บทที่ 66 เปลี่ยนคัมภีร์เพลงกระบี่ทุกวัน
เมื่อเห็นเจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองนั่งฝึกบำเพ็ญตบะด้วยตัวของมันเองได้แล้ว เขาก็ปล่อยให้มันตั้งใจจดจ่ออยู่กับตนเองอย่างไม่ต้องรู้สึกว่ามีเขาคอยกดดัน
หยางเสี่ยวเทียนออกมาหาอัตและอาลี่สองพี่น้องออร์ค เพื่อรบกวนให้พวกเขาออกไปซื้อสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ และสอบถามเกี่ยวกับราคาสำหรับสมุนไพรหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการด้วย
เพราะหลังซื้อจวนแล้ว เงินเก็บที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้จึงมีไม่มากนัก เขาเลยจำต้องหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ เพื่อนำไปขายและเก็บเงินไว้ใช้อย่างประหยัดเงินในยามจำเป็น
แน่นอนว่าจุดประสงค์ในการหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ ก็เพื่อฝึกฝนทักษะการหลอมโอสถของเขาด้วยเช่นกัน เพราะการฝึกฝนบ่อยๆ จะทำให้เกิดความชำนาญ
หากเมื่อใดที่เขาหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสวรรค์ได้สำเร็จ เมื่อนั้นเขาก็จะเริ่มเข้าใกล้สู่การหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับสวรรค์มากขึ้น
หลังจากอัตและอาลี่ออกไปแล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็นำเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจไปส่งคืนยังหอคัมภีร์ประจำสำนัก
ลู่เจ๋อหลินอาจารย์บรรณารักษ์ประจำหอคัมภีร์ถึงกับตะลึง เมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียนนำคัมภีร์เคล็ดวิชาเพลงกระบี่ปีศาจที่เพิ่งยืมไปเมื่อวาน ถือกลับมาคืนเพื่อเปลี่ยนเป็นคัมภีร์เคล็ดวิชาเล่มใหม่ในวันนี้
“เจ้าแน่ใจงั้นหรือ ว่าต้องการเปลี่ยนเป็นเล่มใหม่จริงๆ”
โดยทั่วไปแล้ว บรรดาศิษย์ส่วนใหญ่ที่มายืมคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่ พวกเขาจะต้องใช้เวลาในการอ่านทำความเข้าใจและฝึกฝนหนักมากกว่าหนึ่งเดือน ก่อนจะนำมาส่งคืนให้หอคัมภีร์
ซึ่งมีคนอย่างหยางเสี่ยวเทียนน้อยมาก ที่ยืมไปเพียงหนึ่งวันแล้วจะนำกลับมาเปลี่ยนคืนในวันรุ่งขึ้น
หยางเสี่ยวเทียนผงกศรีษะ จากนั้นหยิบคัมภีร์ “เคล็ดวิชาเพลงกระบี่ชางไห่” ที่ลงทะเบียนการยืมเสร็จแล้วกลับไปอีกเล่ม
เพลงกระบี่ชางไห่กับเพลงกระบี่ปีศาจถือเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาขั้นเซียนยุทธ์ชั้นยอดเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพลงกระบี่ชางไห่ยังมีความแตกต่างจากเพลงกระบี่ปีศาจตรงที่ มันมีพลังโจมตีและความต่อเนื่องของกระบวนท่ามากกว่า
เมื่อหูซิงเห็นหยางเสี่ยวเทียนเดินออกไปพร้อมกับเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ชางไห่ จึงเผยยิ้มเยาะทันที
“ดูเหมือนว่าเขา จะไม่เข้าใจเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ปีศาจงั้นสินะ จึงนำมันกลับมาคืนเพื่อเปลี่ยนกับเพลงกระบี่ชางไห่เร็วปานนี้”
“เพลงกระบี่ปีศาจที่มีทั้งปราณกระบี่มายาและปราณกระบี่แท้จริงนั้น นับได้ว่าลึกลับกว่าเพลงกระบี่สือซานมากนัก จึงมิแปลกหากเขาจะไม่เข้าใจ” ลู่เจ๋อหลินกล่าวพลางส่ายศรีษะ
แล้วกล่าวเสริมว่า “เจ้าสำนักหลินยังบอกว่าหยางเสี่ยวเทียนเป็นอัจฉริยะนักกระบี่ แต่จากที่เห็นนี้ ข้าคิดว่าเขาอาจเข้าใจผิด”
หูซิงส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้มสมเพช “ที่เขาสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่ขั้นเซียนยุทธ์อย่างเพลงกระบี่สือซานจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ ข้าเกรงว่าเขาแค่โชคดีเท่านั้นเอง”
“หากเขาไม่เข้าใจเพลงกระบี่ชางไห่ วันพรุ่งก็ต้องนำมันกลับมาเปลี่ยนเหมือนเช่นวันนี้อยู่ดี”
เฉกเช่นวานนี้ ระหว่างที่หยางเสี่ยวเทียนเดินกลับจวน เขาก็เปิดคัมภีร์เคล็ดวิชาเพลงกระบี่ชางไห่อ่านฆ่าเวลาไปพลาง
ครั้นถึงจวน เขาก็จดจำเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ชางไห่ได้อย่างสมบูรณ์ ก่อนหันมาเริ่มร่ายรำกระบี่ยังลานฝึกทันทีเช่นทุกครั้ง
หลังจากร่ำเพลงกระบี่ชางไห่จนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็กลับไปยังห้องของตนเพื่อนั่งหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ต่อ
ครานี้ เหรียญทองที่เขาให้อัตและอาลี่ไป มากพอซื้อสมุนไพรกลับมาอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งเพียงพอให้เขาใช้ในการหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่มากถึงสามสิบเม็ด
ทว่า เงินเก็บเกือบทั้งหมดของเขาก็ถูกใช้ไปเยอะด้วยเช่นกัน
บัดนี้ หยางเสี่ยวเทียนมีความเชี่ยวชาญในการหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนยิ่ง
ก่อนหน้านี้ การจะหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ได้ ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยามในการหลอม แต่คราวนี้ เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งในสี่ของชั่วยามก็หลอมโอสถวิญญาณหลงหู่สำเร็จ
ไม่ช้า เขาก็หลอมโอสถวิญญาณหลงหู่ได้มากถึงสิบเม็ด
เมื่อเวลาเข้าใกล้ยามวิกาล หยางเสี่ยวเทียนถึงเริ่มหยุดหลอม และหันมานั่งเข้าฌานบำเพ็ญปราณมังกรแรกเริ่มบนเตียงหยกเย็นต่อ
ครั้นรุ่งสาง เขาจึงให้อัตและอาลี่นำโอสถวิญญาณหลงหู่ทั้งสิบเม็ดไปขายยังสมาคมการค้า
และเพื่อไม่ให้เป็นการดึงดูดความสนใจจากผู้คน เขาให้ทั้งสองนำไปแบ่งขายตามสมาคมการค้าแต่ละแห่ง เพียงที่ละสองเม็ด
ก่อนทั้งสองจะออกไป เขายังไม่ลืมกำชับให้อัตและอาลี่ซื้อวัสดุแร่จำนวนมากกลับมาด้วย
เมื่อหมดธุระ หยางเสี่ยวเทียนจึงมุ่งหน้าไปที่หอคัมภีร์ของสำนักเสินเจี้ยนอีกครั้ง พร้อมกับคัมภีร์เคล็ดวิชาเพลงกระบี่ชางไห่ในมือ
ทันทีที่เห็นหยางเสี่ยวเทียนมาเพื่อขอเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่อีกครั้ง ลู่เจ๋อหลินก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย แล้วเพียงมอบคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่ชั้นยอดให้กับหยางเสี่ยวเทียนอีกหน
หลังเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่แล้ว วันนี้เขากลับเลือกที่จะเดินหามุมนั่งอ่านเล็กๆ ในหอคัมภีร์ โดยไม่รีบร้อนกลับจวนอย่างเช่นทุกวัน
เขานำเคล็ดวิชาการหลอมอาวุธที่หยิบจากหอคัมภีร์เล่มหนึ่ง ขึ้นมานั่งอ่านแทนจนครบเวลาครึ่งชั่วยามจึงเดินออกประตูหน้าไปอย่างไม่ได้สนใจใคร
ลู่เจ๋อหลินเห็นหยางเสี่ยวเทียนจากไป ถึงส่งยิ้มให้หูซิงที่นั่งหลบอยู่อีกมุมในหอคัมภีร์
“ดูเหมือนจะถูกของเจ้า เขาไม่เข้าใจเพลงกระบี่ชางไห่ วันนี้จึงนำมันกลับมาคืน แล้วเปลี่ยนเป็นเคล็ดวิชากระบี่อื่นไปศึกษาแทน”
หูซิงยิ้มย่องพลางกล่าวว่า “แค่วิญญาณยุทธ์ขยะ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถด้านกระบี่มากขนาดไหน แต่ก็ฝึกฝนได้เพียงเพลงกระบี่ขั้นเซียนยุทธ์เท่านั้น พรุ่งนี้เขาก็คงกลับมาเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่อื่นไปอีกแน่นอน”
การคาดเดาของหูซิงเมื่อวานนั้นถูกต้อง ในวันที่สอง หยางเสี่ยวเทียนก็กลับมาเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่จริงๆ
และในวันต่อๆ ไป เขาก็กลับมาเปลี่ยนคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่ทุกวัน
ไม่ช้าวันเวลาก็ผ่านไปหนึ่งเดือน
บัดนี้ หยางเสี่ยวเทียนได้นำคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่ขั้นเซียนยุทธ์ชั้นยอดของสำนักเสินเจี้ยน มาเปลี่ยนจนหมดทั้งหอคัมภีร์แล้ว