บทที่ 128 ปรากฎตัว
เดโบราห์ยกแขนสองข้างขึ้นมาป้องกันแสงสีเงินขาวสว่างจ้าเอาไว้ พลังแห่งแสงกลุ่มนี้ไม่เพียงทำร้ายเดโบราห์ได้เท่านั้น กาโลเวย์เองก็ถูกทำให้ชะงักไปเช่นกัน
“กรรร”
บลังโกไซราแกรนด์คำรามออกมาพร้อมกันทั้งเก้าหัว มันใช้หัวที่อยู่ใกล้กับกาโลเวย์มากที่สุดงับลงไปที่ท่อนแขนของบรรพชนวอร์ล็อคผู้ใช้ดาบสั้นทันที
“บัดซบ”
กาโลเวย์ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แขนของมันทั้งท่อนถูกกัดขาดในคมเขี้ยวเดียว
ฟิ้ว!
ดาบสั้นระดับตำนานอันทรงพลังหลุดจากพันธนาการของลำแสงพิฆาตทั้งเก้าสาย มันสั่นโงนเงนทีหนึ่งก่อนจะลอยกลับไปหากาโลเวย์ตามเดิม
“ท่านพี่! ทำอะไรสักอย่าง”
“ข้าก็พยายามอยู่”
เดโบราห์เองก็ไม่ได้อยู่เฉย แต่พลังแห่งแสงเป็นจุดตายของอันเดดทุกตน และคาถาบทนี้ก็ทรงพลังเหลือเกิน
“อัคมาร์อยู่ไหน?”
กาโลเวย์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าตรงทิศทางที่รถม้าหายไป
ไกลออกมาทางทิศเหนือ พาเวลที่กำลังบังคับทิศทางรถม้าเอาไว้สุดกำลัง คอยมองกลับไปยังด้านหลังอยู่เป็นระยะ กลุ่มดวงไฟคล้ายดาวตกสีเขียวยังคงตามเขาเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“หยุดให้ข้า!”
อัคมาร์ตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่พาเวล คำสาป! พาเวลอยู่ในระยะของคำสาปแล้ว
ฉับพรันร่างของสายลับเฒ่าก็ฟุบลงไปกับพื้นของรถม้า เมื่อขาดคนบังคับทิศทาง รถม้าก็เอนเอียงเจียนจะหล่นไปไปด้านล่าง
พาเวลไม่ใช่ระดับสูงหรือระดับตำนาน พลังจิตของเขาไม่อาจบังคับรถม้าเอาไว้ได้หากไม่ได้บังคับด้วยมือ
โคร้ม!
รถม้าที่ลอยเรี่ยกิ่งไม้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจไปต่อได้อีก มันหล่นลงใส่ต้นไม้ที่สูงใหญ่ต้นหนึ่ง ล้อรถม้าไปติดรั้งกับกิ่งของต้นไม่ยักษ์สามกิ่งทำให้ห้อนต่องแต่งกลายเป็นของเล่นประดับต้นคริสต์มาส
“อ่าาา”
พาเวลที่ยังถูกผลของคำสาประดับตำนานเล่นงานกำลังหมดหวังในอีกไม่นาน ตอนนี้ร่างของเขาครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเน่าเปี่อยเหมือนซากศพกำลังถูกย่อย
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว
ทันใดนั้นร่างสามร่างก็พุ่งออกมาจากตัวรถม้าด้วยความรวดเร็วราวกับลูกธนู ท่านหญิงแอนน์รีบตรงไปทางพาเวลที่กำลงทุกข์ทรมาน นางอุ้มร่างของสายลับเฒ่าขึ้นมาจากรถม้าและรีบตรงไปยังด้านหลังกระท่อมของออสบอร์น
“กรีมัวร์อยู่ที่ไหน?”
อัคมาร์ไม่ยอมให้พาเวลหนีไป
ฉับ!
คมดาบพลังธาตุสีขาวขุ่นพุ่งผ่านหน้าของอัคมาร์ไปเพียงเสี้ยววินาที สายลมรอบทิศทางดูเหมือนจะดุดันขึ้นแทบจะในทันที
เขตแดนพลังธาตุ!
“น่ารำคาญ”
อัคมาร์สบถเสียงดัง มันไม่รอให้การโจมตีครั้งถัดไปของไวเคานต์แห่งเฟรนกอสมาถึง เปลวไฟสีเขียวแสบตาราวกับกลุ่มอัญมณีขนาดยักษืก็พุ่งออกจากฝ่ามือของมันเป็นเส้นตรง หมายจะเผาไหม้ไวเคานต์ผู้นี้ให้ตายในพริบตา
เมื่อเปรวไฟมาถึงร่างที่อยู่ตรงทิศทางของการโจมตีกลับไม่ใช่มันดังกัส
โอเพอทิสกางปีกค้างคาวบนหลังของมันจนสุด พร้อมกับยกมือขึ้นไปเหนือศรีษะ ใบหน้านั้นราวกับยกของที่หนักกว่าตนเองหลายร้อยเท่า คาถาที่มันใช้คงทรงพลังมาก
ครึ่งลมหายใจต่อมาลูกไฟขนาดยักษ์กว่าสิบเมตรก็ปรากฎขึ้นเหนือศรีษะของโอเพอทิส ลูกไฟดวงนั้นทั้งใหญ่ทั้งร้อนแรง มันผสมปนเปกันระหว่างสีดำของพลังงานแห่งความมืดและสีแดงของโลหิตสดๆ
“พวกเจ้าจะทนดูข้าตายจริงๆ?”
โอเพอทิสที่ควรเงียบนิ่งโง่งมเหมือนคนปัญยาอ่อน ตอนนี้กลับพูดขึ้นมาแล้ว
“เจ้าสู้ได้แน่โอเพอทิส ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า”
เสียงอ่อนหวานดังมาจากทิศทางของท้องฟ้าสีทึมทึบไร้ดวงดาว
“มาเสแสร้งกันเวลานี้เนี่ยนะ?”
โอเพอทิสไม่สนใจเสียงที่ตอบกลับมาเสียงนั้นอีกมันเร่งเร้าพลังทั้งร่างกายออกมาจนหมด ลูกไฟยักษย์ขยายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าจนแทบจะกลืนกินรถม้าของกรีมัวร์ลงไป
“ไอ้ปีศาจเอ้ย! เอานี่ไปกินสะ”
แวมไพน์หนุ่มเหวี้ยงลูกไฟบนร่างออกไปสุดแรง เปลวไฟสีเขียวของอัคมาร์ปะทะกับลูกไฟยักษ์เข้าอย่างจัง เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว แรงกระแทกของมันส่งออกไปหลายกิโลเมตร
“ให้ตายเถอะ!”
โอเพอทิสถูกซัดออกไปด้านหลังด้วยผลจากแรงระเบิด แต่สิ่งนั้นยังไม่ใช่สิ่งที่ร้ายแรงที่สุด ลำแสงเปลวไฟสีเขียวยังไม่หายไป
“สมกับเป็นระดับตำนานอันแข็งแกร่ง”
เสียงอ่อนหวานเสียงเดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ไม่ใช่แค่เสียงที่ปรากฎออกมาแต่ยังมีร่างคนทั้งคนยืนคู่กันตรงจุดที่โอเพอทิสถูกซัดกลับไป
เกลเลิร์ตและนิโคลัส
อัคมาร์มองไปยังสิ่งมีชีวิตสองตนที่ปรากฎขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พวกมันหลบรอดจากจิตสัมผัสของเขาได้อย่างไร?
“ก็แค่ของเล่น”
นิโคลัสก้าวลงมาจากท้องฟ้าและช่วยประคองร่างที่ลอยมาของโอเพอทิสเอาไว้ เมื่อเปรวไฟสีเขียวจะทะลวงมาถึงพวกเขาทั้งสองคน นิโคลัสก็เป่าลมออกมาจากปากเบาๆ จากลมเล็กน้อยกลับมีโลหิตสดๆพวยพุ่งออกมาตามกัน ก้อนโลหิตม้วนตัวกลายเป็นลูกแก้วกลมๆสีแดงเท่ากำปั้น จากนั้นลูกแก้วโลหิตก็แตกตัวออกเป็นลูกแก้วขนาดเล็กนับไม่ถ้วน พวกมันพากันกระจายหายไปแต่ละทิศทาง
พรึบ!
ร่างของนิโคลัสที่ประคองโอเพอทิสเอาไว้หายไปในพริบตา เปลวไฟสีเขียวที่หลุดจากเป้าหมายพุ่งปะทะกับต้นไม้ต้นหนึ่งจนไหม้เป็นจุณ
“พวกผีดูดเลือด?”
อัคมาร์สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทันที
“ผีดูดเลือดถือว่าเป็นถ้อยคำที่รุนแรงและไม่ให้เกียรติกันอย่างมากนะ ท่านมุขมนตรี”
เกลเลิร์ตก้าวเดินลงมาจากท้องฟ้า ร่างของนิโคลัสและโอเพอทิสหายตัวมาปรากฎอยู่ที่ด้านหลังของเขา
“พวกเจ้าควรสิ้นเผ่าพันธุ์ไปแล้ว พวกเราวอร์ล็อคตามหาพวกเจ้ามาตลอดหลายพันปีนี้”
“อันที่จริงเราไม่อยากเปิดเผยการดำรงอยู่ของเราก่อนเวลาอันควร แต่นายท่านของเรามาถึงมหาทวีปแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่เราต้องกังวลอีก”
เกลเลิร์ตไม่ได้โกหก ข่าวล่าสุดที่มันได้รับคือพระเมสสิยาห์เดินทางมาถึงทะเลปีศาจแล้ว
“วอร์ล็อคไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับพวกเจ้า”
อัคมาร์ประเมินระดับขั้นของเกลเลิร์ตไม่ได้ แต่ชายที่เสกลูกแก้วโลหิตออกมานั้นควรเป็นระดับตำนานขั้นแรก
“น่าเสียดาย เจ้าทำให้ข้าสนใจเหลือเกินท่านมุขมนตรี เรากำลังต้องการผู้ที่ฝึกปรือระบบพ่อมดเพื่อมาทดลองอะไรบางอย่างอยู่พอดี”
“เจ้ารู้?”
เรื่องที่อัคมาร์ฝึกสองระบบนั้นควรมีเพียงมันและอาจารย์เท่านั้นที่รู้
“ดวงจันทร์บอกเรา”
เกลเลิร์ตกล่าวยิ้มๆ
อัคมาร์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยอัตโนมัติ ภาพที่มันเห็นคือดวงจันทร์ขนาดใหญ่โตมโหฬารดุจอยู่แนบชิดกับโลกใบนี้มาเนิ่นนาน
“อ่าาาา”
มุขมนตรีผู้ชั่วร้ายกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ มันกำลังจ้องมองสิ่งใดอยู่กันแน่!
ออสบอร์นที่กำลังกังวลกับพลังเวทย์ของตนเองที่กำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว มองไปทางทิศเหนืออยู่ตลอดเวลา มือที่ถือหินวิเศษและไม้เท้าแห่งเทลเพริออนเอาไว้สั่นเทาเจียนจะหมดแรง
สังขารของเขาถดถอยลงมากแล้ว
ในตอนนั้นเองภาพของแอนน์ที่แบกพาเวลเอาไว้ก้ปรากฎขึ้นในสายตาของเขา สภาพของพาเวลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เห็นได้ชัดเจนว่าอัคมารืเล่นงานเขาหนักมาก พ่อมดเฒ่ารีบโยนไม้เท้าแห่งเทลเพริออนมาทางพาเวลและรักษาคำสาปให้เขาอีกครั้ง
“ขอบคุณนายท่าน”
พาเวลพูดออกมาเบาๆ
“รีบไปสะ!”
ตอนนี้พลังเวทย์หนึ่งพันหน่วยกำลังจะหมดลง และออสบอร์นเองก็ยืนหยัดต่อไปได้อีกไม่นาน
เมื่อแอนน์แบกพาเวลหายไปด้านหลังกระท่อม พ่อมดเฒ่าก็รีบปักไม้เท้าระดับตำนานลงพื้นอย่างแรง หินวิเศษภายในมือเองถูกบังคับให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยตนเอง
เขาจำเป็นต้องทิ้งของวิเศษรักษาชีวิตไว้ที่นี่
“กลับไปเมอร์คิวรี่!”
เมื่อเพกาซัสตนนี้ได้รับคำสั่ง มันก็รีบบินพาออสบอร์นไปยังทิศทางที่แอนน์หายไป
ในป่าอันมืดมิด ต้นไม้ใบหญ่าขึ้นรกชัฏ ปกคลุมเนินหินแห่งหนึ่งเอาไว้อย่างมิดชิด หากไม่สังเกตจะไม่มีทางรู้เลยว่าที่แห่งนี้มีปากถ้ำซ่อนอยู่
แสงเทียนเล่มเล็กถูกจุดขึ้นด้านในเพื่อขับไล่ความมืดออกไป เด็กชายสองคนนั่งอยู่บนตักของมารดาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องห่วง ท่านพ่อมดต้องเอาชนะศัตรูได้แน่”
เด็นนิสเอ่ยปรอบบุตรชายขณะที่กำลังลูบศรีษะของพวกเขาไปด้วย
“ท่านพ่อมดแข็งแกร่งมาก สมเด็จพระสันตะปาปายังต้องเกรงใจเขา”
ชายชราเพาล์กล่าวเสริม
“นั่นอะไร?”
จู่ๆภรรยาของเด็นนิสก็เห็นท่านหญิงแอนน์ที่แบกร่างของพาเวลตรงเข้ามาด้านใน
“ท่านพ่อมดให้พวกเราไปได้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม”
พาเวลหายใจหนักหน่วง หน้าอกของเขากระเพื่อมไหวราวกับจะระเบิดออกมา การโดนคำสาปของระดับตำนานสองครั้งในวันเดียวสร้างภาระให้เขาจนเกินไป
สายลับเฒ่ารีพพาสมาชิกครอบครัวของกรีมัวร์เดินเข้าไปในถ้ำลึกมากขึ้น ตรงจุดที่ออสบอร์นเคยพาเขาเข้ามา ตอนนี้มีหินวงกลมสีขาวเรียงรายเอาไว้เป็นสัญลักษณ์
“เข้าไปด้านใน เร็วเข้า!”
เสียงของออสบอร์นดังขึ้นไล่หลัง ได้เวลาใช้วงแหวนเคลื่อนย้ายแล้ว!