ตอนที่ 150 แก้ไข ไฉฮุย กรุ๊ป
“ผู้จัดการจ้าว หาคนไปคำนวณค่าความเสียหายเถอะ!”
ในขณะที่ทุกคนยังตกใจอยู่ ซูเหวิน ก็หันกลับมา และพูดแล้ว
“โอ้…ผ ผมเข้าใจแล้ว”
“ผม… ผมจะเรียกใครสักคนให้มาที่นี่เดี๋ยวนี้”
เจ้านายพูดแล้ว ผู้จัดการจ้าว ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมา และตอบสนองอย่างรวดเร็ว
พูดพลาง เขารีบหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความถึงพนักงานที่แคชเชียร์
สักพักหนึ่ง
ผู้หญิงสองคนในเครื่องแบบก็รีบเข้ามา
พวกเธอเริ่มตรวจสอบแก้วเหล้า และอื่นๆ ตามคําสั่งของ ผู้จัดการจ้าว
รอจนกระทั่งรายการทั้งหมดถูกคำนวนเรียบร้อย
และเป็นไปตามคำสั่งของ ซูเหวิน เขาเริ่มนับจำนวนคนที่มาเที่ยวที่บาร์ในคืนนี้ และคำนวณปริมาณการบริโภคทั้งหมด
ทั้งหมดน่าจะประมาณ 110,000 กว่าหยวน
ซูเหวิน บอกจํานวนเงินนี้กับกลุ่มอันธพาลที่ยังนอนอยู่บนพื้นได้ฟัง
คนกลุ่มนี้ ถูก ซูเหวิน ทำให้หวาดกลัวมานานแล้ว
ทันทีหลังจากได้ยิน ซูเหวิน รายงานยอดที่ต้องจ่ายทั้งหมดในคืนนี้
ก็ไม่มีใครสนใจความเจ็บปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นกับร่างกายแม้แต่รายเดียว พวกเขาพลางรีบหยิบโทรศัพท์ออกมารวบรวมเงินแล้วไปที่แคชเชียร์
เมื่อพวกเขาทั้งหมดจ่ายเงินแล้ว ซูเหวิน จึงขอให้ ผู้จัดการจ้าว โทรเรียกรถฉุกเฉิน
ท้ายที่สุดแล้ว การปล่อยให้คนเหล่านี้นอนอยู่ในบาร์ของเขามันก็ไม่ใช่เรื่อง
ต้องพาพวกเขาออกไปจากที่นี่
เมื่อผู้จัดการโทรเสร็จ ซูเหวิน ก็หันกลับมามองพวกอันธพาลกลุ่มนั้น และพูดอย่างใจเย็น
“ฉันกำลังคิดว่า ใครควรจะเป็นคนจ่าย.. สำหรับค่ารักษาพยาบาลนี้ พวกคุณควรจะคิดเองได้ ใช่มั้ย?”
“พวกคุณจะจ่ายเอง หรือติดต่อ ประธานหวัง คนนั้นก็ได้ เพราะถ้าไม่ใช่คําสั่งของเขา พวกคุณคงไม่มาทุบบาร์ของฉัน.. และคงจะไม่โดนฉันทุบตีจนเข้าโรงพยาบาล”
ซูเหวิน พูดช้าๆ และความหมายนั้นชัดเจนมาก
เขาป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่จําเป็นต้องจ่ายเงินนี้
แน่นอน.. หากกลุ่มคนเหล่านี้หากไม่รู้จักสิ่งใดดี และต้องการฟ้องร้องเขา
เขาเองก็ยินดีที่จะมอบบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ แก่กลุ่มคนเหล่านี้อีกครั้ง
“เราเข้าใจ เราเข้าใจดี แม้ว่าคุณจะทุบตีพวกเราจนตาย เราก็ไม่กล้าขอให้คุณออกค่ารักษาพยาบาลนี้!”
“ใช่แล้ว พวกเราไม่กล้า ไม่กล้า เถ้าแก่คุณวางใจได้เลย เราไม่กล้ามารบกวนคุณอีกแล้ว”
พอได้ยินคําพูดของ ซูเหวิน และเห็นได้ชัดว่านั่นเป็นคำเตือนอย่างชัดเจน
กลุ่มคนที่นอนอยู่บนพื้นแทบจะสะดุ้งทันที แล้วรีบอธิบาย
ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มคนนี้ วันนี้พวกเขาถือว่าได้เห็นมันแล้ว
เขามันคือ สัตว์ประหลาด
มันสายเกินไปที่จะซ่อนตัว แล้วที่ไหนพวกเขาจะกล้ามาสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับอีกฝ่ายอีก?
และนั่นไม่ใช่การหาที่ตายให้กับตัวเองหรือยังไง?
เมื่อเห็นพวกเขารับปากแล้ว ซูเหวิน ก็ยิ้มเย้ยอย่างเย็นชา และไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป
จากนั้นเขาเดินไปหา เซี่ย ซินเหยา และพูดคุยกับ ผู้จัดการจ้าว อีกสองสามคํา ก่อนเขาจะจับมือของ เซี่ย ซินเหยา และเดินออกจากบาร์ไปพร้อมกับเธอ
เหลือเพียงเฉพาะผู้คนที่กำลังมุงดูอยู่ด้วยความสับสนเท่านั้น
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ฟื้นจากภาพเหตุการณ์การต่อสู้เมื่อกี้นี้…
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ ซูเหวิน ออกจากบาร์มา
เขาได้ขับรถ Koenigsegg เตรียมพา เซี่ย ซินเหยา กลับไปมหาลัย
แต่ที่แปลกคือ ระหว่างทางกลับมหาลัย เซี่ย ซินเหยา ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับกลับจ้องมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของ ซูเหวิน อยู่ตลอดเวลา
“ทำไมคุณถึงเอาแต่จ้องมองหน้าผม ..ตลอดเลยล่ะ?”
เขาเห็นว่า เซี่ย ซินเหยา เอาแต่จ้องมองหน้าเขาตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว
ซูเหวิน จึงอดที่จะหัวเราะไม่ได้
“แน่นอนว่ามันเป็นเพราะคุณ!”
“ฉันไม่รู้เลยว่าคุณ.. แข็งแกร่งขนาดนี้”
พอได้ยิน ซูเหวิน พูดแล้ว เซี่ย ซินเหยา ก็ยิ้มพลางตอบทันที
“บอกฉันหน่อยสิ เสี่ยวเหวิน คุณกินอะไรถึงโตมาแบบนี้? แล้วทำไมคุณถึงต่อสู้ได้เก่ง และมีพละกำลังเช่นนี้ได้?”
“อีกอย่างมันเป็นไปได้ยังไงที่จะต่อสู้กับคนยี่สิบกว่าคนได้ด้วยตัวคนเดียว นี่... นี่คงมีแต่เพียงพลังของยอดมนุษย์เท่านั้นแล้วนะ!”
เซี่ย ซินเหยา ขณะที่เธอพูดไปก็ปรากฎดวงดาวดวงเล็กๆ มากมายในดวงตาของเธอ ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอชื่นชม ซูเหวิน มากแค่ไหน ..ในเวลานี้
เธอรู้ว่า ซูเหวิน ต่อสู้เก่ง
แต่การแสดงของอีกฝ่ายในวันนี้มันเกินจริงเกินไป แทบจะเหมือนกับกำลังถ่ายทำละครศิลปะการต่อสู้อยู่เลย
“เออ.. อันนี้คงเป็นพรสวรรค์มั้ง ผมเองก็บอกไม่ถูก”
ซูเหวิน ยิ้มอย่างจนใจ
สําหรับคําถามนี้ เขาตอบได้ยากมากจริงๆ
คงพูดไม่ได้ว่าระบบได้ยกระดับสมรรถภาพทางกายให้เขา ..ได้ จริงมั้ย?
อย่างไรก็ตาม การได้เห็นคนที่ตัวเองชอบ ชื่นชมตัวเองขนาดนี้
ซูเหวิน ย่อมมีความสุขในใจไม่แพ้กัน
ดูเหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความหมายของการยกระดับสมรรถภาพทางกายนี้
จากนั้นเขาก็ถามไปอย่างสงสัยว่า : “คุณไม่กลัวเหรอ?”
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อคนๆ หนึ่งพบว่าคนรอบข้างเขามีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ อย่างไรเขาก็จะตกใจกลัวใช่ไหม?
ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขายังคงเป็นแฟนกัน
“ทำไมต้องกลัว?”
“กลับกัน.. มันกลับรู้สึกปลอดภัยมาก!”
“คิดดูสิ ถ้าแฟนหนุ่มฉันเจ๋งมากในอนาคตเมื่อเดินอยู่บนท้องถนนไม่ว่าจะพบกับใครอะไรก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยอีกต่อไป มันจะดีแค่ไหน..”
เซี่ย ซินเหยา เธอผลิยิ้มหวานออกมา และพูดอย่างไม่กลัวเลย
พอได้ยิน เซี่ย ซินเหยา พูดออกมาอย่างนั้น ซูเหวิน ก็หัวเราะแล้ว
ดูเหมือนว่า เซี่ย ซินเหยา ไม่ได้กลัว และเหินห่างจากเขาเพราะความผิดปกติของเขา ..ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่ดี
และคำว่า ‘แฟนหนุ่ม(且男朋)’ สามคำนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบาย และมีความสุขจริงๆ
ถ้าเขาไม่ได้ขับรถอยู่…
เขาคงอดไม่ได้ที่จะดึง เซี่ย ซินเหยา ให้เข้ามา แล้วจากนั้นจูบเธอเพื่อแสดงความรู้สึกอบอุ่นในใจของตัวเอง
และในระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันไป
ในที่สุดรถก็ขับเข้าสู่มหาวิทยาลัยเทียนเวย
ต่อจากนั้น ซูเหวิน ได้ไปส่ง เซี่ย ซินเหยา กลับไปที่หอพักหญิง
แล้วจึงตรงกลับไปที่หอพักของตนเอง
เมื่อกลับมาถึงอย่างแรกที่เขาทำคือเปิดโทรศัพท์ส่งข้อความถึงรองประธานหยาง ของกลุ่ม ‘Worster’
ให้เขาช่วยตรวจสอบ ประธานของ ไฉฮุย กรุ๊ป...
เวลาก็ได้มาถึงวันรุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว..
ต้องบอกว่าความมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานของ Worster Group นั้นรวดเร็วมากจริงๆ
ซูเหวิน เพิ่งส่งข้อความหา รองประธานหยาง เมื่อคืนนี้ และข้อมูลทั้งหมดเขาก็ได้มาเมื่อเช้านี้เอง
ไฉฮุย กรุ๊ป..
ถ้าให้พูดให้ชัดเจนก็คือ ไฉฮุย คอนสตรัคชัน เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป (Caihui Construction Engineering Group)
เป็นกลุ่มบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงมากในเมืองม่อ
เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการจัดทําโครงการขนาดใหญ่
หวัง จื้อเผิง จาก ไฉฮุย กรุ๊ป ค่อนข้างมีชื่อเสียงในชุมชนธุรกิจ โดยมีมูลค่าสุทธิมากกว่าหนึ่งพันล้าน
“มีภูมิหลังบวกความสัมพันธ์ไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขากล้ามุ่งเป้าไปที่อดีตเจ้าของแฮปปี้บาร์อย่างโจ่งแจ้ง”
หลังจากอ่านข้อมูลที่ทาง Worster ส่งมาให้ ซูเหวิน พูดกับตัวเองอยู่สองสามคำ
จากนั้นเขาก็เปิด VX และส่งข้อความไปในกลุ่มหนึ่ง
“มีใครคนใดมีความสัมพันธ์กับ หวัง จื้อเผิง จาก ไฉฮุย กรุ๊ป หรือบอสคนใดมีความร่วมมือกับเขา ช่วยส่งข้อความหาผม…”
ซูเหวิน มักจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายเดือนมานี้ จึงรู้จักกับเหล่าคนร่ำรวยมากมาย
ประธาน ผู้ถือหุ้น รองประธาน ผู้จัดการ และอื่นๆ
เขาได้เพิ่มเพื่อนไปมากกว่า 100 คน..
ในหมู่พวกเขา ‘ประธานบริษัท’ ถือว่ามากที่สุด
ครั้งนี้เขาไม่ได้วางแผนที่จะใช้บริษัทของตัวเอง
เขาเพียงอยากจะลองใช้ความสัมพันธ์ของตัวเองปราบปราม ไฉฮุย กรุ๊ป โดยตรง และก็เพื่อดูว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ซูเหวิน ประเมินอิทธิพลของตนเอง และอิทธิพลของความสัมพันธ์ส่วนตัวต่ำเกินไป
เขาส่งข้อความออกไปแค่ไม่กี่นาทีก็มีข้อความ VX หลายสิบข้อความเข้ามาแล้ว
มีคนถาม ซูเหวิน ว่าเขาหมายถึงอะไร และต้องการความช่วยเหลือหรือไม่
แถมยังมีคนบอกว่า เขารู้จัก หวัง จื้อเผิง
นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยถึงความร่วมมือกับ ไฉฮุย เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป
เห็นข้อความเหล่านี้ แม้แต่ ซูเหวิน ก็รู้สึกประหลาดใจแล้ว
ดูเหมือนว่าชุมชนธุรกิจจะเหมือนกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด
พอพูดถึงคนคนหนึ่ง ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากที่รู้จัก
ซูเหวิน เตรียมที่จะส่งข้อความอีกครั้ง เพื่อให้พวกเขาได้จัดการกับ ไฉฮุย กรุ๊ป เพื่อให้เขาได้รับบทเรียน..
แต่ท้ายที่สุด ซูเหวิน ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ด้วยความสัมพันธ์มากมายหากข้อความนี้ถูกส่งไปยังกลุ่ม
เขาสามารถคาดการณ์ได้ว่า ไฉฮุย กรุ๊ป ของ หวัง จื้อเผิง เมื่อเวลานั้น ต่อให้ตายนับร้อยครั้งก็ยังไม่เพียงพอ
แต่ด้วยวิธีนี้ก็เท่ากับ ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว(1)
นอกจากนี้ยังเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร และความสัมพันธ์อีกด้วย
ดังนั้น ซูเหวิน จึงได้เลือกเฉพาะบิ๊กบอสสามคนที่รู้จักกับ หวัง จื้อเผิง และโดยมีความร่วมมือทางธุรกิจ ให้พวกเขาไปจัดการกับ หวัง จื้อเผิง
สามคนนี้ไม่ง่ายเลยจริงๆ พวกเขาล้วนเป็นประธานกลุ่ม
และมันมากเกินพอแล้วที่จะจัดการกับ ไฉฮุย กรุ๊ป ของ หวัง จื้อเผิง
เรื่องนี้.. เมื่อทำการอธิบายเสร็จสิ้น
อารมณ์ที่กรุ่นอยู่ภายในใจของเขา ..ในที่สุดมันก็บรรเทาลง
ในขณะนี้โทรศัพท์มือถือของ ซูเหวิน ก็ดังขึ้นเป็นสายโทรเข้ามาจากร้าน หมี่จือเลี่ยน คอฟฟี่ช็อป
เมื่อเห็นหมายเลขนี้ ซูเหวิน ก็รู้ได้ทันทีว่าคงมาตามเขาให้ไปรับช่วงต่อร้านกาแฟ ดังนั้นเขาก็จึงรับโทรศัพท์ทันที
และเป็นไปตามที่คาดเอาไว้สายนี้โทรมาจากเจ้าของร้านกาแฟ
โดยถามเขาว่าเขาสะดวกจะเข้ามาเซ็นสัญญาเมื่อไหร่…
(1)[ฆ่าไก่ไยต้องใช้มีดฆ่าวัว (杀鸡焉用牛刀)] - เปรียบเปรยการทุ่มใช้กำลังอันมากมายเพื่อผลลัพธ์อันน้อยนิด ซึ่งมันจะไม่คุ้มค่ากับที่ได้ลงแรงไป