บทที่ 65 กำเนิดจิตมาร
หยางเสี่ยวเทียนซับหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อไหลหยดลงมาแทบจะทั่วทั้งใบหน้า เขาลุกขึ้นจากเตียงหยกเย็นเปิดหน้าต่างสูดอากาศภายนอก ถึงได้รู้ว่าเพลาล่วงเลยมาจนดึกดื่นแล้ว
หยางเสี่ยวเทียนขบคิดอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจเดินออกจากเรือน มุ่งหน้าหาผู้ที่พอจะให้คำปรึกษาแก่เขาได้
ณ ลานบ้านหลัวชิง เพื่อเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบ่มเพาะ เขาคือผู้ที่ตอนนี้น่าเชื่อใจและให้คำชี้แนะได้ดีกว่าใคร หยางเสี่ยวเทียนเลือกบอกเขา เผื่อเขามีความเห็นเกี่ยวกับมัน
หลัวชิงพึมพำ “นี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าท่านกำลังเข้าสู่สภาวะจิตมาร”
“จิตมารงั้นรึ!” หยางเสี่ยวเทียนสะดุ้ง
หลัวชิงพยักหน้า “ช่วงนี้นายท่านใช้โอสถเพื่อบ่มเพาะบ่อยด้วยหรือไม่”
ใช้โอสถบ่อยๆ งั้นหรือ?
หยางเสี่ยวเทียนไม่คิดปิดบัง เขาพูดไปตามความจริงโดยไม่ลังเล “ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ข้าได้กลืนโอสถสร้างฐานวิญญาณมากกว่าสิบชุดและโอสถขั้นเซียนเทียนอีกสี่เม็ด”
ได้ยินดังนั้น หลัวชิงก็ดูมีสีหน้าจริงจังขึ้น “นั่นสินะ นายท่านมักใช้โอสถจำนวนมากเพื่อฝึกฝน แม้ระดับพลังยุทธ์จะก้าวหน้ารวดเร็วก็จริง แต่จิตวิญญาณมิอาจตามทันได้ เมื่อรากฐานทางจิตวิญญาณไม่มั่นคงก็มีโอกาสเกิดจิตมารขึ้น”
จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ในระหว่างที่ท่านฝึกฝนต่อจากนี้ อย่าเพิ่งใช้โอสถสุ่มสี่สุ่มห้าเพิ่มพลังยุทธ์”
“หากรากฐานทางจิตวิญญาณไม่มั่นคง แต่ระดับพลังยุทธ์ยังเพิ่มสูงขึ้น การสร้างรากฐานก็ยิ่งยากขึ้นตามไปด้วย ถ้าทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี”
หยางเสี่ยวเทียนสูดหายใจลึก หลังได้ยินสิ่งเหล่านี้
โอสถสามชนิด
นี่เป็นเพราะผลข้างเคียงจากโอสถอย่างงั้นหรือ
โชคดีที่เขารู้สึกว่าโอสถวิญญาณหลงหู่อยู่ในระดับต่ำเกินไป จึงยังไม่คิดใช้โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดทั้งสิบเม็ด ไม่เช่นนั้น จิตมารคงจะเข้าแทรกรุนแรงกว่าครั้งนี้เป็นแน่
ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็ออกจากเรือนเล็กของหลัวชิง แล้วมุ่งหน้ากลับเรือนหลักของตน
ตามคำกล่าวของหลัวชิง จากนี้ไป จะเป็นการดีที่สุดสำหรับเขา หากใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเข้าฌานเพื่อเพิ่มพลังยุทธ์ด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ต้องพยายามกลืนโอสถระดับสูงหรือสูงสุดเท่านั้น
แน่นอน ว่าหากกลืนโอสถระดับสวรรค์ จึงจะเป็นการดีที่สุด
หลังเกิดภาวะของจิตมารนี้ หยางเสี่ยวเทียนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ว่าทำไมราคาของโอสถระดับสวรรค์จึงสูงกว่าราคาของโอสถระดับสูงสุด และเป็นที่ต้องการของเหล่าผู้บ่มเพาะคนอื่นๆ มากกว่า
ครั้นกลับมาถึงห้อง หยางเสี่ยวเทียนก็รุดนั่งบนเตียงหยกเย็น แล้วเริ่มเข้าฌานบำเพ็ญพลังปราณมังกรแรกเริ่มด้วยตนเอง โดยปราศจากการใช้โอสถใดๆ ในการช่วยบ่มเพาะอีก
ดั่งโบราณว่า ถูกงูกัดครั้งหนึ่ง กลัวเชือกไปสิบปี หรือก็คือหากเกิดจิตมารครั้งหนึ่งแล้ว จะเกิดความหวาดกลัวไปตลอด
ครั้งนี้เขาจะระมัดระวังมากขึ้น
ขณะนั่งเข้าฌาน ภาพหลอนเหล่านั้นก็ไม่มีมารบกวนจิตภายในให้รู้สึกหวาดหวั่นอีก
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านพ้นไป
แสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามาในห้องหยางเสี่ยวเทียนอย่างเฉื่อยช้า
อากาศอบอุ่นพัดผ่าน สัมผัสกับใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา
ทำหยางเสี่ยวเทียนค่อยตื่นลืมตาขึ้น เขาบิดเนื้อตัวคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้ามาทั้งคืนแล้วยันตัวลุกออกจากเตียงหยกเย็น
ขณะเดินลงบันไดมายังชั้นล่าง เขาก็พลางเหลือบไปเห็นเจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองกำลังยืนหลับตานิ่ง แหงนหน้าขึ้นไปท่ามกลางที่โล่งคล้ายดูดซับพลังวิญญาณแห่งสวรรค์และโลก
หยางเสี่ยวเทียนรับรู้ได้ทันที ว่านี่คงเป็นการบำเพ็ญตบะของมัน เมื่อเห็นดังนั้น เขาก็พลางนึกถึงบางสิ่งในถ้ำบนหุบเขา ดูเหมือนจะมีเคล็ดวิชาสำหรับฝึกฝนสัตว์วิญญาณ พอครั้นจำได้เลือนลางเขาจึงเริ่มค้นหาคัมภีร์ในแหวนเตาหลอมของตน
ไม่ช้า เขาก็พบคัมภีร์ “เคล็ดวิชาอสูรสวรรค์”
เคล็ดวิชาอสูรสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาชั้นยอด ในบรรดาเคล็ดวิชาที่ใช้ฝึกฝนสัตว์วิญญาณ
หลังจากเจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองหยุดพักการบำเพ็ญตบะของมัน หยางเสี่ยวเทียนก็เดินเข้าหามันเตรียมมอบคัมภีร์เคล็ดวิชาอสูรสวรรค์ให้กับเจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองได้ใช้ฝึกทันที
ขณะที่มันจะรับไปในสีหน้างุนงง จู่ๆ เขาดันนึกขึ้นได้ว่ามันไม่น่าอ่านอักษรของมนุษย์เข้าใจ จึงนั่งอ่านให้มันฟังทีละคำพร้อมอธิบายตามอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละประโยค
พอหยางเสี่ยวเทียนชี้แนะให้มันฟังจบไปรอบหนึ่ง แล้วกำลังจะอธิบายต่ออีกรอบที่สอง เจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองก็ส่ายหัวพร้อมแสดงท่าทางโบกไม้โบกมือของมัน
“เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่” หยางเสี่ยวเทียนเข้าใจความหมายที่มันต้องการจะสื่อเป็นอย่างดี
เจ้าสัตว์วิญญาณเกราะทองยิ้มพลางพยักหน้ารัวๆ จากนั้นมันก็นั่งลงด้วยท่าขัดสมาธิ ทำตามในคัมภีร์ที่หยางเสี่ยวเทียนอ่านให้ฟัง ไม่นานพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกก็ปรากฏขึ้นพร้อมให้มันดูดซับเข้าร่างของมันทันที
ครึ่งชั่วยามต่อมา เกล็ดสีทองทั่วร่างของมันก็ทอแสงสีทองอร่ามสว่างไสว
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะมีทั้งความจำและความเข้าใจเป็นเลิศขนาดนี้ เพียงฟังคำชี้แนะครั้งเดียวก็สามารถฝึกฝนได้แล้ว
แม้เคล็ดวิชานี้จะเป็นเพียงขั้นแรกเริ่ม แต่ก็ยากนักที่จะเข้าใจได้เร็วขนาดนี้