[ตอนฟรี] ตอนที่ 185 : ความผิดปกติของเขตมืด
“เขตมืดงั้นเหรอ มันเป็นสถานที่แบบไหนกัน?” จวินเซียวเหยาถาม
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มีความเข้าใจในทวีปดวงดาวเท่ากับเจ้านิกายเสวียนเทียน
เจ้านิกายเสวียนเทียนกล่าวตอบ “เรียนท่านบุตรพระเจ้า เขตมืดนั้นเป็นเขตแดนต้องห้ามของทวีปดวงดาว มันเป็นพื้นที่ที่แปลกประหลาดและพิสดารถึงขีดสุด”
“ภายในทวีปดวงดาวนั้นไร้ซึ่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ มีเพียงแสงจากเหล่าดวงดาวเท่านั้น และเขตมืดก็เป็นพื้นที่ที่มืดอย่างยิ่ง แม้แต่แสงจากดวงดาวก็ส่องไปไม่ถึง”
“ดูราวกับว่าทั่วทั้งเขตมืดกำลังดูดกลืนแสงสว่างทั้งหมด เพราะเหตุนี้เองที่มันถูกเรียกว่าเป็นเขตแดนต้องห้ามของทวีปดวงดาว”
“อืม เป็นเช่นนี้นี่เอง” จวินเซียวเหยาพยักหน้า เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก
มีเขตแดนต้องห้าม พื้นที่เร้นลับ และมิติศักดิ์สิทธิ์อยู่มากมาย
แค่แดนต้องห้ามของดินแดนเบื้องล่าง จวินเซียวเหยาไม่ได้รู้สึกสนใจอยู่แล้ว
สิ่งที่เขากำลังคิดคือมันจะมีสมบัติของพระราชวังแห่งดวงดาวที่จ้าวดาราอู๋จี๋ทิ้งไว้อยู่หรือเปล่า
“เจ้าบอกว่าทั่วทั้งเขตมืดนั้นมืดสนิท แต่ไม่นานมานี้กลับมีแสงแปลก ๆ ส่องออกมาใช่รึเปล่า?” จวินเซียวเหยาถามต่อ
“ถูกต้องขอรับ เพราะเรื่องประหลาดนี้เองที่ทำให้ผู้คนพากันแตกตื่น” เจ้านิกายเสวียนเทียนตอบ
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปเขตมืดหน่อยก็แล้วกัน” จวินเซียวเหยาตัดสินใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของจวินเซียวเหยา ดวงตาของเจ้านิกายเสวียนเทียนถึงกับเบิกกว้าง
พูดกันตามตรง เขตมืดนั้นพิลึกพิลั่นมากจริง ๆ และบางจุดเองก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปอีกด้วย แม้แต่เขาก็ยังไม่เคยเหยียบเท้าเข้าไป
แต่เมื่อนึกถึงสถานะและความแข็งแกร่งของจวินเซียวเหยาแล้ว เจ้านิกายเสวียนเทียนก็ต้องกลืนคำพูดที่จะห้ามปรามกลับลงไป
ในดินแดนเบื้องล่าง มันจะมีพื้นที่ต้องห้ามไหนที่สามารถคุกคามบุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินได้อีก?
ในเวลาเดียวกับที่เขตมืดเกิดความผิดปกติ
ทั่วทั้งทวีปดวงดาวก็เริ่มเกิดความอลหม่าน
เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากทุกฝ่ายต่างพากันมุ่งหน้าไปยังเขตมืด หวังว่าจะได้รับโชคชะตาบางอย่าง
“เร็ว ๆ นี้มีแต่เหตุการณ์ใหญ่โตเกิดขึ้น และในช่วงเวลาที่วุ่นวาย วีรบุรุษย่อมเผยตัวออกมา ข้าต้องคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ให้ได้!”
วิหคเพลิงหลายตัวพุ่งทะยานข้ามผ่านท้องฟ้า ด้านบนมีเหล่าผู้บ่มเพาะของสำนักเทพอัคคียืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือจ้าวเลี่ย
แววตาของจ้าวเลี่ยกำลังลุกโชน
หลังจากได้เห็นพลังของจวินเซียวเหยาครั้งล่าสุด จิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและความไม่ยินยอม
เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับและทำได้แค่ก้มหัวแน่ ๆ
แม้แต่คนที่เขาชื่นชอบอย่างธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายบัวสีชาด ฉู่หงอี ก็หลงเสน่ห์ของบุตรพระเจ้าแห่งดินแดนอมตะ
นอกจากจ้าวเลี่ยแล้ว ยังมีโอรสดาราสวรรค์แห่งสำนักดาวตกที่มีความรู้สึกคล้าย ๆ กัน
เขาเองก็คิดว่าในครั้งนี้น่าจะมีโชคชะตาบางอย่างให้ค้นหาในเขตมืด
ถ้าเขาสามารถคว้าโอกาสครั้งนี้เอาไว้ได้ ไม่แน่ว่าเขาอาจไล่ตามเหล่าอัจฉริยะของดินแดนอมตะได้ทัน
นิกายบัวสีชาดเองก็มุ่งหน้าไปยังเขตมืดเช่นกัน
“สงสัยจังว่าท่านบุตรพระเจ้าจะไปด้วยหรือเปล่า?” ดวงตาเรียวงามของฉู่หงอีฉายแววคาดหวัง
…
พื้นที่ของเขตมืดตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีปดวงดาว ท่ามกลางดินแดนรกร้างที่ไร้ผู้คน
แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เสียงอึกทึกครึกโครมกลับดังขึ้นทุกช่วงขณะ และปรากฏเรือเหาะ สัตว์บินโบราณ พาหนะมากมายหลายประเภทที่บรรทุกกลุ่มของผู้บ่มเพาะที่เดินทางมาถึง
ไม่ว่าจะเป็นหอทงเทียน นิกายปีกเลือด หุบเขาเทียนหลัว …
ขุมกำลังแนวหน้าของทวีปดวงดาวทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่นี่
ห่างออกไปไม่ไกล ปรากฏวิหคเพลิงกำลังกระพือปีก เรือเหาะกำลังบินข้ามท้องฟ้า และยังมีกลุ่มคนนั่งบนดอกบัวสีแดงบินมา
“นั่นคนของสำนักเทพอัคคีกับสำนักดาวตก แถมมีคนจากนิกายบัวสีชาดด้วย!” บางคนกระซิบกระซาบ
ขุมกำลังเหล่านี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากที่สุดภายใต้นิกายเสวียนเทียนแล้ว
“จ้าวเลี่ย ฉู่หงอี พวกเจ้าสองคนมากันจริง ๆ ด้วย” โอรสดาราสวรรค์ส่ายหัวและยิ้ม
“เขตมืดเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะมีสมบัติล้ำค่าแบบใดกำเนิดขึ้น เป็นพวกเจ้าจะไม่สนใจรึ?” จ้าวเลี่ยถาม
“ข้าน้อยหาได้สนใจ ข้าน้อยมาเพื่อดูว่าท่านบุตรพระเจ้าจะมาด้วยหรือเปล่าเท่านั้น” ฉู่หงอีเม้มริมฝีปากและยิ้มอย่างมีเสน่ห์
เมื่อจ้าวเลี่ยได้ยินคำพูดนั้น สายตาของเขาก็ยิ่งมืดมนลงอีก
“เอาเถอะ ไม่มีใครรู้ว่าเขตมืดแห่งนี้ซ่อนอันตรายอะไรไว้บ้าง จะได้โชคอะไรมา ก่อนอื่นก็ต้องมีชีวิตรอดออกมาก่อน” โอรสดาราสวรรค์กล่าว
ทั้งสามเงียบลงชั่วครู่
พวกเขามองไปยังเขตมืด มันมืดสนิทจนแม้แต่แสงก็ถูกกลืนเข้าไป
แต่ลึกเข้าไปในความมืดมิด กลับมีจุดแสงเล็ก ๆ ปรากฏขึ้น มันส่องประกายระยิบระยิบท่ามกลางความมืดที่รายล้อม
หากมองคร่าว ๆ มันดูราวกับว่าจุดแสงนั้นส่องสว่างออกมาจากส่วนลึกสุดของเขตมืด
ในขณะเดียวกัน เขตมืดแห่งนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนต้องห้ามของทวีปดวงดาว มีคนน้อยมากที่จะกล้าเข้าไป
สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ดูเหมือนจะมีสนามพลังพิเศษที่ครอบคลุมเขตมืดเอาไว้
ผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงเกินไปจะพบว่ามันยากมากที่จะก้าวเดินต่อไป
มีเพียงผู้บ่มเพาะในระดับที่ต่ำกว่าเก้าขั้นปรมาจารย์เท่านั้นที่เข้าไปได้
กล่าวคือ ระดับการบ่มเพาะสูงสุดที่สามารถเข้าไปได้คือขอบเขตเพลิงศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง
ในตอนนี้ บริเวณโดยรอบของเขตมืดกำลังแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาถึง
แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปเป็นคนแรก และรอดูท่าทีของคนอื่น
ในขณะที่สถานการณ์กำลังถึงทางตัน
เสียงคำรามกัมปนาทของสิงโตก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า ตามมาด้วยราชสีห์เก้าเศียรที่กำลังลากรถม้ามา
“บุตรพระเจ้าแห่งตระกูลจวินมาจริง ๆ ด้วย!”
ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างตกตะลึง
ฉู่หงอีเงยหน้ามองด้วยแววตาที่รู้สึกสนใจ
โอรสดาราสวรรค์ จ้าวเลี่ย และอัจฉริยะทั้งหลายต่างมีสีหน้าจริงจัง
การมาถึงของจวินเซียวเหยา แม้จะมีโชคชะตาปรากฏขึ้นจริงบนโลก พวกเขาย่อมไม่มีทางได้รับส่วนแบ่ง
แม้แต่น้ำซุปสักหยดก็ยากที่จะได้รับ
จวินเซียวเหยาก้าวออกมาจากรถม้าทองคำ เขายังดูสง่างามและสูงส่งในชุดสีขาวเช่นเคย
มีเพียงอี้ยวี่เท่านั้นที่เขาให้ตามมา แม้แต่ซู่จื่อฉงก็ไม่ได้มาด้วย
เพราะก่อนจะมา จวินเซียวเหยาได้ข้อมูลมาว่ามีสนามพลังพิเศษที่ปกคลุมเขตมืดอยู่
ต่อให้เจ้านิกายเสวียนเทียน บรรพชนตงเฉวียน หรือคนอื่น ๆ มาด้วย พวกเขาก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี และทำได้แค่รออยู่ข้างนอกเท่านั้น
ดังนั้น ในการเดินทางครั้งนี้ จวินเซียวเหยาจึงนำมาแค่ราชสีห์เก้าเศียรและอี้ยวี่
จวินเซียวเหยาเหลือบมองไปที่ฝูงชนโดยรอบ แต่ไม่พบกลิ่นอายที่พิเศษ
“เจ้าพวกนั้นน่าจะมาถึงกันแล้ว พวกมันใช้ทักษะพิเศษปกปิดกลิ่นอาย หรือว่าเข้าไปในเขตมืดกันแล้วนะ?” จวินเซียวเหยาคิดในใจ
แน่นอนว่าคนที่เขากำลังมองหาก็คือโม่ฝานกับเย่ซิงหยุน
แต่ตอนนี้เขายังไม่พบร่องรอยของสองคนนั้น
สายตาของจวินเซียวเหยาจ้องมองไปยังเขตมืดอีกครั้ง
มันเป็นพื้นที่ที่มืดสนิท แม้แต่แสงก็เจาะเข้าไปไม่ได้
แต่ในส่วนลึกของมัน กลับมีจุดแสงเล็ก ๆ กำลังระยิบระยับอยู่
เพราะมันอยู่ไกลมาก ผู้คนจึงมองเห็นได้ไม่ชัด
“มีสนามพลังพิเศษอยู่จริง ๆ มันดูเหมือนจะเป็นม่านพลังที่ใช้คัดกรองและจำกัดผู้คนที่จะเข้าไป”
“บางที จ้าวดาราอู๋จี๋คงไม่อยากให้ตัวตนที่ทรงพลังเข้าไปแย่งสมบัติของเขา หรือไม่แน่ เขานั่นแหละที่กำลังรอเวลาที่จะเอาสมบัติของตัวเองคืน!”
สายตาของจวินเซียวเหยาดูลึกล้ำ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ก้าวไปด้านหน้า
อี้ยวี่และราชสีห์เก้าเศียรติดตามไปอย่างใกล้ชิด
“บุตรพระเจ้าออกตัวแล้ว เขากล้าเข้าไปในเขตมืดจริงๆ!”
“ไม่อยากจะเชื่อ นั่นคือเขตมืด ดินแดนต้องห้ามที่พิสดารที่สุดของทวีปเชียวนะ บุตรพระเจ้าไม่พูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้าไปดื้อ ๆ เลย!”
การกระทำของจวินเซียวเหยาก่อให้เกิดความฮือฮาไปทั่วโดยไม่ต้องสงสัย
เทียบกับตัวเองแล้ว อัจฉริยะทั้งหลายถึงกับรู้สึกอับอายเล็กน้อย
พวกเขาถึงขั้นไม่กล้าก้าวออกไปเป็นคนแรก แต่จวินเซียวเหยานั้นไม่ลังเลเลย
นี่คือจิตวิญญาณของผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เมื่อจวินเซียวเหยาเป็นคนนำ เหล่าอัจฉริยะก็เริ่มมีความกล้ามากขึ้น
โอรสดาราสวรรค์ จ้าวเลี่ย ฉู่หงอีและคนอื่น ๆ ก็ตามเขาเข้าไปในเขตมืดคนแล้วคนเล่า
ไม่นานหลังจากที่จวินเซียวเหยาและคนอื่น ๆ เข้าไปข้างใน
มีร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นไกลออกไป เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเย่ซิงหยุนและโม่ฝาน
ทั้งสองสวมใส่ชุดคลุมพิเศษที่สามารถปิดกั้นการสอดแนมได้ทั้งหมด
“จวินเซียวเหยา การประลองครั้งนี้เกิดขึ้นในบ้านของข้า เจ้าจะเอาอะไรมาสู้กับข้าได้?” เย่ซิงหยุนยิ้มเยาะ
เขาอดเปรี้ยวไว้กินหวานมานาน ก็เพื่อช่วงเวลานี้ไม่ใช่หรือ?
มุ่งมั่นจนถึงที่สุด มีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้เป็นราชา!