ตอนที่แล้วบทที่ 61 หนึ่งเพลงกระบี่ก็พอ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 63 เก้าปราณกระบี่

บทที่ 62 กระบี่อยู่ที่ใจ


ปฏิกิริยาเฉินหยวนแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน ใบหน้าเขาซีดเซียวลงเต็มไปด้วยความประหลาดใจยิ่ง

ขณะที่หลินหยง เฉินหยวน และคนอื่นๆ ยืนตะลึงงันดั่งตกอยู่ในห้วงภวังค์ความฝันอันน่าเหลือเชื่อ หยางเสี่ยวเทียนก็โผงตัวไปพร้อมกระบี่ในมือ โจมตีเซี้ยฉู่ทันที

ทันใดนั้น ร่างของเซี้ยฉู่ก็เหินขึ้นไปบนอากาศ ลอยละลิ่วราวกับว่าวที่ขาดเชือก พร้อมปลิวออกจากสนามประลองอย่างไว

บูม!

ไม่ช้า ร่างของเซี้ยฉู่ก็ตกลงมากระแทกเข้ากับพื้นอย่างรุนแรง ปฐพีแตกระแหงสั่นสะเทือน เศษหิน ดิน กระเบื้องกระจายเป็นชิ้นๆ ทำฝุ่นคละคลุ้งกลบร่างจนเห็นเพียงเลือนลาง

เฉิงเป้ยเป้ย หยางจง หูซิงและคนอื่นๆ ยืนมองตาค้างนิ่งไม่อาจกระพริบลง พลางอ้าปากอย่างเหลือเชื่อ

แม้แต่เกาลู่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน เพราะไม่นานมานี้ เขาเพิ่งประสบเห็นเพลงกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนที่ฝึกในห้อง บรรลุถึงขั้นสำเร็จเล็กน้อยเท่านั้น มิมีทางใช้ปราณกระบี่เช่นนี้ได้แน่

“กระบี่อยู่ที่ใจ! ปราณกระบี่นั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว! นี่คือขั้นสมบูรณ์แบบ!” เกาลู่พึมพำกับตัวเอง ในจังหวะที่ทุกคนโดยรอบต่างเงียบสงัด ส่งเสียงเพียงบางเบาดังชัดมากกว่าปกติ

ขั้นสมบูรณ์แบบ!

ศิษย์หลายคนที่ได้ยินดังนั้น ก็พลันหันมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยความไม่อยากเชื่อ

“เจ้าฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!” เกาลู่แผดเสียงร้องถามออกไปดังลั่น เพราะมันยากที่จะยอมรับข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้าได้

“หนึ่งวันก็เพียงพอแล้ว สำหรับบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ!” หยางเสี่ยวเทียนเหยียดยิ้มให้เกาลู่ขณะกล่าวน้ำคำราบเรียบ

ทันทีที่ได้ยินแลเห็นรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้าเจ้าเด็กคนนี้ เกาลู่ก็พลันยกมือขึ้นกุมหน้าอก ยืนโคลงเคลงราวจะล้ม คล้ายอยากอาเจียนเป็นเลือด

เพื่อบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบ ใช้เพียงวันเดียวก็พองั้นหรือ

เจ้าเด็กเหลือขอนี่ ตั้งใจกล่าวประชดได้เจ็บแสบนัก!

เขาจงใจกล่าวว่าตนสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซาน จนบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ภายในหนึ่งวันเช่นนี้ เพราะต้องการเพียงถากถางให้อาจารย์เกาลู่โกรธจนกระอักเลือดตายไปเลยหรืออย่างไร

หลินหยงสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด พยายามสงบสติอารมณ์เต็มที่แล้วเอ่ยถามหยางเสี่ยวเทียน “ลูกเอ๋ย เจ้าฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานมานานแค่ไหนแล้วงั้นหรือ”

บัดนี้ สีหน้าของหลินหยงอ่อนลงอย่างมากหากเทียบกับเมื่อก่อน ทั้งน้ำเสียงก็นุ่มนวลไม่ระแคะระคายหู ฟังดูเป็นมิตรยิ่ง

อย่างไรก็ตาม เขายังไม่เชื่อว่าหยางเสี่ยวเทียนจะสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบได้ในวันเดียวจริงๆ

หยางเสี่ยวเทียนรู้ดีว่าหลินหยง เฉินหยวน รวมทั้งคนอื่นๆ ต้องไม่เชื่อในสิ่งที่เขากล่าวออกไปเมื่อครู่ ดังนั้นเขาจึงกล่าวโป้ปดออกไปสีหน้านิ่งเฉย

“ข้าฝึกฝนมาหนึ่งปีแล้ว”

แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น หลังจากฝึกฝนเมื่อคืนนี้ เขามิเพียงฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังได้ฝึกฝนเพลงกระบี่สี่ฤดูและเพลงหมัดราชันพยัคฆ์อีกด้วย

“โอ้… นับเป็นเรื่องยากมากที่จะฝึกฝนเพลงกระบี่สือซานให้บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบภายในหนึ่งปี!” หลินหยงถึงกับกล่าวชื่นชมออกมาด้วยความประหลาดใจยิ่ง

เพราะคนส่วนใหญ่ ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนชีวิต ก็มิอาจฝึกฝนวรยุทธจนบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้

แต่ทว่า หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ กลับสามารถทำได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น นับว่ามีฝีมืออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

หลังจากหยางเสี่ยวเทียนได้ยินคำชมของหลินหยง เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าดีใจแต่อย่างใด

หลินหยงกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นอีกครา “เสี่ยวเทียน แม้เจ้าจะฝึกฝนเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานจนบรรลุขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว แต่อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาด เจ้ายังต้องมุ่งมั่นฝึกฝนเพลงกระบี่สี่ฤดูให้หนัก จนสามารถบรรลุขั้นฉลาดล้ำเลิศก่อนสอบปลายภาคอีกด้วย เข้าใจใช่หรือไม่”

แม้นในใจของหยางเสี่ยวเทียนจะอยากอธิบาย อยากจะบอกกล่าว ว่าตนได้สำเร็จเคล็ดวิชาเหล่านี้แล้ว แต่สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับต่อคำชี้แนะของเจ้าสำนักเท่านั้น

ส่วนทางฝั่งเซี้ยฉู่ ที่ได้รับการช่วยเหลือจากคนของหูซิงพยุงให้ยืนขึ้น เขายังคงจับตามองหาหยางเสี่ยวเทียนด้วยนัยน์ตาโกรธแค้นไม่ลดละ แม้นสีหน้าก่อนหน้าจะเต็มเปี่ยมความตื่นตกใจ

ซึ่งหยางเสี่ยวเทียนเพียงเหลือบมองเซี้ยฉู่ด้วยสีหน้าแสดงความเกลียดชัง ก่อนเขาเผยยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ก็อย่าลืมเดิมพันเสียละ จงไปยังประตูสำนัก แล้วคุกเข่าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามตามข้อตกลงซะ”

ทันทีที่เซี้ยฉู่ได้ยินดังนั้นก็พลันแข้งขาอ่อนแรง มีใบหน้าซีดเซียวจนเกือบหมดสติ

พอกล่าวคำนั้นจบลง หยางเสี่ยวเทียนก็หันหลังเดินจากไป ตามด้วยกลุ่มคนที่เริ่มทยอยออกจากสนามประลองไปทีละคน ทีละคน

“ช่างน่าเสียดาย” หลินหยงมองตามแผ่นหลังที่กำลังจะลับตาไปนั้น ก่อนก้มหน้าลงส่ายศรีษะด้วยเวทนาสงสาร

พรสวรรค์ด้านกระบี่ของหยางเสี่ยวเทียนนับว่าไม่เลว แต่วิญญาณยุทธ์กลับมีระดับที่ต่ำเช่นนี้ เขาถูกสวรรค์ลิขิตให้ไม่อาจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต ช่างน่าเวทนายิ่งนัก

เฉินหยวนก็เป็นอีกคนที่มองหยางเสี่ยวเทียนแล้วทอดถอนใจยาว ก่อนเอ่ยขึ้น “คงจะดีมิใช่น้อย หากเด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับวิญญาณยุทธ์ระดับสิบ”

แม้นมิใช่ระดับสิบ แต่อย่างน้อยระดับเก้าก็ยังดี หากเป็นเช่นนี้ได้จริง เด็กคนนี้จะต้องกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในสักวันอย่างแน่นอน

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด