ตอนที่ 10 สงสัยความจะแตกซะแล้วแหละครับ
ตอนที่ 10 สงสัยความจะแตกซะแล้วแหละครับ
ผมได้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเอมิกะ ที่กำลังก้มหน้าลงดูดอมน้องชายของผมอย่างเอร็ดอร่อย
ภายในปากของเอมิกะมันให้ความรู้สึกนุ่มแฉะ โดยเฉพาะลิ้นของเธอที่พันรอบน้องชายของผม มันทำให้ผมรู้สึกดีมาก
“ไม่คิดนะว่าวันหนึ่ง เอมิกะ ครูประจำชั้นที่แสนเข้มงวด จะมาตั้งอกตั้งใจดูดน้องชายของผมอยู่แบบนี้”
เอมิกะไม่สนใจคำพูดของผม ขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ของตัวเองไปอย่างตั้งใจ
อาจจะเพราะความรู้สึกตื่นเต้น ที่ได้เห็นครูประจำชั้นมาทำอะไรแบบนี้ให้ จึงทำให้ผมเสร็จเร็วกว่าปกติ
น้ำหวานสีขาวขุ่นได้พุ่งเข้าไปเต็มปากของเอมิกะ จากนั้นเธอก็ได้ถอนปากออกมา ในขณะที่พยายามลิ้มรสชาติภายในปากด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม
“อื้ออ อื้อออ อา หวานจาง~”
“ฉันเคยได้ยินมาว่า น้ำของผู้ชายมันจะขมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมของรุย ถึงได้หวานและอร่อยแบบนี้ล่ะเนี่ย?” เอมิกะถามขึ้นพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมด้วยความสงสัย
“อื้มม~ ถ้าอร่อยก็ดีแล้วนี่ เหตุผลยิบย่อยพวกนี้ เอมิกะไม่ต้องไปสนใจหรอก” ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะกดหยุดบันทึกวีดีโอในมือถือ
“หิวข้าวแล้วอ่ะ เอมิกะ ทำอะไรให้กินหน่อยสิ”
“เอ๋?”
เวลา 7:56 น.
ผ่านไปแล้วเกือบชั่วโมง หลังจากที่ผมได้ให้เอมิกะกินของหวานยามเช้าเข้าไป
ในตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพที่สวมใส่เสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว ผมกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ในห้องนั่งเล่น ส่วนเอมิกะก็กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว
หลังจากที่เปลี่ยนรูปหน้าจอมือถือเป็นรูปของ เอมิกะในสภาพเปลือยกายที่ถ่ายไว้เมื่อคืนเสร็จ ผมก็ได้หันไปคุยกับเธอต่อ
“อาหารเช้าเป็นอะไรเหรอครับ”
“เอ่อ.. ก็ข้าวผัดกับไข่เจียวน่ะ”
“ว้าว! ธรรมดาจัง”
“ฉันไม่ต้มบะหมี่สำเร็จรูปให้นายก็ดีแค่ไหนแล้ว หยุดบ่นเถอะน่า”
“คร้าบบ~”
ผ่านไปสักพัก เอมิกะก็ยกอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางห้อง อาหารที่เธอทำมาให้ผมทานนั้นมันก็ดูธรรมดา แต่ด้วยสภาพของผมที่เมื่อคืนได้ทำการเผาผลาญพลังงานไปเยอะ บวกกับอาการหิว จึงทำให้อาหารตรงหน้ามันดูน่าอร่อยขึ้นมาทันที
“จะทานแล้วนะครับ” ผมยกมือขึ้นตามธรรมเนียมก่อนจะเริ่มรับประทานอาหารตรงหน้า
ในขณะที่ผมกำลังทานข้าวอยู่นั้น เอมิกะก็ได้จ้องมองมาที่ผม และดูใบหน้าเธอเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“หืม ไม่กินเหรอครับ?”
“เฮ้อ เกิดเรื่องตั้งขนาดนี้ฉันรู้สึกกินไม่ค่อยลงน่ะ”
เหมือนพออารมณ์ทางเพศเริ่มลดลง เหตุผลและความเป็นผู้ใหญ่ของเอมิกะจึงเริ่มทำงาน เมื่อเริ่มมีสติเอมิกะจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เธอทำลงไปนั้น มันเลวร้ายขนาดไหน
“ขอโทษอีกครั้งจริงๆ นะรุย”
“อื้ม ทั้งที่เมื่อชั่วโมงที่แล้วยังทำหน้าชอบใจขนาดนั้นแท้ๆ ผู้หญิงนี่อารมณ์แปรปรวนจังเลยนะ”
เอมิกะเมื่อได้ยินผมพูดอย่างนั้นก็หน้าแดงด้วยความเขิน
“เอาน่า ไม่เห็นมีอะไรที่จะต้องขอโทษเลย ก็บอกแล้วไงว่าได้ทำกับคนสวยๆ แบบเอมิกะไม่เห็นจะมีอะไรน่าเสียใจเลยนี่นา”
“ฉันดีใจนะที่รุยคิดแบบนั้น แต่เรื่องที่พวกเรากำลังทำอยู่...คิดยังไงมันก็ไม่ควร เราเลิกทำเรื่องแบบนี้กันเถอะนะ”
ผมวางช้อนลงก่อนจะหันไปพูดกับเอมิกะแบบจริงจัง
“ไม่เอา”
“แต่ว่า!”
ผมยกมือถือขึ้นมาให้เอมิกะดู เมื่อเห็นแบบนั้นเธอก็หยุดพูด
“...”
“นี่ฉันเผลอทำให้นาย กลายเป็นเด็กไม่ดีไปแล้วเหรอเนี่ย..”
“อื้มม ก็คงใช่ เอาน่าอย่าคิดมากเลยนะ ตอนทำกัน เอมิกะก็แสดงสีหน้าชอบขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอ หรือความรู้สึกพวกนั้นจะเป็นแค่การเสแสร้ง?”
“เปล่านะ พูดตามจริงตอนทำกับรุย ฉันก็รู้สึกมีความสุขจริงๆ นั่นแหละ ชอบมากเลย แต่ว่า..ถ้าเรื่องที่เราทำแบบรี้กัน ถ้ามีคนรู้ล่ะก็..”
“งั้นก็อย่าให้ใครรู้สิ ขอแค่ไม่มีใครรู้ก็พอสินะ”
“ก็ใช่ มะ ไม่สิ ถึงจะไม่มีใครรู้เรื่องของเราแต่มันก็ผิ.. อื้ออ~”
ก่อนที่เอมิกะจะพูดจบ ผมได้ดึงเธอเข้ามาจูบ แม้เอมิกะจะพยายามขัดขืน แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย บังคับให้เธอจูบกับผมอยู่อย่างนั้น
“อื้ออ อื้อออ~”
ผมได้ดึงเอมิกะมาจูบติดต่อกันราว 1 นาที ก่อนจะปล่อยเอมิกะเป็นอิสระ
เมื่อโดนจูบติดต่อกันนานขนาดนั้น สีหน้าของเอมิกะก็ได้แดงก่ำขึ้นอย่างเคลิบเคลิ้ม
“ดูสิ ทั้งที่ใบหน้าของเอมิกะ มันบอกว่าชอบขนาดนั้นแท้ๆ ต่อไปก็อย่ามาพูดถึงเหตุผลไร้สาระแบบนั้นอีกนะ”
“กะ ก็ได้ ยังไงฉันก็ขัดใจรุยไม่ได้อยู่แล้วนี่นะ”
‘ใช่ ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้สักหน่อย ฉันโดนบังคับต่างหากล่ะ เพราะแบบนั้นฉันไม่ได้ผิด’ เอมิกะแอบคิดในใจอย่างนั้น
“ดีมาก งั้นก็ทานข้าวได้แล้ว เมื่อคืนจัดหนักไปตั้งขนาดนั้น เอมิกะคงหิวแย่เลย” ผมพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะใช้มือลูบหัวของเอมิกะเบาๆ ไปด้วย
“อื้ม กินก็ได้” เอมิกะพูดด้วยท่าทางน่ารักก่อนจะเริ่มทานข้าวเช้ากับผม..
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว เอมิกะ ก็ได้เก็บถ้วยชามไปล้าง
ส่วนผมก็นั่งขี้เกียจตามประสาไปเรื่อยเปื่อย
ด้วยความเบื่อหน่าย ผมจึงได้เริ่มแอบค้นห้องของเอมิกะ ค้นไปค้นมาเพียงไม่นานก็ได้เจอสิ่งน่าสนใจมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น หนังสือโป๊ อุปกรณ์ช่วยตัวเองแบบครบชุด และชุดลามกต่างๆ
ในระหว่างที่ผมกำลังมองดูสิ่งน่าสนใจเหล่านั้นอยู่ เอมิกะที่เสร็จจากการล้างถ้วยก็เดินเข้ามาพอดี
“นี่รุย ฉันคิดดูแล้ว ฉันว่าเรามาจับเข่าคุยกันอีกสักหน่อย ดี กว่า..”
“บ้าๆ ไม่นะ เดี๋ยวสิ!! ไม่ใช่แบบนั้นน่าา!” เอมิกะเมื่อเห็นสิ่งที่ตัวเองซ่อนไว้ถูกค้นพบ ก็ลุกลี้ลุกลนจนทำตัวไม่ถูก
“แหม ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ผมพูดพร้อมแสยะยิ้มไปให้เอมิกะ
“เอมิกะอยู่คนเดียวคงเหงาแย่เลยสินะ ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ ผมจะมาหาเอมิกะบ่อยๆ ก็แล้วกันนะ”
เพราะหลักฐานมันมัดตัวแน่น เอมิกะจึงไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้อีก ได้แต่พยักหน้ายอมรับอย่างเขินอาย
“อะ อื้ม ขอบใจนะ”
“งั้นเดี๋ยวไว้พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ ผมไม่ได้กลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ อย่างน้อยก็คงต้องกลับไปหาครอบครัวสักหน่อย” พูดเสร็จผมก็ลุกขึ้นเตรียมตัวออกจากห้อง
“โชคดีนะรุย”
“คร้าบ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมาหาเอมิกะใหม่นะ จุ๊บ!” ไม่พูดเปล่าผมยื่นปากไปจูบกับเอมิกะ
“แล้วเจอกันใหม่นะ” ผมยิ้มออกมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี ก่อนจะเดินออกจากห้อง
เมื่อออกมาจากห้องของเอมิกะแล้ว ขณะที่ผมกำลังจะเดินกลับบ้านอยู่นั้น ตรงทางเดินอพาร์ทเม้นท์ ที่ห้องที่อยู่ข้างๆ ผมก็สังเกตเห็น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุพอๆ กับผมเดินออกมาพร้อมกับผมพอดี
เธอจ้องมองผมที่เดินออกมาจากห้องของเอมิกะ ด้วยใบหน้าแดงๆ เมื่อสบตากัน เธอก็หลบสายตาของผม
‘กำแพงห้องก็ไม่ได้กันเสียงได้ดีขนาดนั้น แถมดูเหมือนเธอจะมีห้องติดกับเอมิกะ แถวนี้ก็มีอยู่โรงเรียนเดียว เพราะอย่างนั้นก็เป็นไปได้สูงที่เธอจะเรียนที่เดียวกับผม อา ขอโทษนะครับเอมิกะ ดูเหมือนความจะแตกซะแล้วแหละครับ..’
つづく