บทที่ 18: พลิกผัน (3)
บทที่ 18: พลิกผัน (3)
“…ระดับ A หรืออาจจะถึงขั้นระดับแนวหน้าด้วยซ้ำ? หนังสั้น ‘การไล่ผี’ เนี่ยนะครับ?”
พนักงานตอบกลับด้วยสีหน้าสับสน ขณะเดียวกัน ซีอีโอซอกูซอบผู้มีหน้าตาคล้ายสุนัขพันธุ์บูลด็อกกลับมีแววตาที่ดูมั่นใจ
“ถ้าไม่ใช่แบบนั้น มันจะมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ? เดิมทีหนังสั้น 'การไล่ผี' มันก็เป็นแค่หนังขยะที่ลอยเคว้งอยู่กว่า 2 ปีหลังจากสร้างบทเสร็จไม่ใช่เหรอ?”
“อ๋อ-ก็จริงครับ”
“แต่เราอุตส่าห์จัดหาให้พัคจองฮยอกมาเป็นพระเอก ให้เงินลงทุน แม้ว่าจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ก็เป็นนักแสดงดาวเด่นไม่ใช่หรือไง? มีหนังกี่เรื่องกันที่มีการจัดพานมอบทุกอย่างให้แบบนี้ คิดดูสิว่ามีหนังสั้นเรื่องไหนจะได้เงื่อนไขแบบนี้ไป?”
“แทบไม่มีเลยครับ”
“แต่หมอนั่นกลับยกเลิกข้อตกลงทุกอย่างใช่ไหมล่ะ? ถึงแม้เรื่องอดีตของพัคจองฮยอกอาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อย แต่จะกังวลจนกล้ายกเลิกสัญญาทั้งหมดเลยเหรอ?”
“…”
พนักงานเหลือบมองพัคจองฮยอก บนโซฟาห้าที่นั่งด้านหลังเขาแล้วจึงลดเสียงให้เบาลง
“เอ่อ แต่ถ้าพวกเขามุ่งมั่นที่จะคว้ารางวัลจาก ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ด้วยหนังสั้น ‘การไล่ผี’…มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่ากังวลเล็กน้อย”
"ใครมันจะไปสนเทศกาลเก่า ๆ แบบนั่นกัน แค่ที่พวกมันสร้างหนังห่วย ๆ แบบนี้ออกมาได้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว แถมพัคจองฮยอกยังถือเป็นสุภาพบุรุษแล้วด้วยนะ กระทั่งพวกเลวร้ายยิ่งกว่านี้ยังไปเทศกาลหนังสั้น ‘มิสอองแซง’ ได้สบาย ๆ เลย"
ขณะพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ซีอีโอซอกูซอบจึงเดินไปโซฟาห้าที่นั่งที่พัคจองฮยอกนั่งอยู่
“ผู้จัดการพัค เรื่องมันเป็นยังไงนะ? แกเป็นคนพาพวกดาราหน้าใหม่ไปหาชินดงชุนใช่ไหม? มีนักแสดงคนอื่นอยู่บ้างไหมตอนที่เขาไป?”
“อ๋อ-มีครับ มีครับ ตอนนั้นเขาอยู่ในห้องประชุมกับนักแสดงที่ผมไม่รู้จัก ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก”
“ไม่รู้จักงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ ดูจะเป็นนักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงเลย”
คำว่า 'นักแสดงที่ไม่รู้จัก' ทำให้ซีอีโอซอกูซอบเดาะลิ้นเบา ๆ และแสดงปฏิกิริยาเฉยชาออกมา
“ดูเหมือนเขาคงกำลังสัมภาษณ์ไอ้หน้าโง่สักคนสำหรับบทบาทเล็ก ๆ น้อย ๆ เราคงไม่จำเป็นต้องกังวลสนใจอะไรเรื่องนี้หรอก ว่าแต่ผู้จัดการพัค ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ไม่มีอะไรอีกแล้วครับท่านซีอีโอ แต่ว่าถ้าตอนนี้มีนักแสดงระดับ A หรือสูงกว่าเข้าร่วมแสดงกับผู้กำกับชินดงชุน…บริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่นฟิล์มจะไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอครับ?”
“พวกเขาต้องรู้อยู่แล้วสิ”
ซีอีโอซอกูซอบเห็นด้วย เขาเคาะที่พักแขนโซฟาด้วยนิ้วชี้ ในขณะเดียวกัน พัคจองฮยอกที่นั่งอยู่ด้านซ้ายไขว่ห้างพร้อมเอ่ยขึ้น
“บริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่นฟิล์มแอบไปดึงตัวใครมาหรือเปล่า? ผู้กำกับชินดงชุนมีเส้นสายพอควรนิ”
จากนั้น ซีอีโอซอกูซอบก็ตีต้นขาตัวเอง
“จริงด้วย ในอดีตเขามีประสบการณ์มากมายในฐานะผู้กำกับละครโทรทัศน์ เพราะงั้นเขาคงจะมีเส้นสายอยู่บ้างแหละ…อ่า จะว่าไปชินดงชุนสนิทกับPDซงมันวูไม่ใช่เหรอ?”
พัคจองฮยอกจึงตอบไปว่า
“สนิทกันมากเลยล่ะครับ พวกเขาเหมือนพี่น้องกันเลย”
“PDซงมันวูมีเครือข่ายเส้นสายนักแสดงระดับแนวหน้าอยู่หลายคน ถ้าทั้งสองคนนี้ร่วมมือกัน ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาจะเลือกนักแสดงระดับ A มาแสดงในหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ได้”
ตรงจุดนี้เอง พนักงานตรงหน้าก็ได้แสดงความเห็นอย่างระมัดระวัง
“ผมไม่คิดว่าจะเป็นนักแสดงระดับแนวหน้านะครับ มันดูแทบเป็นไปไม่ได้เลย ถึงแม้ว่า ‘การไล่ผี’ จะสามารถเข้าชิงรางวัลใน ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’...แต่นักแสดงระดับ A ดูจะเวอร์มากเกินไปหน่อยนะครับ อย่างดีก็คงเป็นนักแสดงระดับ B ที่มารับบทบาทสมทบ อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้กำกับชินดงชุนลังเล เลยเลือกนักแสดงระดับ B มาแทนเพราะกลัวหรือเปล่าครับ?”
“ฮึ่ม-”
ความหมายคือ เขาเลือกนักแสดงระดับ B ที่ปลอดภัยกว่าพัคจองฮยอก ผู้ซึ่งเคยก่อเรื่องอื้อฉาว แม้ว่าจะเคยเป็นนักแสดงระดับแนวหน้าน่ะเหรอ?
“ถ้าเป็นนักแสดงระดับ B หรือต่ำกว่านั้น...คงมีแต่เรื่องน่ารำคาญเข้าไปใหญ่”
ไม่ว่ากรณีไหน สำหรับซอกูซอบ ซีอีโอของจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ นี่ถือเป็นสถานการณ์ที่น่าหงุดหงิดมาก ถ้าเรื่องนี้แพร่ไปตามสื่อ พวกเขาคงจะลือกันว่าพัคจองฮยอกถูกปลดออกจากหนังเปิดตัวครั้งใหม่
แถมหนังที่เขาใช้เปิดตัวยังเป็นแค่หนังสั้นอีกต่างหาก
โชคดีที่กระบวนการทั้งหมดนี้ได้ดำเนินไปอย่างลับ ๆ ทว่ามันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่า บริษัทจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ถูกผู้กำกับชินดงชุนแห่งหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ดูถูก
“เฮ้อ เฮงซวย”
ใบหน้าของซอกูซอบ ซีอีโอหน้าตาคล้ายสุนัขพันธุ์บูลด็อกยิ่งย่นมากขึ้น เขาสั่งพนักงานตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา
“ไปสืบเรื่องชินดงชุนมาซิ ถ้ามีนักแสดงระดับ A เข้าร่วมจริง ข่าวลือคงกำลังจะแพร่สะพัดไปทั่วเองอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไร ก็แสดงว่าเขาเอานักแสดงกาก ๆ มาเล่นแทน”
“เข้าใจแล้วครับ”
“และเพราะเขาเริ่มต้นใหม่หมด เขาคงกำลังมองหาผู้ลงทุนอยู่ ให้แกไปโน้มน้าวพวกนั้นไว้ โดยเฉพาะพวกบริษัทผลิตหนังอิสระกับหนังสั้น”
“....ให้โน้มน้าวแบบไหนเหรอครับ?”
“ไปกระซิบ ๆ ให้พวกมันรู้ว่าอย่าได้ลงทุนแม้แต่แดงเดียวกับหนังสั้น ‘การไล่ผี’ !”
“ครับผม! เข้าใจครับ!”
“ถ้ามันไม่มีเงิน มันก็สร้างหนังไม่ได้หรอก”
ซีอีโอซอกูซอบที่กำลังตะโกนออกมา ก็หันศีรษะไปทางพัคจองฮยอกที่อยู่ทางซ้าย
“พัคจองฮยอก ฉันจะให้บทหนังสั้นสำหรับ ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ แก่นายไปอีกเป็นสิบ ๆ เรื่อง แล้วก็รีบดูอย่างละเอียดและเลือกมาสักเรื่องภายในวันพรุ่งนี้ด้วย”
พัคจองฮยอกยักไหล่และยิ้ม
“ครับ ๆ - แต่คุณซีอีโอ ครั้งนี้คุณจะผลักดันผมอย่างหนักเลยใช่ไหมครับ”
“ฉันต้องพูดอีกเหรอ? ฉันจะทุ่มเทให้อย่างแน่นอน เพราะงั้นนายเองก็อย่าได้ละเลยและต้องมุ่งมั่นด้วย ทำให้แน่ใจว่านายจะได้รับเลือกเรื่องที่มันดีกว่าหนังสั้น ‘การไล่ผี’”
“อย่าลืมสิครับว่าผมเคยมีประสบการณ์การแสดงหลายปี”
ไม่มีผู้กำกับคนไหนที่สามารถไล่พัคจองฮยอกออกได้ ลองย้อนดูผลงานภาพยนตร์ของเขาสิ เอาเข้าจริง ๆ ผลงานการแสดงของเขามันค่อนข้างน่าประทับใจไม่หยอกเลย ซึ่งผ่านไปสักพักหนึ่ง ซีอีโอซอกูซอบก็ย่นหน้าจนคล้ายสุนัขพันธุ์บูลด็อก
“ฉันอยากให้นายบดขยี้หนังสั้น 'การไล่ผี' เรื่องนี้เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีของฉัน ถ้าเป็นไปได้ ก็สร้างผลงานที่มันมีคุณภาพระดับรางวัลใน 'เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง' เลย”
เขาพ่นคำพูดออกมาอย่างรุนแรง
“เพื่อให้ไอ้ชินดงชุน ไอ้สารเลวนั้นล้มลงไปกองกับพื้นด้วยความเสียใจ”
หลังจากนั้น
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือบังเอิญ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลงานที่คังวูจินเข้าไปเกี่ยวข้อง ทุกอย่างดูจะโกลาหลเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้คนที่ร้อนรุ่มมากที่สุดคือ...
“ฟู่-คุณคังวูจินก็ตกลงแล้ว ตอนนี้ฉันคงต้องไปติดต่อบริษัทหนังก่อนสินะ”
ผู้กำกับชินดงชุนแห่งหนังเรื่อง ‘การไล่ผี’ ด้วยเหตุที่เขาโละทุกอย่างที่กำลังดำเนินการอยู่ การติดต่อบริษัทอื่นจึงกลายเป็นงานสำคัญอันดับหนึ่งของเขา ด้วยเหตุนี้ สัญญากับคังวูจินจึงถูกเลื่อนออกไปก่อน แต่พวกเขาได้ตกลงเรื่องบทนำกันแล้ว และก็ตัดสินใจที่จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการหลังจากยืนยันบริษัทผู้สร้างแล้ว
นอกจากนั้น เขายังต้องการนักลงทุน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือต้องการเงิน
บริษัทผู้ผลิตไม่ใช่สิ่งสำคัญมากนัก แต่มันเป็นข้อกำหนดพื้นฐานที่ต้องมี และผู้กำกับชินดงชุนจำเป็นต้องหาเงินทุนควบคู่ไปกับการติดต่อบริษัทผู้ผลิตด้วย แต่ว่ามันเหลือเวลาน้อยมากพอสมควร ‘เทศกาลหนังสั้นมิสอองแซง’ ก็ใกล้จะมาถึงแล้วด้วย
“ถ้ามันหาไม่ได้ ฉันคงต้องหาเงินจากเส้นสายของฉันสักทางแล้วล่ะ”
แต่น้อยคนนักที่จะยอมปล่อยเงินก้อนโตมาให้โดยไม่คิดอะไร แถมมันยังเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงอย่างหนังสั้นอีก กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สถานการณ์ของผู้กำกับชินดงชุนยามนี้ดูจะยากลำบากมากพอสมควร
ตอนนี้เขาเครียดจนอายุของเขามันแทบจะลดลงไปสองปีเลย
หากถามว่ามันมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ก็คงเป็นการที่คังวูจินได้รับเลือกเป็นตัวเอก เรื่องนี้แหละที่ทำให้ผู้กำกับชินดงชุนกลับมาเต็มไปด้วยพลัง เขาแจ้งข่าวคร่าว ๆ ให้PDซงมันวู พี่ชายคนสนิทของเขารู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันทั้งหมดแล้ว
“พี่ครับ ผมโยนทุกอย่างที่ผมมีกับบริษัทจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ทิ้งไปหมดแล้ว และผมกำลังเริ่มต้นใหม่ แน่นอนว่าได้คังวูจินมาเป็นพระเอกด้วยครับ”
ทางโทรศัพท์ PDซงมันวูก็ยินดีกับเขามาก
“ดีมาก ทำดีแล้ว หนทางตอนนี้อาจจะขรุขระมากหน่อย แต่ถ้าเอ็งมองไปข้างหน้า นั่นแหละคือทางที่ถูก ว่าแต่การเจอกับคังวูจินเป็นยังไงบ้าง?”
“เขายอดเยี่ยมมากเลยครับ เขาแสดงความชื่นชอบในหนังสั้น 'การไล่ผี' ของผม และเขายังเข้าใจบทหนังมากกว่าผมที่เป็นผู้กำกับเสียอีก มันเหมือนกับว่าเขาได้เข้า ๆ ออก ๆ กองถ่ายตลอดเวลา ถึงหน้าจะดูไม่ใช่แบบนั้น แต่เขาดูมีความหลงใหลมากเลยล่ะครับ”
“เขาเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าอยู่แล้วล่ะ เป็นจังหวะดีมากเลยนะ เพราะคังวูจินหลังจากนี้จะกลายเป็นคนที่ค่าตัวแพงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
"ครับผม พี่ครับ คือว่าถ้ารอออกอากาศปุ๊บ กระแสตอบรับคงดีแน่ ๆ ครับ ผมเลยอยากขอรบกวนพี่ก่อนถ่ายทำหน่อย ช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคุณคังวูจินให้ผมฟังหน่อยสิครับ ให้ไปถามจากเจ้าตัวคงไม่ได้"
“ฉันก็ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน เขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยปริศนา แต่ฉันจะบอกสิ่งที่ฉันรู้แล้วกัน ว่าแต่อีกฝ่ายไม่ได้ติดต่อมาก่อนเลยเหรอ?”
“ครับ? อีกฝ่าย? ยังไงเหรอครับ?”
“เอ่อ…ไม่มีการติดต่อกันมาก่อนงั้นเหรอ? เป็นคนที่แปลกมากเลยแฮะ...อืม ช่างเถอะ”
สุดท้าย PDซงมันวูก็ได้เอ่ยคำถามหนึ่งขึ้นมา
“ว่าแต่คังวูจินได้บทของเอ็งมาจากไหนงั้นเหรอ?”
ผู้กำกับชินดงชุนส่ายหัวไปมา
“เอ่อ-คือผมฟุ้งซ่านมากจนลืมถามไปเลยครับ”
***
สองวันต่อมา
วันธรรมดาก็ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เป็นวันเสาร์ที่ 22 กล่าวอีกนัยคือ สุดสัปดาห์มาถึงแล้ว ผู้กำกับชินดงชุนยังคงวิ่งวุ่นไปมาอย่างบ้าคลั่ง และ ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ก็กำลังเดินหน้าไปด้วยความมุ่งมั่นในระดับเดียวกัน
เรื่องนี้กำลังอยู่ในช่วงเตรียมการสร้าง
นักแสดงที่เหลือทั้งหมดได้รับการยืนยันแล้ว ฉากและสถานที่ถ่ายทำสำหรับฉากแรก ๆ ก็ได้รับการตัดสินใจแล้ว นอกจากนี้ บทภาพยนตร์อย่างเป็นทางการสำหรับตอน 1 ได้ถูกแจกจ่ายให้กับนักแสดงแต่ละคนแล้วด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น บทสรุปสำหรับการประชุมบทภาพยนตร์และการประชุมการผลิต การถ่ายทำโปสเตอร์และงานประกาศการผลิตก็ได้รับการตัดสินใจแล้ว
ด้วยเหตุนี้ สตูดิโอซีบลูจึงเริ่มมุ่งเน้นไปที่การโปรโมทขนานใหญ่
『[ประเด็นร้อน] ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ซีรีส์ที่น่าจับตามองที่สุดของครึ่งปีแรกได้เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเตรียมการก่อนการถ่ายทำและเตรียมอ่านบทละครแล้ว』
『'ฮงฮเยยอน' นางเอก 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพ' อวดโฉมความงามราวเทพธิดาในงานปาร์ตี้แบรนด์แฟชั่น / รูปภาพ』
『SBC จะประสบความสำเร็จหรือไม่? ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ มาแล้ว! กระแสความนิยมยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน』
ในขณะเดียวกัน นักเขียนชื่อดังพัคอึนมีก็กำลังวางแผนการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
“ฮึ่ม-”
เธอนั่งลงดูวิดีโอบนโน๊คบุ๊คของเธอ มันเป็นวิดีโอแสดงคังวูจิน วิดีโอที่คังวูจินแสดงเป็น ‘รองหัวหน้าพัค’ เป็นครั้งแรก
หลังจากดูวิดีโอเสร็จ นักเขียนพัคอึนมีก็พูดว่า
"อืม เข้าใจเลย คงต้องลองปรับให้ดูเย็นชาขึ้นอีกนิด แต่เวลาเขาแสดง คงต้องให้เพิ่มแววตาที่ดูคลั่งเข้าไปหน่อย"
ไอเดียบรรเจิดเริ่มผุดขึ้นมา มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะดูเหมือนเธอกำลังได้รับแรงบันดาลใจจากนักแสดงที่รับบทเป็นตัวละคร "หัวหน้าพัค" ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ต้องขอบคุณเขาเลย
-แต่ก-แต่ก-แต่ก!
ด้วยมือที่กดแป้นพิมพ์อย่างว่องไว พัคอึนมีเริ่มปรับบทละครที่เขียนไปถึง 4 ตอนแล้ว ตั้งแต่ตอน 2 ถึงตอน 4 เธอได้ปรับปรุงบทใหม่ตั้งแต่วันจันทร์หลังสุดสัปดาห์ มันเสร็จแล้วโดยคร่าว ๆ ซึ่งเมื่อPDซงมันวูอ่านบทที่ปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์ในการประชุมบทละคร เขาก็พูดว่า
“······อา คุณนักเขียนพัคอึนมี”
เขายกย่องนักเขียนพัคอึนมีด้วยสายตาที่เบิกกว้าง
“คุณภาพของบทภาพยนตร์ดีขึ้นหลายเท่าเลย! ตั้งแต่จิตใจของตัวละครไปจนถึงความแน่นของเนื้อหา...ตัวละครอื่น ๆ ก็เหมือนกัน”
ไม่ใช่แค่ยกย่อง แต่เขาชื่นชมเธอเป็นอย่างมาก
“บทรองหัวหน้าพัคนี้มันอะไรกัน? มิติของตัวละครมันสุดยอดเกินไปแล้วไหมครับ?”
***
วันต่อมา วันอังคารที่ 25
ฉากอยู่ในสตูดิโอถ่ายภาพนิตยสาร เต็มไปด้วยทีมงานหลายสิบคน กล้องขนาดใหญ่และนักแสดงหญิงในชุดสูท
“เยี่ยมมากครับ! คุณฮงฮเยยอน! ครั้งนี้ลองปลดเสื้อแจ็คเก็ตอดูไหมครับ?”
ฮงฮเยยอนปล่อยผมยาวสยาย สวมชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างดี พอดีตัวและรองเท้าแบรนด์เนม
– เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นรัวเร็ว แชะ! แชะ! แชะ!
เธอเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางให้เข้ากับชัตเตอร์ที่ดังขึ้น เธอเป็นมืออาชีพจริง ๆ ทุกคนที่เห็นเธอจะต้องอ้าปากค้างกับความสวยอันน่าทึ่งของเธอแน่
แล้วก็
“โอเคครับ! เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาถ่ายอีกทีใน 10 นาทีครับ!”
หลังจากเสียงตะโกนของทีมงานดังขึ้น ฮงฮเยยอนที่กำลังถอดเสื้อสูทก็เดินไปยังจุดพักของเธอที่มีทีมงานเกือบ 10 คนรออยู่แล้ว
“พี่ฮเยยอน พักเหนื่อยหน่อยนะคะ!”
น้ำเปล่าและโทรศัพท์มือถือถูกส่งให้กับฮงฮเยยอน จากนั้นเธอก็นั่งลงพร้อมกับกองกระดาษที่วางอยู่บนเก้าอี้ กองกระดาษที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยมีคำต่อไปนี้บนหน้าปก
-‘การไล่ผี’
ใช่แล้ว กองกระดาษนี้คือบทภาพยนตร์เรื่อง ‘การไล่ผี’ และในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฮงฮเยยอนกำลังอ่านบทภาพยนตร์ ‘การไล่ผี’ อย่างตั้งใจ กระทั่งในกองถ่ายนี้ก็ด้วย
ทันใดนั้นเอง
-ตือ ตือ
โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น ผู้โทรคือ ชเวซองกุน ซีอีโอของบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ต้นสังกัดของฮงฮเยยอน เนื่องจากเธอมีธุระกำลังจะติดต่อกับเขาพอดี ฮงฮเยยอนจึงรับสายทันที
“ว่าไงพี่?”
ชเวซองกุนถามทางโทรศัพท์
“เธออยู่ระหว่างถ่ายแฟชั่นเหรอ? คุยได้ไหม?”
“อืม ตอนนี้ฉันพักอยู่”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะพูดให้กระชับเลยแล้วกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘การไล่ผี’ ดูเหมือนว่าการผลิตจะหยุดลงแล้วล่ะ”
“อะไรนะคะ?? ทำไมล่ะ?”
“ดูเหมือนผู้กำกับชินดงชุนจะเป็นคนถอนตัวออกจากโปรเจค ‘การไล่ผี’ เองน่ะ บริษัทผู้ผลิตคือบลูวิชั่นฟิล์ม ตอนแรกพวกเขาก็เงียบ ๆ กัน แต่ฉันลองตรวจสอบผ่านทางสายของฉันดู เหมือนจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์จะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ?”
“....จีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์งั้นเหรอ? ฉันไม่ห็นเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะคะ?”
“เหมือนพวกเขากำลังลอบทำอะไรอยู่เลย คงต้องลองมาประกอบจิ๊กซอว์ข้อมูลทั้งหมดหน่อยแล้วแหละ”
ซีอีโอชเวซองกุนเริ่มเล่าถึงการคาดเดาของเขา
“ตอนแรกโปรเจคนี้จีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นคนดูแล แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผู้กำกับชินดงชุนถึงถอนตัวออกไป แล้วไอ้หนุ่มคังวูจินที่เธอพูดถึงก็โผล่มาแทน รู้สึกเหมือนไอ้คนที่หน้าคล้ายบูลด็อกของจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์จะวางแผนอะไรสักอย่าง ซึ่งมันจะเป็นอะไรได้กันล่ะ? คงเป็นเรื่องไอ้หนุ่มพัคจองฮยอกนั่นแหละ”
“อ๋อ”
“อีกฝ่ายคงคิดจะพาเขากลับมาวงการล่ะมั้ง นี่แค่การคาดเดาของฉันนะ แต่บริษัทจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์อาจต้องการที่จะฟอกตัวพัคจองฮยอกใหม่ผ่านหนังสั้น ‘การไล่ผี’ แต่มันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าผู้กำกับชินดงชุนยกเลิกสัญญากับบริษัทจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ ทำให้บริษัทจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ย่อมโมโหเป็นธรรมดา และตอนนี้พวกเขาถึงขั้นไปขู่บริษัทผลิตภาพยนตร์อิสระและหนังสั้นเลย”
“ไปขู่? หมายความว่ายังไง?”
“ก็ดูเหมือนว่าจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์จะเป็นนักลงทุนรายใหญ่ พอสัญญาถูกยกเลิก ผู้กำกับชินดงชุนจึงต้องหาเงินเองอีกครั้ง เธอคิดว่าซอกูซอบ ไอ้เจ้าสุนัขบูลด็อกของจีจีโอเอนเตอร์เทนเมนต์ที่โมโหจะอยู่นิ่งเฉย ๆ งั้นเหรอ?”
กาคาดเดาของชเวซองกึนใกล้เคียงสถานการณ์จริงไม่มีผิด ฮงฮเยยอนที่หน้าบึ้งตึงก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน
“พี่กำลังบอกว่าพวกเขาเปลี่ยนนักแสดงนำแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเงินทุน ดังนั้นพวกเขาก็เลยสร้าง ‘การไล่ผี’ ไม่ได้งั้นเหรอ?”
“คงเป็นอย่างนั้นแหละมั้ง?”
“ต้นทุนการผลิตเท่าไรเหรอ?”
“คงมีแค่ผู้กำกับชินดงชุนเท่านั้นแหละที่จะรู้”
“………”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฮงฮเยยอนที่คิดไม่ตกจึงพึมพำใส่โทรศัพท์ของเธอ ทันใดนั้นเธอก็คิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน
“พี่ บริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนท์ของเราก็เตรียมเงินไว้ลงทุนพวกโปรเจคอะไรทำนองนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
***
ในขณะเดียวกัน ณ ที่ทำงานของนักเขียนพัคอึนมี
คังวูจินกำลังนั่งตัวตรงบนโต๊ะครัว ในห้องทำงานของนักเขียนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“นี่มันที่ทำงานหรืออพาร์ทเม้นท์กันแน่?”
เขาเดินทางมาตามคำเชิญของPDซงมันวู คังวูจินเพิ่งมาถึง ส่วนอีกฝั่งของเขามีPDซงมันวู และนักเขียนพัคอึนมีกำลังนั่งอยู่
ในตอนนี้เอง
“คุณคังวูจิน”
PDซงมันวูที่ไว้หนวดเครา ยิ้มอย่างอ่อนโยนเพื่อคลายความเกร็ง
“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณมาที่ทำงานของคุณนักเขียนพัคอึนมีใช่ไหมครับ?”
คังวูจินพยายามควบคุมจิตใจของตัวเองให้ใจเย็นตั้งแต่มาถึงที่ทำงานแห่งนี้ สาเหตุก็เพราะเขาต้องเสแสร้งทำเป็นคนอวดดีและเยือกเย็น มันเป็นอะไรที่หนักหนาราวกับกำลังอยู่ในสนามรบ แน่นอนว่ามันคงเป็นแค่สนามรบสำหรับคังวูจินคนเดียว
‘ห้ามประมาทเด็ดขาด’
ด้วยเหตุนี้ ภายนอกใบหน้าของคังวูจินจึงเรียบเฉย นิ่งพอสมควร และมีความบ้าคลั่งแฝงอยู่ในแววตา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตเลย
“ครับ ใช่ครับ”
“ฮ่า ๆ ถึงจะเรียกว่าที่ทำงาน แต่มันก็ไม่ต่างจากบ้านหรอกนะ”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะครับ”
“แต่คุณคังวูจิน ผมขอถามสักคำก่อนที่จะไปถึงประเด็นหลักนะครับ”
PDซงมันวูยิ้มน้อย ๆ แล้วถามคังวูจินอย่างไม่ทันตั้งตัว
“คุณได้บท ‘การไล่ผี’ มาจากไหนครับ?”
คำถามที่ออกนอกเรื่อง ทำให้ดูเหมือนว่านักเขียนพัคอึนมีก็อยากรู้ด้วย และตอนนี้เองที่บางอย่างได้ผุดขึ้นมาในหัวของคังวูจิน
‘อ๋อ จริงสิ นึกออกแล้ว PDซงมันวูตาแก่คนนี้สนิทกับผู้กำกับคางเหลี่ยมคนนั้นไม่ใช่เหรอ? น่าแปลกแฮะที่พวกเขามาเกี่ยวข้องกันแบบนี้’
ช่างมันเถอะ ตอนนี้จะทำอะไรได้ หากให้อธิบายรายละเอียดทั้งหมดในสถานการณ์แบบนี้คงน่ารำคาญไม่น้อย แถมไม่เห็นจำเป็นต้องโกหกเลยด้วย ดังนั้นเขาจึงตอบเพียงสั้น ๆ กระชับไปว่า
“ผมได้มันมาจากคนรู้จักคนหนึ่งครับ”
“คนรู้จัก?”
ในขณะเดียวกัน คังวูจินก็เสริมความอวดดีเข้าไปอีกนิด
“ผมได้มาจากไหนมันสำคัญด้วยเหรอครับ?”
“ฮ่า ๆ เปล่าหรอกครับ เปล่าเลย จริง ๆ แล้วนั้นมันแค่คำถามที่ผมสงสัยเท่านั้นเอง และสิ่งที่ผมอยากรู้จริง ๆ คือทำไมคุณถึงเลือกหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ต่างหาก”
“………”
“ผมได้ยินมาจากผู้กำกับชินดงชุนว่าคุณชื่นชอบบทเรื่องนี้มากเลยใช่ไหมครับ?”
นักเขียนพัคอึนมิก็กล่าวเสริมประโยคเข้ามา
“ละครของเรากำลังเริ่มถ่ายทำอยู่ด้วย แต่คุณมีเหตุผลอะไรที่จะไปแสดงในหนังสั้น ‘การไล่ผี’ เหรอคะ? บทของรองหัวหน้าพัคไม่ง่ายเลยนะ ฉันเองก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมคุณคังวูจินถึงได้ตั้งใจไปรับบทในหนังสั้น ‘การไล่ผี’”
“พวกคุณสงสัยงั้นเหรอ?”
PDซงมันวูก็ตอบแทนเธอ
“พวกเราสงสัยครับ มันเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงไปหน่อยไหมครับ? มันเป็นหนังสั้น แถมสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรด้วย แต่ว่าตอนนี้คุณคังวูจินกลับดูจะเต็มไปด้วยความมั่นใจมากเกินไปหน่อยนะครับ”
ใช่แล้วเขาดูมั่นใจมากเกินไป แต่ที่เขาตัดสินใจแบบนี้มันก็เป็นผลมาจากมิติว่างเปล่าที่คังวูจินมีแต่เพียงผู้เดียว สาเหตุเพราะอันดับของผลงานที่สามารถมองเห็นได้จากบาท ด้วยเหตุนี้คังวูจินที่แสร้งทำตัวเป็นคนอวดดีจึงพยายามคิดหาคำตอบว่าจะตอบไปเช่นไรดี การหลีกเลี่ยงการตอบคำถามไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะเขาต้องรับมือกับคนใหญ่คนโตทั้งสองคนนี้ไปอีกสักพักหนึ่ง หากตอบไม่ดีคงมีซวยแน่
แถมตอนนี้เขาจำเป็นต้องวางท่า วางมาดให้ดูลึกลับด้วย
‘อืม สงสัยต้องทำให้แนบเนียนหน่อยแล้วกัน ไหน ๆ ก็คุยเรื่องมิติว่างเปล่าไม่ได้อยู่แล้ว’
จากนั้น คังวูจินก็พูดออกมา
“เป็นความรู้สึกน่ะครับ”
“...................ความรู้สึก?”
“ใช่ครับ เหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเลือกเรื่องนี้ มันก็คือความรู้สึก”
แค่นี้ก็คงพอผ่านไป คังวูจินชมตัวเอง ในทางกลับกัน PDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมีต่างจ้องมองคังวูจินที่อยู่โต๊ะฝั่งตรง จากนั้นPDซงมันวูก็ถามด้วยความลำบากใจ
“ปกติ…คุณตัดสินใจทุกอย่างจากความรู้สึกตั้งแต่แรกเลยเหรอครับ คุณคังวูจิน?”
“ประมาณนั้นครับ”
จากคำตอบที่มั่นใจของคังวูจิน PDซงมันวูได้แต่พึมพำกับตัวเอง
‘ความรู้สึก หรือว่ามันคือสายตากับสัญชาตญาณในการมองเห็นผลงานของเขาสินะ อืม–ถ้าหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ประสบความสำเร็จขึ้นมาจริง ๆ แสดงว่าเขา……..’
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตะลึงอย่างถึงที่สุด
‘นอกจากจะเป็นสัตว์ประหลาดอัจฉริยะการแสดงอันแสนน่าสะพรึงอยู่แล้ว ยังมีสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมอีกงั้นเหรอ?’
ก้อนหิมะแห่งความเข้าใจผิดอีกก้อนเพิ่งจะเริ่มกลิ้งไถลลงจากภูเขาเสียแล้ว
*****