้นทันที
“ยินดีต้อนรับท่านอาร์คบิชอป เมื่องพรินต์ตะวันออกขอต้อนรับท่านและคณะ”
คราวนี้ไม่ใช่คำพูดของบรอนทีส แต่เป็นแอนทอน ด้านข้างของเขายังมีอดีตพระคาร์ดินัลเดินคู่กันมา
“เราได้รับคำสั่งจากผู้ว่าการสำนักงานสังฆการีแห่งเฮอราบอส เจ้าชายเอเลนอร์ ดยุกแห่งเคนต์ นำพระราชโองการในองค์สมเด็จพระสันตะปาปาเบร์โตริโอ ที่ 1 แห่งเฮอราบอส มามอบให้กับ คาร์ล อัสติเนียน ศิษย์ของพ่อมดสีเงิน”
เรนดิสกล่าวด้วยตนเอง เขาต้องการแสดงความสัมพันธ์อันดีออกมาก่อน
“เป็นพวกท่านที่ส่งบิชอปโนเบิร์ตมาไล่สังหารพวกเรา”
แอนทอนยังจำคนเหล่านี้ได้
“และท่านก็สังหารบิชอปโนเบิร์ตไปแล้ว ดังนั้น…เราหายกัน”
เรนดิสยังคงตีสีหน้ายิ้มแย้ม ในสังฆมณฑลแห่งบอสติลนี้ นักบวชและขุนนางทั้งหลายต่างรู้ดีว่าเอิร์ลแห่งเมลฟอร์ดหน้าด้านแค่ไหน
บาทหลวงหนุ่มอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เขาคิดไม่ออกว่าจะตอบโต้เรนดิสอย่างไรดี
“ก็นะ…ก็คงงั้น”
แอนทอนยอมแพ้แล้ว
“เช่นนั้น คาร์ล อัสติเนียน อยู่ที่ไหน เรียกเขามารับราชพระโองการของสมเด็จท่านเถิด”
โอเวนพยายามระงับอารมณ์ในน้ำเสียงสุดความสามารถ
“เขายังไม่มา”
บาทหลวงหนุ่มกล่าวไปตามความเป็นจริง สำหรับคาร์ลผู้นั้นแอนทอนยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆเลย
“นี่ๆ จะได้อย่างไร พระราชโองการมาถึงแล้ว”
บิชอปแห่งพรินต์ปาดเหงื่อบนหน้าผากที่เกิดจากความร้อนและความเครียด เขาสังหรณ์ใจว่าการมาเยือนครั้งนี้ของอาร์คบิชอปโอเวนจะจบไม่สวย
“ไม่รอก็ต้องรอ”
อูกุสแตงที่เงียบมานานเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เขากับอาร์คบิชอปโอเวนรู้จักกันดี แต่พระอัครสังฆราชแห่งบอสติลกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เออใช่สินะ…เขากลายเป็นเด็กหนุ่มไปแล้ว
“เจ้าเป็นใคร?”
เรนดิสมองไปยังบาทหลวงหนุ่มในชุดคลุมนักบวชผ้าฝ้ายซ่อมซ่อ คนผู้นี้หน้าตาไม่คุ้นเลย เป็นบาทหลวงธรรมดา เจ้าอธิการ หรือบิชอป?