ดูดกลืนเซลล์ ผสานร่าง
[ติ๊ง! ได้รับทักษะ ต้านทานไฟ F]
[ติ๊ง! ทักษะ ต้านทานไฟ เลื่อนระดับ F >D]
[ติ๊ง! ได้รับทักษะ ผิวเหล็ก F]
[ติ๊ง! ทักษะ ผิวเหล็ก เลื่อนระดับ F >D]
[“ทำการดูดกลืนเซลล์ของสุนัขเพลิงทมิฬหรือไม่ ?”] มีเสียงดังขึ้นในหัวของชายหนุ่มอีกแล้ว
“เสียงนั่นอีกแล้ว อะไรคือดูดกลืนเซลล์?” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
[“ทำการดูดกลืนเซลล์ของสุนัขเพลิงทมิฬหรือไม่ ?”] เสียงราบเรียบยังคงกล่าวคำเดิม
“มันคืออะไร?” เมื่อไม่ได้คำตอบชายหนุ่มจึงถามย้ำอีกครั้ง
[“ทำการดูดกลืนเซลล์ของสุนัขเพลิงทมิฬหรือไม่ ?”] เสียงดังกล่าวก็ยังคงย้ำคำเดิมต่อไป
“ดูดกลืน” เมื่อเห็นว่าการถามต่อไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรชายหนุ่มจึงตอบไป มันอาจเป็นกระบวนการบางอย่างก็ได้ ได้รับคงจะดีกว่าไม่ได้รับ เขาขอลองเสี่ยงดูสักตั้ง
พลันสิ้นเสียง ก็ได้เกิดแรงกดดันอันมหาศาลกระจายตัวออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวที่มองด้วยความมึนงงว่าชายตรงหน้าบ่นพึมพำคนเดียวทำไม? ทนรับแรงกดดันไม่ไหวจนสลบไป
ร่างของสุนัขเพลิงทมิฬถูกแรงกดดันที่กระจายตัวออกมาบีบอัดจนเละเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่จะมีแรงดึงดูดบางอย่าง ดูดให้เศษซากเหล่านั้นไหลเข้ามายังร่างอันเปลือยเปล่าของชายหนุ่ม ชายหนุ่มอ้าปากออกแล้วดูดกลืนเศษซากของสุนัขเพลิงทมิฬเข้าไปได้อย่างน่าประหลาดใจ เหมือนร่างกายของเขาเป็นหลุมดำที่ไม่มีวันเต็ม
เซลล์ต่าง ๆภายในร่างเหมือนได้รับการพัฒนา พวกมันค่อย ๆ หลอมรวมสิ่งที่เข้ามาภายในร่างเข้ากลับเซลล์ดั้งเดิม ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
[พลังทำลาย +5]
[พลังป้องกัน +5]
[สตามิน่า +10]
[ความว่องไว +8]
[ติ๊ง! ได้รับทักษะ เพลิงทมิฬ ระดับ D]
หลังจากที่ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาก็พบกับหน้าจอโปร่งแสงที่มีข้อความเขียนเอาไว้ เขาอ่านพวกมันทั้งหมดแต่ก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ เขารู้ความหมายของพวกมัน แต่การที่ได้บวกเพิ่มมามันจะช่วยอะไรได้มากไหม หรือโลกใบนี้มีตัวเลขในการกำหนดค่าพลังต่าง ๆ?
ไหนจะทักษะต่าง ๆ ที่ได้มาอีก แต่คราวนี้เขากลับรู้สึกประหลาด เหมือนเขาจะสามารถเรียกใช้เพลิงทมิฬออกมาได้ ทั้ง ๆที่เขาไม่มีพื้นฐานกับพวกพลังที่อยู่นอกเหนือวิทยาศาสตร์แบบนี้เลย ยามที่เขาต้องต่อสู้ในโลกเก่า ล้วนใช้พวกชุดเกราะเสริมพลัง หุ่นยนต์ ดาบเลเซอร์ ปืนอนุภาค และสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นวิทยาศาตร์ ไม่มีใครมีพลังแบบพวกมอนสเตอร์ที่มาบุกโจมตี
พวกนักวิทยาศาตร์ของโลกเขาเคยทำการทดลองมากมาย ไม่ว่าจะเอาเลือดมอนสเตอร์มาฉีดเข้าร่างคน ผ่าตัดเปลี่ยนสมองคนไปใส่ร่างมอนสเตอร์ เปลี่ยนถ่ายกระดูก ผสมข้ามสายพันธุ์ และอีกสารพัด ก็ล้วนล้มเหลวจนหมด ตัวเขาก็เป็นหนึ่งในหนูทดลองที่รอดชีวิตมาได้ กลายเป็นเทพสงครามของโลกใบนั้นในที่สุด
“อืม ถึงจะยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด แต่ก็มีผู้คนให้ถามอยู่นี่นะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นหลังจากที่การดูดกลืนเสร็จสิ้น
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ ตู้ม ตู้ม!
ร่างกายของชายหนุ่มขยับตัวไปมา วิ่งไปกลับด้วยความรวดเร็ว รวมถึงออกแรงต่อยพื้นไปหลายหมัด ทุกหมัดล้วนทำให้พื้นยุบลงไปเป็นหลุมเหมือนโดนของบางอย่างกระแทกอย่างแรง
“ร่างกายของข้า พลังในการโจมตีเพิ่มมากขึ้น ความเร็วเพิ่มมากขึ้น ความเหน็ดเหนื่อยจากการกระทำน้อยลง ดูเหมือนสิ่งที่แสดงขึ้นมาให้เห็นก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องจริงสินะ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาหลังทำสอบร่างกายของตัวเองเรียบร้อย
ร่างกายในตอนนี้ของเขานับว่ายอดเยี่ยมยิ่งกว่าร่างกายของเขาก่อนที่จะถูกสุ่มเคลื่อนย้ายมาเสียอีก แถมการฟื้นฟูตัวเองของนาโนแมชชีนที่ถูกผสานไว้ในร่างก็รวดเร็วยิ่งขึ้น นับว่าน่าแปลกใจจริง ๆ
ดูเหมือนเขาจะมีเรื่องต้องให้ทำอีกเยอะเลยทีเดียว
....
“อือ... ที่ไหน ?” หญิงสาวที่เพิ่งได้สติกล่าวออกมาด้วยความมึนงง เพราะเธอในตอนนี้ปวดหัวมากหลังจากตื่นขึ้นมา
“ในป่า” แต่คำถามที่ไม่คิดว่าจะมีคนตอบ กลับมาเสียงเย็นชาตอบกลับมา ทำให้หญิงสาวสะดุ้งตกใจก่อนจะหันไปมอง
“นาย! ไม่ใช่ฝัน แสดงว่าก่อนหน้านี้คือความจริงน่ะสิ!” หญิงสาวนึกขึ้นได้ แสดงว่าเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง! ชายตรงหน้าเป็นคนช่วยเธอไว้
‘แถมเขายังพกมังกรติดตัวไว้อีก... ไม่ๆๆ อย่านึกอะไรนอกเรื่องสิ’ หญิงสาวส่ายหัวไปมา เพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป
“ตอนนี้นับว่าเจ้าปลอดภัยแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมา ทำให้หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อย
ทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงพูดจาเหมือนคนยุคโบราณ ? หรือบ้านเขาเป็นตระกูลเก่าแก่กัน ? แต่ต่อให้เป็นตระกูลโบราณก็ไม่มีใครใช้คำพูด ข้า เจ้า แล้วนี่นา
“ขอบคุณมากนะ ที่ช่วยฉันไว้” หญิงสาวกล่าวขอบคุณออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ถึงเธอจะรอดมาได้แต่ชายทั้งสามคนก่อนหน้านี้ล้วนตายหมดแล้ว
แต่มันก็เป็นเรื่องปกติของโลกตอนนี้ มีคนตายเพราะมอนสเตอร์แทบทุกวันอยู่แล้ว การเศร้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้
“ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มตอบกลับสั้น ๆ เขามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด
“ฉันชื่อเซรีน เป็นนักผจญภัยแรงค์F อาชีพนักดาบ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” หญิงสาวปรับอารมณ์เรียบร้อยจึงกล่าวขึ้น พร้อมยื่นมือออกไป
“ข้าชื่อคริสกุซ เซอวัล เรียกสั้น ๆว่าคริสก็ได้” ชายหนุ่มกล่าวตอบก่อนจะยื่นมือออกไปจับตามมารยาท
“ว่าแต่นายเป็นนักผจญภัยระดับสูงใช่ไหม เจ้าสุนัขนั่นสู้นายไม่ได้เลย” หญิงสาวกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้น ด้วยยุคสมัยที่มอนสเตอร์บุกรุกโลกแบบนี้ นักผจญระดับสูงล้วนเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากทุกคน การได้พบพวกเขาสักครั้งยากเย็นเป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงดีใจที่ได้พบกับชายตรงหน้า
“เปล่า ข้าแค่.... เสียความทรงจำน่ะ นอกจากชื่อก็จำอะไรไม่ได้เลย ตื่นขึ้นมาก็อยู่กลางป่าแล้ว” ชายหนุ่มตอบไป การตอบแบบนี้น่าจะปลอดภัยที่สุดในยามนี้ เขาไม่รู้ว่าที่นี่ คือที่ไหน แล้วตัวเขาคือผู้แปลกแยกหรือไม่ จะได้รับการยอมรับไหม
ดังนั้นการโกหกแบบนี้เพื่อหาข้อมูลไปก่อนคงจะดีที่สุด
“อ่า ฉันเสียใจด้วยนะ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจะคอยแนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้นายเอง” หญิงสาวที่ได้ยินก็รู้สึกเศร้าใจแทนชายหนุ่ม ก่อนจะกล่าวออกมาอย่างร่าเริง ซึ่งก็ตรงกับเป้าหมายของชายหนุ่มอยู่แล้ว
“ขอบคุณ ข้าคงต้องรบกวนเจ้าอีกเยอะเลยล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มให้ แต่ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา เพียงยิ้มออกมาก็ทำให้หญิงสาวที่เห็นต้องหน้าแดงขึ้นมา
“เจ้าเป็นอะไร?” ชายหนุ่มถามขึ้นมา เขาไม่เข้าใจหญิงสาวตรงหน้าจริง ๆ
“เปล่าๆๆ ไม่มีอะไรหรอก” เซรีนกล่าวออกมาอย่างลนลาน แต่หน้าแดงไปหมดแล้ว
“แล้วเราจะทำสิ่งใดต่อ ? เจ้ามีแผนอะไรหรือไม่ ?” ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ไม่คิดอะไร จึงกล่าวถามออกมา
“ฉัน..ฉันจะไปฝังร่างให้พวกพ้องน่ะ...” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า ถึงจะเหลือเพียงเศษซาก หรือไม่ครบร่าง เธอก็อยากจะฝังร่างกายของพวกเขาให้
“งั้นก็ไปกันเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น เขาไม่โต้แย้งอะไร และไม่รู้สึกอะไรด้วย