บทที่ 40 คนเลี้ยงวัวพูดภาษามนุษย์
ขณะที่จินอันตัวสั่นเทาจ้องมองไปที่ประตูนั้น
“น้องชาย~”
“น้องชาย~”
“น้องชาย~”
ก็มีคนเรียกหาเขาที่ด้านนอกประตู เสียงนั้นดูอ้างว้าง เอาแน่เอานอนไม่ได้
บรรยากาศช่างน่าขนลุก...
จินอันรู้สึกถึงขนบนแขนที่ลุกฟู่ขึ้นมาก ฉากนี้ที่เขาคุ้นเคยมันเหมือนกับว่า หนิงไคเฉินที่ค้างคืนวัดในหลานรัว แล้วเนี่ยเสี่ยวเฉียน มาเรียกเขาเพื่อล่อลวงชีวิต!
นี่คือ เนี่ยเสี่ยวเฉียน ที่เสียงแก่กว่าเล็กน้อย
…
ขณะที่ จินอัน นึกถึงฉากในหนัง เขาก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน แล้วร่างกายของเขาก็เริ่มลอยออกไปด้านนอก เมื่อเขามองลงมาก็เห็นว่าร่างของตัวเองยังนอนอยู่บนเตียง สิ่งที่ทหารหยินปลุกให้ตื่นขึ้นนั้นไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นจิตวิญญาณมนุษย์ ซึ่งมีความไวต่อปราณหยินเป็นพิเศษ
ตอนนี้มีคนต้องการขโมยวิญญาณของเขา!
วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่างกายไปครึ่งตัวแล้ว ร่างกายส่วนบนของเขาถูกแยกออกจากร่าง วิญญาณที่อ่อนแอของเขาสัมผัสกับโลกหยางราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็งจนเจ็บปวด
จินอันตกใจ
เขานึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่บันทึกไว้ใน "บันทึกแห่งกวงผิง"
ว่ากันว่าวันหนึ่ง กวงผิงซานเหริน ได้พบกับหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขา
คนที่นั่นเป็นชาวนาธรรมดาๆ ทำงานเมื่อยามอาทิตย์ขึ้นแล้วพักผ่อนเมื่ออาทิตย์ตกดิน สู้หน้าไปทางทุ่งเหลืองอร่ามและหันหลังให้กับท้องฟ้า ในวันนั้น กวงผิงซานเหริน กำลังจะใช้น้ำใสสะอาดจากแม่น้ำชะล้างพื้นรองเท้าที่เปื้อนโคลนจากถนน
ไม่ทันได้ทำอะไร
กวงผิงซานเหริน ที่นั่งลงไปได้ไม่นาน
ทันใดนั้น ควายเฒ่าตัวหนึ่งที่กำลังไถนาในนาข้าวก็วิ่งตรงไปหา กวงผิงซานเหริน เหมือนควายบ้าคลั่ง
แผละ! ควายบ้าคุกเข่าลงต่อหน้า กวงผิงซานเหริน ด้วยขาหน้าของมัน มันพูดจาภาษามนุษย์ และน้ำตาของควายก็ร่วงหล่นลงพื้น ควายเฒ่าร้องไห้เสียงดังแล้วขอร้องให้ กวงผิงซานเหริน ช่วยเขา
ปรากฎว่าควายตัวนี้เป็นนักพรตลัทธิเต๋าหนุ่มในอารามเต๋าเล็กๆ
เนื่องจากนิสัยซุกซนและทักษะทางวิชาการที่แย่ เขาจึงแอบฝึกฝนการฝึกการถอดจิตวิญญาณลับหลังอาจารย์ในวิหาร
ทันทีที่วิญญาณของเขาออกจากร่าง มันเบาราวกับไม่มีอะไร ลมกระโชกแรงยามราตรีก็พัดพาดวงวิญญาณไปอย่างไร้ทิศทาง สุดท้ายก็พัดหายไปไกลแสนไกลตามทิศทางของมัน
ในขณะเดียวกัน วิญญาณที่ไม่ได้รับการบำรุงและปกป้องจากร่างกายอีกต่อไปนั้น ลม ฟ้าร้อง และเทียนธรรมดาในบ้านของผู้คน ล้วนก่อให้เกิดอันตรายต่อดวงวิญญาณที่เปราะบางหลังจากออกจากร่าง
เมื่อเห็นว่าวิญญาณของเขากำลังจะถูกทำลายด้วย ลม ฟ้าร้อง และแสงแดด แม้ว่านักพรตลัทธิเต๋าตัวน้อยจะดื้อรั้นสักเพียงใด แต่เขาก็ยังมีจิตใจที่มีคุณธรรมไม่ต้องการครอบงำร่างกายของผู้อื่นและทำร้ายชีวิต ในที่สุดเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องครอบงำควายเฒ่าซึ่งเพิ่งตายไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยในนาข้าว
แต่ควายเฒ่าถูกบังคับให้ไถนาทุกวัน หลังจากไถนาทางทิศตะวันออกเสร็จแล้วก็ต้องไถนาทางตะวันตกให้เสร็จ ในหนึ่งๆ วันที่พักไม่ได้ ต้องเหนื่อยทุกวันจนไร้เรี่ยวแรง นักพรตลัทธิเต๋าตัวน้อยจึงไม่มีโอกาสหลบหนีออกไปได้ เขาจึงติดอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขาอันห่างไกลแห่งนี้
ควายพูดจาภาษามนุษย์ คุกเข่าลงบนพื้น แล้วขอร้องให้ กวงผิงซานเหริน ช่วยเขา เขาห่างหายไปจากอารามมาสามวันแล้ว และอาจารย์ในวัดคงเป็นกังวลมาก
วิญญาณของเขาห่างหายจากร่างไปนานเกินไป แม้ว่าอาจารย์จะปกป้องร่างของตนไว้แต่ก็ย่อมอยู่ได้ไม่นานอย่างแน่นอน เมื่อเวลาผ่านพ้นไปความมีชีวิตชีวาของร่างกายดับลง แล้วเขาก็จะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตนั้นได้อีก
หลังจากฟังคำพูดของควายเฒ่า กวงผิงซานเหริน ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เขารู้สึกว่าแม้นักพรตลัทธิเต๋าตัวน้อยคนนี้จะซุกซน แต่เขาก็มีนิสัยไม่ชั่วร้าย
แม้ในยามวิกฤติที่สุดในชีวิต เขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคนหรือสัตว์เลย แต่เขากลับเต็มใจที่จะครอบงำควายเฒ่าที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักเพื่อชาวนาต่อไปทุกวัน
ดังนั้น กวงผิงซานเหริน จึงยอมซื้อราคาควายที่โตเต็มวัยเพื่อแลกกับควายเฒ่าที่ไม่สามารถไถนาได้อีกต่อไป และช่วยให้นักพรตลัทธิเต๋าตัวน้อยกลับคืนสู่กายหยาบของเขา
…
นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแปลกๆ ใน "บันทึกแห่งกวงผิง"
จินอันไม่รู้ว่ามันจริงมากน้อยแค่ไหน
แต่ตอนนี้จิตวิญญาณของเขากำลังถูกพรากออกจากกายหยาบของเขาแล้ว เขารู้สึกว่ามีลมกระโชกแรงอยู่รอบตัว ราวกับตกลงไปในธารน้ำแข็ง
นี่คือทหารหยินเดินทัพ วิญญาณของคนเป็นในโลกหยางจะถูกล่อลวงโดยทหารหยินหลังจากชนเข้ากับพวกเขางั้นเหรอ?
จินอันอยากขัดขืน แต่จิตวิญญาณของเขาอ่อนแอพอๆ กับตั๊กแตนตำข้าวที่ขวางรถก่อนขบวนร้อยวิญญาณจะเดินทางต่อ
จินอันไม่ยอมยอมแพ้ง่ายๆ!
ความโกรธสุมอก!
ความคิดฟุ้งซ่านรุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด!
เขาคิดด้วยความสิ้นหวังถึงวิธีการต่างๆ ที่เขาสามารถใช้เพื่อช่วเหลือยตัวเองได้!
ทันใดนั้น! ˆ
ออร่าของจินอันห็เปลี่ยนไป
จินอัน พยายามคิดหาจังหวะและลมหายใจของเสียงอันสง่างามเมื่อผนึกของจักรพรรดิดังขึ้นในจินใจของเขาเป็นครั้งแรก และเขาก็ระเบิดความโกรธออกมา: "ย๊าาาาาาาาาาาก"
มันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่สามารถมองเห็นได้ด้วยร่างจิตวิญญาณเท่านั้น ทันใดนั้น ลมและเมฆที่ทรงพลังโดยรอบทั้งหมดก็เปลี่ยนสีและหายไปแล้วจิตวิญญาณของจินอันแล้วเขาก็กลับคืนสู่กายหยาบของเขา
ในขณะที่จิตวิญญาณกลับเข้าร่าง!
จินอันซึ่งนอนอยู่บนเตียง หลับตาเกือบจะพร้อมกันแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับชักดาบออกมา
ดาบยาวที่ถืออยู่ในมือ เสียงฝีเท้าที่ดังลั่น เขารีบวิ่งออกจากบ้านด้วยฝีเท้าอันเกรี้ยวกราด
อย่างไรก็ตาม ลานสนามหญ้านั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ยกเว้นก็แต่ แกะจอมตะกละ ที่หลับสนิททุกครั้งไปยามที่ศัตรูมาเยือน
จินอันเกิดความสับสนเล็กน้อย
เสียงวิญญาณแก่ๆ ที่ดูอ้างว้างเมื่อกี้นี้ มันฟังดูคล้ายกับเสียงของไอ้เฒ่าไม้กายาสิทธิ์เลยไม่ใช่เหรอ?
จินอันเดินออกไปในลานสนามแล้วคิดอยู่พักหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ไปที่บ้านของ หลินลู่ ท่ามกลางความมืดมิดในเวลากลางคืน
เขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋า
นักรบประจำเมืองที่ลาดตระเวนยามค่ำคืนในเทศมณฑลฉางล้วนเป็นคนหนุ่มธรรมดาๆ พวกเขามีคนไม่เท่าเมืองฟู่เฉิง เลยทำให้ช่วงเวลาห้ามออกค่อนข้างเข้มงวดน้อยกว่า
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของจินอัน ตราบใดที่เขาไม่โง่พอที่จะกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านของคนอื่นแล้ววิ่งบนในเวลากลางคืน ทำหน้าที่เป็นเป้าที่มีชีวิตสำหรับหน้าไม้ของเหล่าทหาร เขาก็จะเลี่ยงนักรบประจำเมืองสองสามคนได้หากเขาต้องการ
เวลาห้ามออกมีไว้สำหรับคนสามัญทั่วไปเท่านั้น
นอกซะจาก
จะมีคนคอยหนุนหลังเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ละเมิดกฎหมายและไม่ฆ่าคน มือปราบเฟิงที่กำลังขอความช่วยเหลือจากเขาในตอนนี้จะช่วยเขาอย่างอแน่นอน
เมื่อ จินอัน แอบเข้าไปในบ้านของ หลินลู่ เขาเห็นว่าทุกอย่างในบ้านนั้นปลอดภัย ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นโลงศพสีขาว และยามตอนกลางคืนที่แข็งแกร่งหลายคนของตระกูลหลิน
แต่ไม่เห็นนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าอยู่ที่ลานสนาม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับ จินอัน ที่มาเยือนตอนกลางคืน ยามกลางคืนของตระกูลหลินต่างประหลาดใจ แต่การช่วยชีวิตคนเป็นสิ่งสำคัญ จินอันเลยไม่มีเวลาอธิบาย จึงรีบถามว่าอาจารย์เฉินเขาพักอยู่บ้านหลังไหน
เมื่อยามกลางคืนของตระกูลหลิน เห็นสีหน้าเป็นกังวลของจินอันว่ามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พวกเขาเลยกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าไปด้วย โดยปล่อยให้คนไม่กี่คนเฝ้าโลงศพ แล้ว หลินเหอซุ่น ก็รีบพา จินอัน ไปที่บ้านพักของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋า
...
“แค่ก แค่ก แค่ก …”
ทันทีที่เขามาถึงประตูบ้านพักของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋า เขาก็ได้ยินเสียงไอของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าดังมาจากในบ้าน จินอัน ซึ่งเดิมทีกังวลอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเขาก็เคาะประตู แล้วถามนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าลุกจากเตียงแล้วเปิดประตู เมื่อเขาเห็น จินอัน ที่ปรากฏตัวที่บ้านของหลินลู่ เขาก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“น้องชาย ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าดูหน้าซีดเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับเขา
นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ
“ท่านพรตเฒ่าเฉินใบหน้าของท่านซีดนิดหน่อยนะ ข้าเพิ่งเจอกับทหารหยินเดินทัพที่โรงเตี๊ยม แล้วก็มีคนเรียกชื่อข้านอกประตู คนๆ นั้นคือท่านใช่ไหม ท่านพรตเฒ่าเฉิน? ท่านได้รับบาดเจ็บจากทหารหยินเดินทัพรึเปล่า?”
เนื่องจากมีคนอื่นอยู่ด้วย จินอันจึงไม่สามารถเรียกไอ้เฒ่าไม้กายาสิทธิ์ได้
คราวนี้เขาเรียกเขาว่าท่านพรตเฒ่าเฉิน
ใครจะรู้ว่านักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าที่มีสีหน้าซีดเซียวแล้วพูดจากแปลกๆ ว่า : "ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บจากทหารหยินหรอก"
“แต่ข้าตกใจแทบตายกับเสียงตะโกนของเจ้าต่างหาก!”
(จบบทนี้)