บทที่ 161: กองทัพหุ่นเชิดเข้าประจำการ!
บทที่ 161: กองทัพหุ่นเชิดเข้าประจำการ! (ตอนฟรี)
ด้านล่างยอดเขาของนิกายวิญญาณเร้นลับ ในศาลาสวนอันเงียบสงบ
“ลุงหวัง ท่านอยากจะพบข้าเพราะเรื่องอะไร” หลีซิงชีมองไปที่หวังยู่หลุน มีแววตาแปลกใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“ซิงชี จริงๆ แล้วข้าเป็นพ่อของเจ้า”
ซูฟ่านที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่เพิ่งจิบชาแล้วพ่นน้ำชากลับออกมาโดยทันที
ไอ้เชี่ย เขาพูดตรงๆ แบบนั้นเลยหรอ? ซูฟ่านตกตะลึง
“ข้ารู้ ข้ารู้มานานแล้ว”
“ท้ายที่สุดแล้ว การจ้องมองด้วยความรัก1ของพ่อที่มองดูลูกก็ไม่สามารถเสแสร้งได้” หลี่ซิงชีถอนหายใจ
“เจ้าไม่รังเกียจข้าหรอ?” เสียงของหวังยู่หลุนบ่งบอกถึงความรู้สึกผิด แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่มีถูกหรือผิด แต่เขาก็ได้ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความรู้สึกต่อเขาและยังมีลูกต้องผิดหวัง เขาไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้
“แน่นอน ข้าเคยรังเกียจท่าน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ท่านไม่ได้ติดหนี้อะไรข้าเลย ท่านแค่ทำให้แม่ของข้าผิดหวังก็เท่านั้น” เสียงของหลี่ซิงชีเบาลงและเบาลงเรื่อยๆ
จู่ๆ หวังยู่หลุนก็รู้สึกอ่อนล้า และความง่วงนอนของเขาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงบนโต๊ะในศาลา
“ท่านแค่ต้องมอบชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับแม่ของข้า และมันก็จะเพียงพอแล้วที่จะปัดเป่าจิตมารในใจของข้าลง และหลังจากนั้น เราจะไม่ติดหนี้ค้างกันอีกต่อไป”
...
ในโลกสังสารวัฎ ในชีวิตนี้ หวังยู่หลุนได้เข้าร่วมกับนิกายพันเมฆา ซึ่งมีศิษย์ชั้นนอกชื่อซูฟ่านด้วย ในเวลาเดียวกัน มีศิษย์หญิงคนหนึ่งชื่อหลี่ว่านซิน เธอกำลังหน้าแดงขณะแอบมองหวังยู่หลุน
ในขณะที่เขาดูการถ่ายทอดสด ซูฟ่านก็พยักหน้าและพูดว่า " อืม เกือบจะเป็นไปตามที่คาดไว้ เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เพียงแต่ว่าการจัดการกับผลที่ตามมานั้นค่อนข้างลำบากและต้องมีการเตรียมการบางอย่างก็เท่านั้น”
หลี่ซิงชีมองไปที่หวังยู่หลุนผู้ซึ่งถูกขักอยู่ในโลกสังสารวัฎและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและพูดว่า “ท่านอาจารย์ โปรดส่งลุงหวังกลับบ้านด้วย”
จากนั้นเขาก็หายตัวไป
ใช้เวลาไม่นานสำหรับหุ่นเชิดพิทักษ์ขุนเขาสองตัวในการพาหวังยู่หลุนกลับบ้านพักของเขา
ซูฟ่านเดินออกมาจากเรือนเวลาและหยิบถุงเก็บยาวิญญาณจากหุ่นเชิดที่เฝ้าโถงสมบัติอยู่ออกมา
“อ้า ข้ายังต้องตามเก็บกวาดเรื่องนี้ให้เรียบร้อยสินะ” ซูฟ่านถอนหายใจและก้าวเข้าไปในห้องปรุงยา
...
วันรุ่งขึ้น หวังยู่หลุนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองไปรอบๆ แล้วพูดช้าๆ ว่า “ทำไมข้าถึงตื่นขึ้นที่นี่ได้?”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หุ่นเชิดก็เดินเข้ามาและยื่นขวดยาให้กับหวังยู่หลุน
“นายท่านบอกว่าถ้าท่านทานยาลบความทรงจำนี้แล้ว ท่านจะรู้สึกดีขึ้นเอง” เสียงของผูเถาดังขึ้น
ก่อนที่หวังยู่หลุนจะสามารถตอบสนองได้ หุ่นเชิดก็ได้กรอกยาลงปากเขาแล้ว
การป้อนยาให้หวังยู่หลุนในครั้งนี้ทำให้เขาเป็นลมลงอีกครั้ง
ภายในเรือนเวลา ซูฟ่านปรบมือปัดฝุ่น
“เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว!”
ผ่านไปอีกคืนหนึ่ง หวังยู่หลุนก็ตื่นขึ้นมา เขาจับหัวของเขาอย่างไม่แน่ใจและมองไปรอบๆ
“ข้ารู้สึกเหมือนข้าลืมบางสิ่งที่สำคัญมากไปเลย”
ครึ่งเดือนต่อมา หวังเซียงชีกลับมาพร้อมกับมู่หลงเฉียนเอ๋อ
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว ซูฟ่านจึงเริ่มการฝึกฝนแบบปิดประตูอย่างเป็นทางการ โดยจะไม่ออกมาจนกว่าเขาจะไปถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำ
ก่อนที่จะปิดประตูครั้งสุดท้าย ซูฟ่านได้เรียกศิษย์และผู้อาวุโสทั้งหมดของนิกายมา
“ท่านผาง ท่านสามารถไปรับหุ่นเชิดที่สั่งไว้จากโถงสมบัติได้โดยตรงในอนาคต และทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิม”
“ยู่หลุน ข้าหวังว่าเจ้าจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณได้เมื่อเราเจอกันอีกครั้ง”
“ผู้อาวุโสซา ท่านสามารถรับศิษย์ทั้งหมดที่ท่านต้องการได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ข้าไม่กังวลเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจของท่าน”
“ซูกัง ใช้เวลากับลูกๆ ของเจ้าและเสี่ยวซีให้มากขึ้นด้วย”
“เยว่เซียน เจ้าสามารถออกไปสนุกสนานได้ แต่หลังจากผ่านไป 14 ปี เจ้าจะต้องอยู่ในนิกายและรอฟังข่าวเกี่ยวกับการบุกโจมตีของเผ่าปีศาจ”
“หวังเซียงชีและหลี่ซิงชี ถ้าพวกเจ้ายังอยู่ที่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำเมื่อข้าออกมาจากความสันโดษ พวกเจ้าก็คงจะรู้ผลที่ตามมานะ”
“ไค่หลิงและซวนเต๋า พวกเจ้าแค่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของพวกเจ้าก็พอ”
หลังจากให้คำแนะนำกับทุกคนแล้ว ซูฟ่านก็ก้าวเข้าไปในเรือนเวลา
เมื่อประตูเรือนเวลาปิดลงอย่างแน่นหนา ทุกคนต่างก็รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไป แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปตามปกติ
ในปีที่ห้าของการฝึกตนแบบปิดประตูของซูฟ่าน เซียงหลี่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานและกลายเป็นศิษย์คนแรกของนิกายวิญญาณเร้นลับที่ทำเช่นนั้นได้
ในปีต่อๆ มา ศิษย์กลุ่มแรกสุดเริ่มทยอยก้าวหน้าไปสู่ขอบเขตก่อเกิดรากฐานกันทีละคน
ในปีที่แปดแห่งความสันโดษของซูฟ่าน หวังเซียงชีและหลี่ซิงชีได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณแล้ว ในปีเดียวกันนั้น สภาผู้อาวุโสได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าอาณาจักรมนุษย์และอาณาจักรปีศาจจะเริ่มรวมตัวกันในอีก 5 ปีข้างหน้า พวกเขาขอให้นิกายหลักเริ่มวางกำลังการป้องกันในพื้นที่ของตนเพื่อป้องกันการบุกรุกของเผ่าปีศาจ
ถ้ำขนาดใหญ่เปิดตัวขึ้นบนยอดเขาในนิกายวิญญาณเร้นลับ และเรือวิญญาณที่บรรทุกหุ่นเชิดที่ทำจากเหล็กวิญญาณขอบเขตก่อเกิดรากฐานและขอบเขตแก่นแท้ทองคำได้บินออกมาสู่โลกภายนอก
เรือวิญญาณนั้นทำจากเหล็กวิญญาณธรรมดา แต่ละลำยาวร้อยเมตร และมีหุ่นเชิดนับพันตัวอยู่บนเรือ
เรือวิญญาณอย่างน้อยหลายหมื่นลำบินออกจากถ้ำและลอยขึ้นไปบนภูเขา แต่ละลำดูเหมือนจะอยู่ในสถานที่ที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางของตัวมันเอง
ซูหลิงไท่ที่เติบโตขึ้นแล้วมองไปที่เรือวิญญาณที่ปกคลุมท้องฟ้าและหุ่นเชิดบนเรือเหล่านั้น และพูดด้วยความประหลาดใจกับซูกังที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “ท่านพ่อ ท่านปรมาจารย์เป็นผู้ที่เตรียมกองทัพหุ่นเชิดเหล่านี้เอาไว้หรอ?”
“เจ้าจะพูดอย่างนั้นก็ได้ ท่านอาจารย์ได้สร้างหุ่นเชิดที่สามารถช่วยเขาสร้างหุ่นเชิดตัวอื่นๆ ได้ ดังนั้นมันจึงมีหุ่นเชิดมากมาย” ซูกังกล่าว เขาเคยไปที่พื้นที่ใต้ดินมาก่อนและเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าวๆ
เซียงหลี่ซึ่งกำลังฝึกตนอยู่บนยอดเขามองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเรือวิญญาณและหุ่นเชิดโดยกำหมัดแน่น เขาสาบานอย่างเงียบๆ ว่าจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องพึ่งพาหุ่นเชิดเหล่านี้
ซูฟ่านในเรือนเวลาเฝ้าดูฉากกองทัพหุ่นเชิดถูกส่งเข้าประจำการ เขาหัวเราะและพูดว่า “ในที่สุด เรือวิญญาณและกองทัพหุ่นเชิดของข้าก็ได้ออกโรงสักที”
“ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งจะถูกเก็บเอาไว้เปิดตัวทีหลัง”
เมื่อเปรียบเทียบกับสายการผลิตในพื้นที่ใต้ดินแล้ว เขาก็ยังมีฐานการผลิตเหล็กวิญญาณขนาดใหญ่อยู่ใต้ทะเลสาบยักษ์แสนลี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ซูฟ่านก็มักจะปล่อยให้ผูเถาเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้
หุ่นเชิดที่ทำจากเหล็กวิญญาณนั้นสามารถอยู่ที่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำได้มากที่สุดเท่านั้นเนื่องจากลักษณะของพวกมัน แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
ในตอนเย็น เรือวิญญาณค่อยๆ ลงจอด ณ ตำแหน่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายวิญญาณเร้นลับ และจมลงใต้น้ำอย่างช้าๆ และรอให้เผ่าปีศาจโจมตี
ในปีที่สิบหลังจากเข้าสู่สันโดษ หวังยู่หลุนได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณแล้ว และเสี่ยวซีเองก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำด้วยความช่วยเหลือจากวิถีเงินตรา
เล่ยเหวินซีผู้ซึ่งถูกผู้อาวุโสซารับเป็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าชิ้นแรกของเธอแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง นิกายวิญญาณเร้นลับจึงมีนักสร้างสิ่งประดิษฐ์คนที่สามแล้ว และน้องสาวของเล่ยเหวินซีก็ก้าวต่อไปบนเส้นทางของการเลี้ยงดูสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์
ในปีที่สิบสองของการเข้าสู่สันโดษ ซูเยว่เซียนซึ่งเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดและกำแขนที่หักได้หลบหนีกลับมาที่นิกาย
สภาพของเธอนั้นเรียกได้ว่าเจียนตาย เธอได้รับการช่วยเหลือจากแก่นแท้ไม้ต้นกำเนิดหนึ่งหยด และหุ่นเชิดพิทักษ์ขุนเขาก็ได้นำยารักษาอันศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมาให้เธอ เงาของซูฟ่านซึ่งเป็นร่างอวตารได้โผล่ออกมาจากเรือนเวลาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสาเหตุของการบาดเจ็บของซูเยว่เซียน
ไม่นานหลังจากนั้น ทีมหุ่นเชิดขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณชั้นยอดซึ่งนำโดยหุ่นเชิดขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณพิเศษที่ควบคุมโดยซูฟ่านก็ได้ขึ้นเรือวิญญาณชั้นยอดและออกจากนิกายวิญญาณเร้นลับและบินไปยังเมืองเซียงหลินเซิน...
*มาทำศิษย์รักแบบนี้ก็โดนสิครับ เล่นอะไรไม่รู้สูงต่ำ