บทที่ 63 เก้าปราณกระบี่
หลังหยางเสี่ยวเทียนเดินพ้นออกจากสนามประลอง เขาก็รุดหน้าก้าวต่อไปยังหอคัมภีร์ประจำสำนักเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการนำมาต่อยอดความสำเร็จ
พอเข้ามาในหอคัมภีร์ เขาก็เดินตรงดิ่งหาชั้นคัมภีร์ฝึกวรยุทธเพลงดาบอื่นๆ ที่น่าสนใจ และเนื่องจากสามารถหยิบยืมคัมภีร์วรยุทธได้เพียงครั้งละเล่ม หยางเสี่ยวเทียนจึงเลือกเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจเป็นเล่มแรก
เพลงกระบี่ปีศาจ แม้จะเป็นเคล็ดวิชากระบี่ขั้นพื้นฐานหรือเรียกอีกอย่างว่าขั้นเซียนยุทธ์ แต่กลับมีพลังที่เหนือกว่าเพลงกระบี่สือซานที่อยู่ในระดับเดียวกันอย่างมาก
หากฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบ พลังจะเทียบเท่ากับเคล็ดวิชาขั้นเซียนสวรรค์เลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้ ที่เฉินปิงเหยาท้าประลองกับหยางเสี่ยวเทียนในครั้งที่สอง เขาก็ใช้เพลงกระบี่ปีศาจเข้าต่อสู้ ซึ่งดูแข็งแกร่งน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
ทันทีที่หยางเสี่ยวเทียนเดินออกไปพร้อมกับเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจ หูซิงผู้ลอบเฝ้าดูอยู่ตลอดในหอคัมภีร์ ก็แปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นมืดลงด้วยความเคียดแค้นที่สุด
“ข้าไม่คิดว่าหยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ จะสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้จริงๆ” เฉิงเป้ยเป้ยมองยังแผ่นหลังของผู้ที่จากไปพลางขมวดคิ้ว
“เพลงกระบี่สือซาน เป็นเพียงเคล็ดวิชาขั้นเซียนยุทธ์เท่านั้น การฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์ได้นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด” หูซิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
ไม่ช้าเขาก็ยิ้มเยาะก่อนจะกล่าวว่า “บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้วอย่างไร ก็ไม่สามารถเลื่อนระดับวิญญาณยุทธ์เข้าสู่ระดับเจ็ดได้ สุดท้ายก็กลายเป็นคนไร้ค่าแล้วถูกขับออกจากสำนักอยู่ดี”
หลังหยางเสี่ยวเทียนเดินพ้นจากประตูหอคัมภีร์ได้ไม่นาน เขาก็หยิบคัมภีร์เคล็ดวิชากระบี่ปีศาจขึ้นมา แล้วพลิกอ่านมันระหว่างเดินทางกลับจวนโดยไม่เร่งรีบ
กว่าจะเดินถึงจวนที่ใช้เวลากลับเพียงนาน เขาก็จดจำกระบวนท่าจากเคล็ดวิชากระบี่ปีศาจได้ครบอย่างสมบูรณ์
เคล็ดวิชากระบี่ปีศาจมีการเคลื่อนไหวเพียงสิบแปดกระบวนท่าเท่านั้น เป็นเคล็ดวิชากระบี่ชั้นยอดขั้นเซียนยุทธ์ ซึ่งมีชื่อเสียงมากในด้านความเร็วของกระบี่
ณ เมืองซิงเยว่
เวลานี้เอง เงินที่หยางเสี่ยวเทียนฝากทางหอการค้านำมามอบให้ทั้งสอง ก็เพิ่งส่งถึงมือหยางเฉาและหวงอิ๋งยังเรือน
แม้จะเพียงหนึ่งพันหนึ่งร้อยเหรียญทอง แต่ก็ถือเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับหยางเฉาและหวงอิ๋งในตอนนี้มาก
พอครั้นได้รับเงินของบุตรชายที่ส่งมาให้ ทั้งสองก็ต่างพากันร่ำไห้ด้วยปิติยินดีเคล้าเวทนาต่อโชคชะตา ที่ทำให้ผู้เป็นบุตรชายต้องมาลำบากลำบนเช่นนี้
ส่วนทางฝั่งของหยางไห่ ที่พอได้รับข่าวว่าหยางเสี่ยวเทียนยังอยู่ฝึกในสำนักเสินเจี้ยนต่อ เพื่อรอพิสูจน์เรื่องวิญญาณยุทธ์เต่าขยะเขาเพียงชั่วคราว
ก็ยิ่งทำให้เขาเดือดพล่าน ใช้มือทั้งสองพลิกโต๊ะน้ำชาเบื้องหน้าของตนจนคว่ำทิ้งไปหลายตลบเสียงดังโครมคราม
“ท่านหัวหน้าใหญ่อย่าได้เป็นกังวล นายน้อยหยางจงกล่าวไว้ในสาส์นว่า หากหยางเสี่ยวเทียนไม่สามารถเลื่อนระดับวิญญาณยุทธ์ถึงระดับเจ็ดได้ภายในหนึ่งปี จะต้องออกจากสำนักเสินเจี้ยน” พ่อบ้านของหยางไห่รีบอธิบาย
ไม่ช้า เขาก็ยกมุมปากยิ้มแล้วกล่าวอย่างมั่นใจ “วิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนก็เป็นเพียงระดับสองมาตั้งแต่แรก มันไม่มีทางทะลวงถึงระดับเจ็ดได้อยู่แล้ว”
จากนั้นกล่าวเสริม “นอกจากนี้ หยางเสี่ยวเทียนยังถูกอาจารย์และหูซิงขุ่นเคือง ชีวิตที่ใช้อยู่ในสำนักเสินเจี้ยนหนึ่งปี มิมีทางราบรื่นเป็นแน่”
บัดนี้ ความเกรี้ยวกราดของหยางไห่เมื่อครู่ก็เริ่มเบาบางลงมากเมื่อได้ยินดังนั้น
……
อีกด้านหนึ่ง หลังจากหยางเสี่ยวเทียนกลับถึงจวน แล้วกำลังจะเดินผ่านเรือนเล็กไปยังลานฝึกยุทธ์ สายตาก็พลันหันเห็นอัตและอาลี่ฝึกฝนเพลงดาบคร่าวิญญาณอยู่หน้าเรือนท่าทีมุ่งมั่นตั้งใจ
เขาจึงไม่อยากขัดจังหว่ะทั้งสองคน และใช้ทางเดินอ้อมไปยังลานฝึกยุทธ์แทน ทันทีที่เขามาถึง ก็เริ่มตั้งท่าร่ายรำตามกระบวนท่าจากเคล็ดวิชาเพลงกระบี่ปีศาจ ที่เพิ่งได้ใช้เวลาอ่านทำความเข้าใจขณะกลับถึงจวนนี้เอง
ตอนนี้ หยางเสี่ยวเทียนไม่ได้ใช้กระบี่ตงเทียน แต่ใช้เพียงกระบี่ยาวธรรมดาในการฝึกฝนเท่านั้น
เมื่อเขาเริ่มเหวี่ยงกระบี่ ก็พลันปรากฏภาพธรรมของกระบี่หลายเล่มทันที ซึ่งมากถึงแปดปราณกระบี่! อีกทั้งปราณกระบี่ของเขายังมากกว่าที่เฉินปิงเหยาแสดงออกมาหนึ่งเล่ม
กระบวนท่าเพลงกระบี่ปีศาจมุ่งเน้นด้านความเร็ว การเคลื่อนไหวของกระบี่แต่ละครั้งสามารถสำแดงปราณกระบี่ออกมาได้ถึงเจ็ดเล่ม จึงจะเรียกว่าบรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อย
ทว่าตอนนี้ เพียงหยางเสี่ยวเทียนกวัดแกว่งกระบี่ครั้งแรก มันก็ปรากฏปราณกระบี่ออกมาถึงแปดเล่มแล้ว
หากสามารถปลดปล่อยปราณกระบี่ออกมาได้เก้าเล่ม นั่นก็แปลว่าบรรลุถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศ
ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็สามารถร่ายรำเพลงกระบี่ปีศาจได้ครบทั้งสิบแปดกระบวนท่า
หลังจากหยุดร่ายรำ หยางเสี่ยวเทียนก็ยืนนิ่งอยู่ครู่ แล้วชักกระบี่ออกมาแสดงกระบวนท่าอีกครั้ง
ทว่า ครั้งนี้กลับต่างออกไป เพราะการเคลื่อนไหวของกระบี่แต่ละกระบวนนั้น รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
ก่อนหน้ายังพอมองเห็นรูปลักษณ์ของกระบี่ได้ แต่ขณะนี้ กระบี่กลับทวีความเร็วเพิ่มมากขึ้นจนมิอาจใช้ตามองเห็นอีกต่อไป
ในตอนที่กระบี่สำแดงปราณออกมาได้แปดเล่ม จู่ๆ ปราณกระบี่อีกหนึ่งเล่มก็พลันปรากฏขึ้น ผสานการโจมตีเข้ากับอีกแปดเล่มก่อนหน้าทันที
เก้าปราณกระบี่!
ทันทีที่ปรากฏปราณกระบี่ออกมาเก้าเล่ม ท่วงท่าร่ายรำของหยางเสี่ยวเทียนก็พริ้วไหวรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นไปอีก
ปราณกระบี่ของเพลงกระบี่ปีศาจในขั้นสำเร็จเล็กน้อยนั้น เป็นภาพมายาถึงเจ็ดเล่มและเป็นปราณกระบี่แท้ที่ใช้ทะลุทะลวงได้เพียงเล่มเดียวเท่านั้น
แต่ทว่า หลังจากฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นฉลาดล้ำเลิศแล้ว ปราณกระบี่ทุกเล่ม จะล้วนเป็นกระบี่จริงที่ใช้ทะลุทะลวงได้ทั้งสิ้น
นั่นหมายความว่าบัดนี้ ปราณกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนทุกเล่มล้วนเป็นกระบี่จริงไร้ซึ่งมายา
หยางเสี่ยวเทียนยังคงร่ำเพลงกระบี่ปีศาจไปเรื่อยๆ ร่างกายเขาก็รวดเร็วขึ้นจนดูเลือนลาง