ตอนที่แล้วบทที่ 19: พลิกผัน (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 21: การอ่าน (2)

บทที่ 20: การอ่าน (1)  


บทที่ 20: การอ่าน (1)

ดูจะไม่แปลกใจ? ถึงแม้ภายนอกใบหน้าของคังวูจินจะดูเฉยเมย แต่ที่จริงตอนนี้เขากำลังตะลึงเทพธิดาที่กำลังหัวเราะอยู่ตรงหน้าเขา ไม่สิ เป็น ฮงฮเยยอนดาราชั้นนำต่างหาก

“······”

ภายนอกเขาดูจิตใจมั่นคง สงบอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ความสงบอะไรที่ว่านั้นสักนิดเดียว ความคิดของเขามันหยุดชะงักไปตั้งแต่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นแล้ว

'…หา?'

คังวูจินตัวแข็งทื่อตั้งแต่ฮงฮเยยอนปรากฏตัว ใบหน้าของเขาแข็งค้างไป จนมันดูเย็นชาเหมือนกับที่คังวูจินเสแสร้งแสดงออกมา เป็นใครจะไม่แข็งค้างไปแบบเขากัน? ก็อยู่ ๆ เทพธิดาปรากฏตัวขึ้นมานิ

[เนื่องจากทางผู้แปลลองไปเช็คชื่อเรื่องทางต้นฉบับ แล้วเห็นว่าชื่อเรื่องปราบผีกับเนื้อเรื่องมันไม่ตรงกัน จึงขอเปลี่ยนจาก ‘ปราบผี’ เป็น ‘สำนักงานนักสืบ’ นะครับ]

"ไม่แปลกใจเลยงั้นเหรอเนี่ย? เอาเถอะ ฉันน่ะอยากจะแสดงในหนังสั้น 'สำนักงานนักสืบ' ด้วยได้ไหมคะ?"

เธออยากแสดงในหนังสั้น

"อ่า เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันอะไรกันครับเนี่ย?"

ทำไมดารานำหญิงของละครฟอร์มยักษ์ถึงอยากจะมาทำหนังสั้นอะไรที่นี่? ถ้ามีสัญญาณอะไรบอกมาก่อน มันก็คงจะพอเข้าใจได้ แต่ฮงฮเยยอนไม่ได้แจ้งอะไรเลย อันที่จริงคังวูจินแทบไม่ได้คุยกับเธอเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

'เรื่องนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?'

สมองที่หยุดทำงานของคังวูจินก็ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง เรื่องราวมันเริ่มใหญ่โตขึ้น มากกว่าตอนที่ผู้กำกับชินดงชุนยกเลิกสัญญาเป็นพันเท่า

ตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของฮงฮเยยอน

"คุณคังวูจิน คุณใจเย็นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย? นี่คุณคิดไว้อยู่แล้วว่าฉันจะมาแสดงใน 'สำนักงานนักสืบ' ด้วยงั้นเหรอ?"

เปล่าเลย ไม่ได้คาดคิดไว้เลยสักนิดเดียว คังวูจินไม่พูดอะไร เพราะอาการตกใจยังไม่หาย เขาแค่กังวลว่าเขาอาจจะเผลอพูดผิด ดังนั้นเขาจึงแค่ส่ายหัวไปมา

-ฟึบ

ฮงฮเยยอนเอียงหน้าเล็กน้อย แล้วจึงถามอีกครั้ง

“งั้นทำไมคุณถึงดูใจเย็นจัง? น่าเบื่อออก ฉันนึกว่าคุณจะประหลาดใจเสียอีก”

เขาประหลาดใจ ประหลาดใจมาก ๆ เลยล่ะ เขาอยากจะพูดออกไปตามตรง ซึ่งในไม่ช้า คังวูจินก็สามารถเปล่งเสียงออกมาเบา ๆ ได้

“ผมประหลาดใจอยู่นะครับ”

“ตลกแล้ว สีหน้าคุณไม่ได้มีความประหลาดใจอะไรเลยนะคะ”

ช่วงเวลานี้เอง คังวูจินกำลังพยายามเรียบเรียงความคิดของเขา เขาพยายามนึกว่าทำไมเทพธิดาคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วบางสิ่งบางอย่างก็แล่นผ่านความคิดของเขา เขาพึมพำถามไป

“PDซงมันวูเอ่ยถึงเรื่องนี้งั้นเหรอครับ?”

ผู้กำกับชินดงชุนกับPDซงมันวูสนิทกัน ถ้าหากต้องหาความเชื่อมโยงกับฮงฮเยยอน คงมีแค่เรื่องเดียว ซึ่งไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิด เพราะฮงฮเยยอนเพียงหัวเราะและปัดผมยาวสลวยของเธอไปมา

“ถูกแค่ครึ่งหนึ่งค่ะ”

กลิ่นหอมมากเลย อึก ไม่สิ คังวูจินรู้สึกตัวขึ้นมาทันที สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการยืนยันให้แน่ใจต่างหาก

“แล้ว…คุณต้องการจะแสดงใน ‘สำนักงานนักสืบ’จริง ๆ เหรอครับ?”

“ฉันก็บอกอยู่นี้ไงค่ะ หรือว่ามันไม่โอเคเหรอคะ?”

“ล้อกันเล่นแล้ว”

“ล้อเล่นอะไรกันคะ? ถึงฉันอาจจะดูเหมือนทำเป็นเล่นอยู่ตลอดเวลาจริง แต่ฉันยุ่งตลอดเลยนะคะ มีเวลาไหนมาล้อเล่นที่ไหนกัน?”

แม้กระทั่งตอนที่เธอโวยวาย เธอก็ยังดูราวกับเป็นเทพธิดา ช่างมันเถอะ ถ้าเธอยอมตกลงแบบนี้ด้วย แสดงว่ามันก็เป็นสิ่งที่ดีกับฉันใช่ไหม? เขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ถึงชื่อเสียงของคังวูจินยามนี้กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่จำกัด แต่อย่าลืมว่าเขาก็ยังคงเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ดี

เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่สามารถดึงฮงฮเยยอนมาร่วมงานด้วยได้

‘คะแนนพลังการต่อสู้ของคังวูจินเพิ่มขึ้น 1 ล้าน’

ยามนี้ ความกระตือรือร้นของคังวูจินคล้ายพุ่งสูงขึ้นไปอีก

“ถ้าคุณอยากทำ ก็เอาเถอะ”

"สรุปตกลงใช่ไหมคะ?"

ระหว่างนั้นเอง สายตาของคนที่อยู่ด้วยกับคังวูจินก็เบิกกว้าง เขามองสับไปมาระหว่างคังวูจินกับฮงฮเยยอนอย่างตะลึง

“······เอ่อ”

ผู้กำกับชินดงชุนยกมือขึ้น ปิดหน้าข้างหนึ่งแล้วเอ่ยปากออกมา

“เอ่อ คุณฮงฮเยยอน เชิญนั่งลงก่อนเถอะครับ”

แต่ฮงฮเยยอนส่ายหัวตอบ

“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลย เพราะฉันมีคิวต่อไปอีก เอ่อ คุณผู้กำกับชินดงชุน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สวัสดีค่ะ”

“อ๋อ… ใช่ครับ นานมากแล้ว แต่คุณฮงฮเยยอน คุณจะแสดงใน ‘สำนักงานนักสืบ’ จริง ๆ เหรอครับ? ผมขอโทษนะครับ คือมันค่อนข้างยากที่จะเชื่อ”

“ใช่ค่ะ ฉันอยากแสดง”

ฮงฮเยยอนที่ตอบสั้น ๆ วางปึกเอกสารที่เธอเอามาด้วยไว้ด้านข้างบนโต๊ะ มันคือบทหนัง ‘สำนักงานนักสืบ’

“ฉันอ่านบทไปหลายรอบแล้ว ถ้าผู้กำกับตกลง ฉันอยากจะรับบทเป็น ‘ภรรยา’ ค่ะ”

“คุณฮงฮเยยอน… คุณเอาจริงเหรอครับ? บทภรรยานั่นไม่ใช่บทตัวละครนำเลยนะครับ มันเป็นแค่ตัวประกอบและ‘สำนักงานนักสืบ’ เรื่องนี้ก็เป็นแค่หนังสั้นนะครับ?”

“เอาจริงค่ะ แล้วฉันก็รู้อยู่แล้ว หนังเรื่องนี้จะส่งไปประกวดที่ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ไม่ใช่เหรอคะ?”

“······หา? คุณรู้ได้ยังไงครับ?”

เมื่อถูกถามกลับ ฮงฮเยยอนจึงยิ้มหวาน ๆ แล้วยักไหล่

“ซีอีโอผู้เก่งกาจของฉันเป็นคนบอกมาเองค่ะ”

“เดี๋ยวก่อนครับ รอก่อน”

บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องวุ่นวายมากมายได้เกิดขึ้นพร้อมกันหมด ผู้กำกับชินดงชุนจึงทรุดตัวลงไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง จากนั้นเขาก็คิดสิ่งที่สงสัยอยู่บางอย่างขึ้นมาได้ เขาสบตากับฮงฮเยยอนอีกครั้ง

“คือว่า! ค่าตัวของคุณฮงฮเยยอน…ผมจ่ายไม่ไหวหรอกนะครับ”

“เรื่องนั้นฉันรู้ค่ะ”

ฮงฮเยยอนพึมพำเบา ๆ แล้วหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าสีน้ำเงินของเธออย่างเร่งรีบ เธอส่งมันให้กับผู้กำกับชินดงชุนโดยตรง

รอยยิ้มของเธอคล้ายยกกว้างขึ้น

“เรานี่แหละคือผู้ลงทุน เพราะงั้นคุณคงไม่ต้องกังวลแล้วใช่ไหมคะ?”

“หา? คุณจะเป็นผู้ลงทุนด้วยเหรอครับ?”

ผู้กำกับชินดงชุนถามด้วยเสียงอ่อนลง แล้วจึงหยิบนามบัตรที่ได้รับขึ้นมาดู

-บีดับเบิลยูเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

-ซีอีโอชเวซองกุน

บนนามบัตรมีชื่อบริษัทสังกัดของฮงฮเยยอนและตำแหน่งซีอีโอเขียนอยู่ เมื่อมองดูนามบัตรดังกล่าวแล้ว ผู้กำกับชินดงชุนก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง

“โอ้ ซีอีโอชเวซองกุน”

“คุณรู้จักเขาใช่ไหมคะ?”

“แน่นอนครับ คงเป็นเรื่องแปลกอยู่แล้วถ้าผมไม่รู้จัก แต่คือว่าบริษัทจะดูแลเรื่องการลงทุนด้วยเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ คุณสามารถติดต่อซีอีโอโดยตรงได้เลย”

เรื่องราวทุกอย่างกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว คังวูจินเพียงแค่เฝ้ามองดูด้วยหน้านิ่งเฉย เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะอยู่เฉย ๆ ฮงฮเยยอนเมื่อเห็นว่าคงถึงเวลาที่จะต้องออกไปแล้ว เธอจึงหันกลับไป จากนั้นก็หยุดชะงักครู่หนึ่ง

“โอ้ คุณผู้กำกับชินดงชุน กรุณาเก็บเรื่องที่ฉันจะเข้าร่วมและเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับฉันเป็นความลับไว้ให้ได้มากที่สุดนะคะ จนกว่าผลงานจะถูกส่งเข้าประกวดเลย”

เธอคว้าที่จับประตูของสำนักงานที่เช่าไว้ จากนั้นก็หันกลับมาหาคังวูจินอย่างกะทันหัน

“แต่ทำไมต้องเป็นหนังสั้น ‘สำนักงานนักสืบ’ ด้วยล่ะคะ?”

เขาเคยได้ยินคำถามที่คล้าย ๆ กันนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง ดังนั้นคังวูจินจึงตอบกลับอย่างมั่นใจ คล้ายกับที่เขาเคยตอบกลับไปตอนนั้น

“สัญชาตญาณ”

“สัญชาตญาณเหรอคะ? แหม! คุณช่างแปลกจริง ๆ เลยนะคะรู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย?”

“ก็คงงั้นแหละมั้ง”

ฮงฮเยยอนที่ทำท่าดูไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไรก็พึมพำเบา ๆ ขณะที่เธอกำลังออกจากสำนักงานไป

“เอาเถอะ ฉันคงจะได้รู้เองแหละเมื่อฉันได้เห็นมันด้วยตา ไว้ฉันจะติดต่อไปนะคะ”

-ปัง

ทันทีที่ประตูปิดลง ผู้กำกับชินดงชุนก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาหาคังวูจิน

“อะไรกันเนี่ย! คุณคังวูจิน! คุณเองก็คงไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ?!”

เมื่อครู่นี้…

“……..”

คังวูจินยังคงนิ่งเงียบไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นี่ไม่ใช่การรักษาภาพลักษณ์

เธอพูดว่า…

‘ไว้ฉันจะติดต่อไปนะ?’

เขาประหลาดใจมากกับคำพูดของฮงฮเยยอน

ช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันนั้น ในอพาร์ทเมนต์ของคังวูจิน

เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันในตอนเช้า คังวูจินจึงกำลังนอนอยู่บนเตียง เขาจ้องมองเพดานอย่างเลื่อนลอย แม้ว่าความคิดต่าง ๆ จะผุดขึ้นในใจมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของฮงฮเยยอนที่เขาได้พบในตอนเช้าวันนี้

เขามีความสุขจนออกนอกหน้านอกตา ไม่ต่างกับผู้กำกับชินดงชุนเลย แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนตนเองกำลังอยู่ในฝัน

“หมายความว่าฉันจะได้ทำงานในสองโปรเจคร่วมกับฮงฮเยยอนงั้นเหรอ?”

เมื่อมาถึงจุดนี้เอง คังวูจินก็นึกถึงเพื่อนของเขาอย่างคิมแดยัง อีกฝ่ายจะคิดอย่างไรถ้าได้ยินเรื่องนี้? เขาจะตกใจมากไหมนะ? ขณะที่คังวูจินหมกมุ่นอยู่กับความคิดไร้สาระเหล่านี้ เขาก็ลุกขึ้นทันที

แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ชัด

“ฉันจะอยู่เฉยไม่ได้แล้ว”

คังวูจินมีแรงจูงใจและฮึดสู้กว่าเมื่อวาน สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือคือบทอย่างเป็นทางการของ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ตอนที่ 1 ที่ได้รับเมื่อวานนี้ หน้าปกเป็นสีลาเวนเดอร์และชื่อเรื่องเขียนเป็นตัวอักษรสีขาวแบบพู่กัน

“งั้นนี่เองสินะ บทอย่างเป็นทางการ มันดูแตกต่างออกไปจริง ๆ”

มันต่างจากกองกระดาษธรรมดาทั่วไปมาก บทอย่างเป็นทางการคล้ายกับมีพลังกระตุ้นบางอย่างอยู่ คังวูจินก็รู้สึกอย่างนั้น

“อา ฉันจะถืออันนี้ไปที่กองถ่ายด้วยได้ใช่ไหมนะ?”

เขาเริ่มจินตนาการภาพตัวเขาเองกำลังดูบทนี้ในสถานที่ถ่ายทำ โดยมีทีมงานจำนวนมากวิ่งไปรอบ ๆ จากนั้นสักพักใหญ่เขาก็กลับมาสู่โลกความเป็นจริง

-แปะ

เขายิ้มน้อย ๆ และแตะอย่างแผ่วเบาไปที่สี่เหลี่ยมสีดำข้างบท ทันใดนั้นคังวูจินก็ถูกดูดเข้าไปในมิติว่างเปล่า

มิติว่างเปล่ามืดมิดและไม่มีที่สิ้นสุด

ความรู้สึกของมิติว่างเปล่าที่มืดมิดไม่มีที่สิ้นสุดก็ยังคงเหมือนเดิม มีสิ่งเดียวที่ต่างคงเป็นความกลัวที่ไม่มีอยู่อีกต่อไป ตอนนี้คังวูจินสงบใจลงมาก เพราะเขาเคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้หลายครั้งแล้ว

“ไหนมาลองซิ-”

คังวูจินหมุนตัวและเดินไปด้านหน้าของสี่เหลี่ยมสีขาวที่ลอยอยู่ สิ่งที่น่าสนใจคือ จำนวนสี่เหลี่ยมสีขาวที่เรียงกันลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ตอนนี้เหลือเพียง 3 อันเท่านั้น

ปกติควรมีมากกว่า 3 ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก คังวูจินได้ค้นพบการ ‘ลบ’ วิธีการนี้ง่ายมาก เพียงเลยเลือกสี่เหลี่ยมสีขาวที่ไม่ต้องการแล้วตะโกนลบ มันก็จะถูกลบไป

มันคล้ายกับคำสั่ง ‘ออก’ เพื่อออกไปข้างนอกเลย

คังวูจินผู้รักความเป็นระเบียบค่อนข้างชอบระบบนี้มาก มันทำให้ดูง่ายและสะอาดตาไม่เบาเลยว่าไหม?

หลังจากนั้นเอง...

-กึก

คังวูจินตรวจสอบสี่เหลี่ยมสีขาวที่ลดลงเหลือสามอัน

-[1/บทภาพยนตร์  (ชื่อเรื่อง: สำนักงานนักสืบ), ระดับ B]

-[2/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอน 1), ระดับ A]

-[3/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอน 1) ระดับ A+]

ในไม่ช้า เขาก็พึมพำเหมือนคาดการณ์ไว้

“อย่างที่คิดไว้เลย มันแยกแยะร่างบทกับบทอย่างเป็นทางการแยกกัน”

จริง ๆ แล้ว จนถึงเมื่อวานนี้ เรื่อง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ มีสี่เหลี่ยมสีขาวสองอันอยู่ในมิติว่างเปล่าของคังวูจิน แต่มันก็เพิ่งมามีอีกอันเพิ่มขึ้น ทำให้กลายเป็นสามอัน

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ บทละครอย่างเป็นทางการของ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ตอน 1 จะอยู่แยกกันกับแบบร่าง

บทร่างที่เป็นเพียงปึกกระดาษ กับบทภาพยนตร์อย่างเป็นทางการนั้นอยู่แยกกัน มันเป็นเรื่องปกติเลย เพราะแม้ว่าเนื้อหาจะเหมือนกัน แต่บทอย่างเป็นทางการจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น บรรยากาศของตัวเรื่อง

มาถึงจุดนี้เอง

“หืม?”

ในขณะที่มองดูสี่เหลี่ยมสีขาว คังวูจินก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่แตกต่างไปในอันที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามา

-[3/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอน 1) ระดับ A+]

สิ่งที่เปลี่ยนไปคือระดับที่ระบุไว้ท้ายเรื่อง

“A+? มีเครื่องหมาย ‘+’ ติดอยู่งั้นเหรอ?”

บทร่างแต่เดิมมีระดับแค่ A ทว่าบทละครอย่างเป็นทางการนี้มีเครื่องหมาย ‘+’ ติดอยู่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันมีระดับที่สูงขึ้น

“A+ แสดงว่าสูงกว่า A งั้นเหรอ? แล้วอะไรอยู่เหนือระดับนั้นล่ะ A++ หรือระดับ S?”

ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันคือการค้นพบครั้งใหม่ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นระดับ A+ มาก่อน แต่มันก็ทำให้คังวูจินรู้เรื่องหนึ่งในทันที

“แสดงว่าระดับมันไม่ได้ตายตัวสินะ?”

การที่ระดับเปลี่ยนไปถือเป็นเรื่องปกติ เพราะระหว่างการถ่ายทำ มันอาจมีกระบวนการขั้นตอนมากมายอยู่แล้ว ว่าแต่บทละครอย่างเป็นทางการนี้มันดีขึ้นขนาดไหนกัน?

คุณภาพสูงขึ้นกว่าเดิมงั้นเหรอ? เพราะมีการปรับเปลี่ยนบทเล็กน้อย?

ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม แต่การที่มันมีระดับสูงถือว่าดีแล้ว หากระดับต่ำไปคงจะเป็นปัญหา คังวูจิครุ่นคิดเรื่องนี้ไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะหันความสนใจไปยังที่สิ่งที่เขากำลังจะทำ

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็ควรจะลองอ่าน (สัมผัส) มันทั้งหมด”

อย่างน้อยหากเป็นไปได้ เขาก็ควรจะลองสัมผัสประสบการณ์ตัวละครในบทอย่างเป็นทางการของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอน 1 แน่นอนว่ารวมถึงบทของ 'รองหัวหน้าพัค' ด้วย

เอาเข้าจริง ๆ นี่ก็เหมือนการฝึกฝนของคังวูจิน

"เป้าหมายของฉันคือการเข้าถึงทุกตัวละครให้ได้"

ไม่ใช่เพียงแค่การมองจากมุมมองของรองหัวหน้าพัคเท่านั้น แต่เขาจะต้องเข้าใจมุมมองของตัวละครชายทุกตัวใน ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ด้วย สิ่งนี้มันจะได้ช่วยให้เขาเข้าใจบทละครได้มากขึ้น

"ฉันขาดความรู้ในด้านนี้อยู่พอสมควร เพราะงั้นถ้าฉันอยากจะตามนักแสดงชั้นนำที่เก่งกาจพวกนี้ทัน ฉันก็จำเป็นต้องมีอะไรสักอย่าง"

คังวูจินไม่รู้เลยว่านี่ก็เป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์บทละคร นั่นคือการทำความเข้าใจตัวละครแต่ละตัวและความสัมพันธ์ของพวกเขา การทำแบบนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพการแสดงของเขาได้ อันนี้เขาคิดขึ้นมาและสรุปด้วยตัวเอง จากมุมมองของคนนอกที่ไม่เคยแสดงละครอะไรมาก่อนเลย

ด้วยเหตุนี้ คังวูจิจึงน...

-[คุณได้เลือก 3/บทละคร (ชื่อเรื่อง: ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล ตอน 1)]

-[กำลังแสดงรายชื่อตัวละครที่พร้อมสำหรับการอ่าน (สัมผัสประสบการณ์)]

-[A:ยูจีฮยอง B:จอง ซังมิน C:แบซังมิน ... E:รองหัวหน้าพัค]

อันดับแรก เขาเลือกบทบาทนำชาย

[“กำลังเตรียมอ่าน ‘A:ยูจีฮยอง’…”]

ผ่านไปสักพัก

[“…การเตรียมพร้อมเสร็จสมบูรณ์ บทภาพยนตร์หรือบทนี้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก อัตราการดำเนินการ 100% เริ่มการอ่าน”]

คังวูจินถูกดูดเข้าไปในโลกของยูจีฮยอง ไม่ใช่รองหัวหน้าพัค

สองวันต่อมา

มันเป็นเวลาสายแล้ว คังวูจินตื่นขึ้นมาและขยี้ตาระหว่างทางไปห้องน้ำ

--ตืด…ตืด♬♪

โทรศัพท์มือถือของคังวูจินดังขึ้นอย่างกะทันหัน ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเสียงปลุก แต่มันไม่ใช่ มันเป็นสายโทรเข้า ผู้โทรคือผู้จัดการชินดงชุน ไม่นานนัก คังวูจินจึงเอียงคอเล็กน้อยแล้วรับโทรศัพท์โดยไม่ได้ปรับเสียงลง

-ติ๊ด

เขาเพิ่งตื่นนอน เสียงจึงทุ้มและแหบแห้ง

"ครับ ผู้กำกับ"

ในทางกลับกัน เสียงของผู้กำกับชินดงชุนทางโทรศัพท์กลับดูร่าเริงเป็นพิเศษ

"คุณคังวูจินครับ! ฮ่า ๆ คือผมอยากให้คุณไปที่ที่หนึ่งกับผมในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า คิดซะว่าเป็นการไปทานอาหารกลางวันแล้วกนัครับ!"

"ไปไหนเหรอครับ?"

"คุณจะได้เห็นเองเมื่อคุณมาครับ! โอ้ ผมลืมถามไปเลยว่าคุณติดธุระอะไรไหมครับ?"

ธุระเหรอ? ก็ไม่มีธุระอะไรเป็นพิเศษหรอก แต่การทำเป็นว่างเลยอาจจะส่งผลต่ออุปนิสัยที่เขาแสร้งทำอยู่ ดังนั้นคังวูจินจึงทำทีเป็นคิดอยู่สักพักใหญ่

"อืม-ช่วงกลางวันอาจจะติดขัดนิดหน่อย เอาเป็นประมาณบ่าย 3 โมงเป็นไงครับ?"

"ตกลงครับ งั้นเรานัดเจอกันประมาณนั้นนะครับ"

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

แม้ว่าอากาศจะอุ่นขึ้น แต่คังวูจินก็ยังคงสวมแจ็คเก็ตบุนวม เขาออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของเขาและเดินไปสักพัก ข้างถนนมีผู้จัดการชินดงชุนยืนยิ้มอยู่

"คุณคังวูจิน! ขึ้นรถครับ!"

ด้านหลังผู้จัดการชินดงชุนผู้กระตือรือร้น มีรถตู้สีดำจอดอยู่

“ฮ่า ๆ ผมยืมมันมาใช้ระยะยาวเพราะมันจำเป็นน่ะครับ”

คังวูจินรู้สึกดีที่มีรถยนต์มารับ ทันใดนั้นคังวูจินก็นึกจินตนาการถีงผู้จัดการในอนาคตของเขาขณะที่ก้าวขึ้นรถตู้ ทางด้านผู้กำกับชินดงชุนดูร่าเริงมาก เขาเองก็ขึ้นไปนั่งในที่นั่งคนขับอย่างรวดเร็ว

-บรื้นนน

รถตู้สตาร์ท เคลื่อนเข้าสู่ทางด่วนและเร่งความเร็ว ในขณะเดียวกัน ผู้กำกับชุนดงชุนที่กำลังขับรถก็คุยกับคังวูจินที่เบาะข้างคนขับอย่างไม่หยุดปาก

“เราโชคดีมากเลยนะครับที่จัดการการลงทุนได้อย่างเรียบร้อยแบบนี้ ฮ่า ๆ คุณฮงฮเยยอนคือผู้มีพระคุณจริง ๆ เป็นผู้มีพระคุณอย่างแท้จริงเลยครับ”

นักลงทุนรายใหม่คือบีดับบลิวเอ็นเตอร์เทนเมนต์ พวกเขาติดต่อบริษัทภาพยนตร์ทันที นักแสดงเองก็ได้ถูกคัดเลือกอย่างรวดเร็ว ฯลฯ มากมายจนมันเตรียมการเสร็จสิ้นหมดแล้ว คังวูจินพยักหน้าตอบเห็นด้วย หลังจากที่อีกฝ่ายเล่าไปพลางขับรถไปพลางมาประมาณ 2 ชั่วโมงมั้ง?

-เอี๊ยด!

รถตู้มาถึงเมืองพาจู จังหวัดคยองกี  ขณะที่คังวูจินลงจากรถ เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองตรงไปข้างหน้า มันไม่มีอะไรเลยนอกจากวิลล่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่

“อ๋อ”

คังวูจินรู้ทันทีที่เขาเห็นวิลล่า

"ถึงวิลล่าแล้วครับ"

"นั่นมันคล้ายกับวิลล่าใน 'สำนักงานนักสืบ' มากเลยนะครับ” ราวกับเพื่อตอบข้อสงสัยของเขา ผู้จัดการชินดงชุนที่ยืนอยู่ข้างคังวูจินก็ยิ้มอย่างมีความสุข

"ถูกต้องแล้วครับ วิลล่าหลังนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำหลักของ 'สำนักงานนักสืบ' ของเรา"

ความสูงสองชั้น ห้องนั่งเล่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นภายในได้อย่างชัดเจน ถนนร้างรอบ ๆ และภูเขาที่เต็มไปด้วยต้นไม้ทอดตัวยาวอยู่ด้านหลังวิลล่า ฯลฯ

บรรยากาศที่ค่อนข้างน่าขนลุก เหมือนกับวิลล่าใน 'สำนักงานนักสืบ' เด๊ะ ๆ

ผู้จัดการชินดงชุนที่เดินไปทางวิลล่าอีกสองสามก้าวก็เริ่มอธิบายออกมาต่อ

"เราสร้างฉากไม่ได้เลยครับ เพราะงบประมาณการผลิตมันน้อยไปหน่อย เรื่องแบบนี้มักจะเจอกันบ่อยในหนังสั้น"

ก็พอเข้าใจอยู่ แต่พวกเขาเจอวิลล่าที่คล้ายกันขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ขณะที่คังวูจินพึมพำกับตัวเอง ผู้จัดการชินดงชุนจึงหันกลับมาพูด

“ผมบังเอิญเจอสถานที่นี้ตอนที่ผมเขียนบทในช่วงแรก ๆ เลยเก็บมันไว้ในใจ ทันทีที่เรื่องลงทุนเรียบร้อย ผมก็เริ่มจองที่นี่ทันทีเลยครับ”

ผู้จัดการชินดงชุนหัวเราะ ก่อนจะบอกว่าคู่สามีภรรยาสูงวัยที่เป็นเจ้าของวิลล่าได้อนุญาตให้พวกเขาใช้สถานที่นี้ด้วยความเต็มใจแล้ว

-พึบ...

ทันใดนั้น เขาก็เดินไปยืนหน้าคังวูจินแล้วโชว์กระเป๋าเอกสารสีขาวที่เขาเอามาด้วย ไม่นานนัก ผู้จัดการชินดงชุนที่หน้าตาจริงจังขึ้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

"คุณคังวูจิน ตอนนี้เราจัดการทั้งนักลงทุนและบริษัทภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว โชคดีที่ดูเหมือนว่านักแสดงที่เหลือเองสามารถคัดเลือกได้โดยไม่มีปัญหาเลยครับ ทางด้านคุณฮงฮเยยอนก็ด้วย"

"โล่งอกไปทีนะครับ"

"ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคังวูจินเลยครับ"

ฉันทำอะไรกัน? ในความคิดของคังวูจิน เขาคิดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรพิเศษเลย ผู้จัดการชินดงชุนตาแดงก่ำเล็กน้อย ยื่นกระเป๋าเอกสารให้คังวูจิน

"ตอนนี้เหลือเพียงตัวเอกหลักคนเดียวครับ นี่ครับสัญญาอย่างเป็นทางการ"

คังวูจินรับกระเป๋าเอกสารอย่างใจเย็น ด้วยสิ่งนี้ คังวูจินก็จะได้รับบทบาทนำเรื่องแรกของเขาในภาพยนตร์ แม้ว่าจะเป็นหนังสั้นก็เถอะ ต่อมา ผู้กำกับชินดงชุนก็มองไปที่คังวูจินและยังคงอธิบายสาธยายยาวยืดต่อ

"แต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ การอ่านบทภาพยนตร์และกำหนดการถ่ายทำหลักน่าจะทับซ้อนกันพอสมควรครับ การถ่ายทำหลักจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม พวกเราวางแผนไว้สำหรับการถ่ายทำไว้ 5 วันครับ"

หากวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ผ่านไปแล้ว มันคงจะเหลืออีกประมาณสิบวันเท่านั้นก็ถึงวันที่ 10 มีนาคม กำหนดการถ่ายทำได้ถูกเลื่อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้คังวูจินแอบบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจขณะที่ยังคงพยายามวางท่าเฉยชา

'ว้าว ชักแอบประหม่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ย มันกำลังจะเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วสินะ'

ทันใดนั้น...

-ตืด ตืด

โทรศัพท์ของคังวูจินสั่น มีข้อความเข้า คังวูจินขออนุญาตผู้กำกับชินดงชุน ตรวจสอบผู้ส่งและเนื้อหาของข้อความ

-จาก PDซงมันวู

-[แชร์กำหนดการอ่านบทและ MT]

-[วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม ~ วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2 วัน 1 คืน]

การอ่านบทของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ถูกเลื่อนขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า

และเมื่อวันที่ 7 มีนาคมมาถึง

『[คุยข่าวดารา] เหล่านักแสดงชั้นนำตบเท้าเข้าร่วมโปรเจค "ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล" มุ่งหน้าสู่ MT และอ่านบท...ออกเดินทางวันพรุ่งนี้』

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับกะพริบตา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด