ความตายคือเรื่องปกติของชีวิต
เปรี้ยง! เปรี้ยง!!
เสียงการต่อสู้ดังสนั่นไปทั่วทั้งป่า กลุ่มนักผจญภัยสี่คนกำลังวิ่งหนีไปพลางต่อสู้กับฝูงมอนสเตอร์หมูป่าขนเหล็กไปด้วย ยังโชคดีที่ดูเหมือนมอนสเตอร์หมูป่าเหล่านี้จะไม่สนใจพวกเขามากนัก มีเพียงสามตัวเท่านั้นที่วิ่งไล่มา ส่วนอีกเจ็ดตัวกำลังกัดกินศพของเพื่อนพวกมันอยู่
“ทำไมพวกมันถึงมากันเยอะขนาดนี้!” เกรฟตะโกนออกมาขณะที่ใช้ดาบฟาดฟันไปด้วย ยังดีที่มอนสเตอร์ทั้งสามตัวที่ตามมาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าตัวพวกเขากำจัดไป จึงทำให้พวกเขาพอจะต่อสู้และหลบหนีไปพร้อมกันได้
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าพวกมันกินศพกันเองด้วย เกิดอะไรขึ้นกันแน่” วอล แทงค์ของทีมที่ดึงมอนสเตอร์หมูป่าสองตัวเอาไว้กล่าวออกมา สถานการณ์ตอนนี้จัดได้ว่าย่ำแย่มาก ต้องรับมือมอนสเตอร์ถึงสามตัว แถมยังไม่รู้ด้วยว่าอีกเจ็ดตัวที่เหลือจะตามมาไหม
ตู้ม ตู้ม บึ้ม
“พลังเวทย์ผมจะหมดแล้ว น้ำยาฟื้นฟูก็เหลือแค่สองขวด!” หลังจากส่งเวทย์บอลไฟโจมตีมอนสเตอร์หนึ่งในตัวที่กำลังโจมตีเกรฟอยู่เขาก็กล่าวออกมา พร้อมกับหยิบน้ำยาฟื้นฟูออกมากินไปด้วย
ฟิ้ว ฉึก!
“ทำได้ดีมาก เซรีน” เกรฟกล่าวชมหญิงสาว เพราะธนูดอกนั้นยิงเข้าที่นัยน์ตาของมอนสเตอร์เข้าพอดี ทำให้มันโจมตีใส่เขาพลาดเป้าไป
เพราะไม่สามารถเข้าไปช่วยโจมตีระยะประชิดได้ หญิงสาวเพียงคนเดียวจึงหยิบธนูออกมาต่อสู้แทน เธอฝึกทั้งการใช้ดาบและธนูจึงพอจะช่วยสนับสนุนได้บ้าง
............
“สำเร็จ เหลืออีกแค่สองตัว แถมพวกเราก็ถอยมาห่างจากอีกเจ็ดตัวนั้นได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว” เกรฟกล่าวออกมาหลังจากล้มมอนสเตอร์ไปได้หนึ่งตัว
“เลิกพูดแล้วมาช่วยกันก่อนได้ไหม! ผมจะตรึงมันเอาไว้ไม่อยู่แล้วนะ!” วอลตะโกนขึ้นเพราะเห็นอีกสามคนไม่เข้ามาช่วยสักที ถึงเขาจะเป็นแทงค์แต่ก็ต้องหลบบ้าง รับดาเมจบ้าง พอมอนสเตอร์จะไปโจมตีคนอื่นก็ต้องใช้สกิลดึงมันกลับมาอีก
“จัดการให้เสร็จแล้วรีบหนีกันเถอะ อย่างน้อยแบ่งแก่นเวทย์กันไปคนละอันก็ยังพอได้ค่าใช้จ่ายกันบ้าง” ไมเคิลกล่าวออกมาพร้อมกับบัพเพิ่มพลังโจมตีให้กับเกรฟ
“ฆ่ามัน!” ทั้งสี่คนประสานเสียงลงมือจัดการมอนสเตอร์หมูป่าขนเหล็กอีกสองตัวด้วยความแน่วแน่ พวกเขาจะต้องรอดไปให้ได้!
…………………..
หลังทั้งสี่คนรุมโจมตีได้ประมาณสิบนาที มอนสเตอร์หมูป่าขนเหล็กทั้งสองตัวก็ถูกพวกเขาจัดการจนได้ เกรฟรับหน้าที่เดินไปเลาะเอาแก่นเวทย์ออกมาจากร่างของหมู่ป่าขนเหล็ก ส่วนคนอื่น ๆกำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ จะได้เดินทางกันต่อ
“ผมขอตัวไปธุระหน่อยนะ” ไมเคิลที่เห็นว่าน่าจะปลอดภัยแล้วจึงได้แยกตัวไปยังพุ่มไม้ใกล้ ๆเพื่อไปทำธุระส่วนตัว แต่หารู้ไม่ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังรอเขาอยู่!
“เฮ้ย มันต.... ฉูดด” อยู่ ๆไมเคิลที่กำลังจะเดินเข้าพุ่มไม้ก็ตะโกนออกมาพร้อมกับเงียบไป
ครึ่งหลัง
ทำให้ทุกคนพากันหันไปมอง ก็พบว่าร่างของไมเคิลที่ยืนอยู่ตรงนั้น ร่างกายดูปกติดีทุกอย่าง แต่ส่วนของศีรษะกลับหายไปซะแล้ว เลือดพุ่งทะลักออกมาจากร่างกายที่ไร้ซึ่งส่วนหัว
“ไมเคิล!!” ทั้งสามคนที่หันไปเห็นเหตุการณ์พากันร้องออกมาสุดเสียง
“สุนัขเพลิงทมิฬ” เกรฟซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มและมีความรู้เยอะที่สุดกล่าวออกมา ทำให้อีกสองคนที่ยังเหลือรอดได้รู้ชื่อของมอนสเตอร์ด้านหน้า
“มันคือตัวอะไรกัน ฉันไม่เคยเห็นมอนสเตอร์แบบนี้มาก่อนเลย” เซรีนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
“มันเป็นมอนสเตอร์ระดับสาม ที่ติดท็อปตัวอันตรายในป่านี้เลยล่ะ ความจริงภารกิจที่กลุ่มของพวกเราได้รับมาก็คือมาสืบเรื่องของเจ้าตัวนี้แล้วกลับไปยืนยันตำแหน่งของมันให้ทางสมาคมรู้” วอลกล่าวตอบ เขาก็ได้เห็นรูปวาดคร่าว ๆ ของมันมาแล้ว ทำให้พอจะจำได้
“มันน่าจะซุ่มดูการต่อสู้ของพวกเราอยู่แต่แรกแล้ว พอพวกเราเผลอก็อาศัยจังหวะจัดการหนึ่งในพวกเราทันที บัดซบ!” เกรฟสบถออกมา ในหัวต่างคิดวิธีกรมากมายว่าจะเข้าต่อสู้หรือค่อย ๆหลบหนี คืนนี้มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว! แถมไมเคิลก็ยังต้องมาตายอีก
กลุ่มของพวกเขาทั้งสามคนสนิทกันมาก พวกเขาได้เจอกันที่ดันเจี้ยนระดับ F ในตอนที่เพิ่งเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่ หลังจากนั้นก็ช่วยเหลือกันมาตลอดจนเลื่อนระดับมาเป็นนักผจญภัยแรงค์E ได้
“เหมือนจะไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว คุณเซรีน ถ้าพวกผมรับมือไม่ไหวขอให้คุณรีบหนีไปเลย” เกรฟพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าสุนัขเพลิงทมิฬเตรียมเข้าโจมตีแล้ว
มันเป็นมอนสเตอร์สุนัขที่มีสีดำทั้งตัว มีหนามกระดูกแหลมคมอยู่ตามขาทั้งสี่ข้างรวมถึงกระดูกสันหลังของมัน นอกจากนี้มันยังเรียกเปลวเพลิงทมิฬ เวทมนตร์ระดับสามได้อีกด้วย ถ้าประมาทโดนเปลวเพลิงนี้เข้าจัง ๆ ต่อให้เป็นผจญภัยแรงค์ D ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ นับประสาอะไรกับพวกเขาที่เพิ่งจะแรงค์ E
ตู้ม!
วอลยกโล่ขนาดใหญ่ของเขาขึ้นมาป้องกันการโจมตีที่ถูกเล็งไปหาเกรฟไว้ได้ทัน แต่ถึงจะป้องกันไว้ได้ตัวของเขาก็ยังสูงส่งถอยหลังไปนับสิบก้าว! ขนามหมูป่าขนเหล็กยังทำให้เขาถอยได้แค่หนึ่งถึงสองก้าวเท่านั้น มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป!
“ย๊ากกก ดาบผ่าศิลา” เมื่อเห็นว่าวอลได้หยุดการโจมตีครั้งแรกของมอนสเตอร์ไว้แล้ว เกรฟก็ได้อาศัยจังหวะนั้นกระโดดเข้าใส่สุนัขเพลิงทมิฬจากทางด้านข้าง ทักษะดาบผ่าศิลาที่สามารถแยกหินได้ด้วยดาบเดียวถูกเรียกใช้ทันที เขาเล็งไปยังบริเวณคอของมอนสเตอร์ที่ไม่มีกระดูกปกคลุมไว้
ฉีก!
แต่คมดาบที่ควรจะสับเข้าที่คอของสุนัขเพลิงทมิฬ มันกลับหยุดอยู่อย่างนั้นด้วยระยะห่างแค่หนึ่งนิ้วเท่านั้น พร้อมกับหยดเลือดที่ค่อย ๆ ไหลลงมาสู่ปลายดาบ
“ไม่นะ! ไอ้มอนสเตอร์สารเลว” เซรีนส่งเสียงออกมาพลางยิงธนูเข้าใส่ไม่หยุด หวังให้การโจมตีนี้ช่วยให้ร่างของเกรฟถูกปล่อยตัว
แต่มันก็สายไปซะแล้ว เพราะร่างของนักดาบประจำทีม ถูกหางที่แหลมคมของสุนัขเพลิงทมิฬทะลวงผ่านกลางร่างลอยค้างอยู่แบบนั้น
“อั้ก! หนี...ไป... ฝาก...ดูแลน้องสาว...ของไมเคิลด้วย.....อ๊ากกกก” ยังไม่ทันที่เกรฟจะพูดจบ เขาก็ถูกเพลิงทมิฬเผาร่างทั้งเป็น ผิวหนังค่อยๆไหม้เกรียม เขากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุด
ตุบ! บรู๊วววว
สุนัขเพลิงทมิฬสะบัดหางโยนร่างที่ถูกเผานั้นทิ้งไปข้างทางอย่างไม่ใยดี ก่อนที่จะส่งเสียงหอนออกมาดังกังวาน ถึงแม้จะไม่รู้ภาษาของสุนัข แต่เสียงหอนของมันกลับทำให้คิดว่ามันส่งเสียงออกมาเพราะยินดีกับการฆ่าซะมากกว่าเรียกกำลังเสริม
“คุณเซรีน รีบไปซะ ถ้าคุณรอดไปได้ฝากดูแลน้องสาวของไมเคิลที่โรงพยาบาลไวท์เฮาส์ด้วย เธอชื่อว่าโรส” วอลที่เห็นภาพตรงหน้า ถึงแม้ในใจจะเต็มไปด้วยความโกรธ
แต่เขาก็รู้ดีว่าไม่อาจจะทำอะไรได้มากนัก จึงกล่าวกับเซรีน ตัวของเขาและเกรฟล้วนเด็กเด็กกำพร้าที่เสียครอบครัวจากการบุกโจมตีของมอนสเตอร์ ไม่มีอะไรให้กังวลอยู่เบื้องหลังถ้าตายไป ไม่เหมือนกับไมเคิล เขานั้นมีน้องสาวซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล เครดิตส่วนใหญ่ที่หาได้ล้วนถูกใช้ไปในการรักษาน้องสาวของเขา ซึ่งเกรฟและวอลก็คอยช่วยเหลือไมเคิลด้วยเหมือนกันในบางครั้ง
“........ ฉันขอโทษ!” เซรีนกล่าวจบก็รีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้วอลยืนยิ้มให้อยู่ด้านหลัง เผชิญหน้ากับสุนัขเพลิงทมิฬเพียงลำพัง
“ดีแล้ว... หวังว่าเธอจะรอดไปได้ก็ยังดี” วอลพึมพำออกมาเบา ๆ เขากระชับโล่ในมือแน่น เดินเข้าหาอย่างไม่หวาดกลัว!
“เข้ามาเลยไอ้มันหมา บัดซบ!” วอลตะโกนอย่างห้าวหาน ขอแค่เขาถ่วงเวลาเพิ่มได้อีกสักนิด เธอก็คงจะหนีไปได้ไกลมากขึ้นอีกสักหน่อย
ชีวิตก็แบบนี้ ความตายคือเรื่องปกติ...
....................