บทที่ 70: พิชิตราชาอสูร, ดินแดนสมบัติสวรรค์
บทที่ 70: พิชิตราชาอสูร, ดินแดนสมบัติสวรรค์
เย่หวู่ชางพุ่งขึ้นไปในอากาศ…. หมัดของเขากําแน่นถือออร่าที่น่าสะพรึงกลัว้เละพุ่งเข้าหาราชาอสูรสิงโตคําราม
พลังการต่อสู้ของเขาดุร้ายถึงขีดสุด, ทุกหมัดเทียบได้กับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์….เเละถ้าเพิ่มแรงเข้าไปอีกเล็กน้อย มันจะเป็นพลังการต่อสู้ของทักษะระดับราชันย์ได้เลย
และหมัดที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ก็ทําให้ราชาอสูรค้องล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เผ่าอสูรสิงโตคำรามซึ่งเดิมต้องการพุ่งเข้ามาและฉีกเย่หวู่ชางเป็นชิ้นๆ….เเต่ตอนนี้พวกมันกลับต้องถอยกลับด้วยความกลัว
ตูม ตูม ตูม~!
ภายใต้การโจมตีด้วยกําปั้นเหล็กหลายครั้ง ราชาอสูรก็ค่อยๆทนไม่ไหวจนต้องคายเลือดออกจากปากของมันอย่างต่อเนื่อง
แต่ถึงอย่างนั้น ราชาอสูรก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมจํานน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เย่หวู่ชางก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพิชิตราชาอสูรตนนี้ด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
เขามองไปที่ราชาอสูรที่กําลังจะเผชิญหน้ากับความตายและหยุดมือทันที
จากนั้น เขามองลงมาที่อีกฝ่าย….และพูดอย่างใจเย็นว่า
"ยอมจํานนต่อข้า, ข้าสามารถนําพวกเจ้าออกจากอาณาจักรลับนี้และอนุญาตให้เจ้านําเผ่าอสูรสิงโตคำราม ไปสู่การพัฒนาที่มากขึ้นได้”
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้, ราชาอสูรก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นเเละมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
เห็นได้ชัดว่ามันสงสัยในความจริงจากคําพูดของชายคนนี้
ปกติเเล้วเย่หวู่ชางไม่เคยชอบที่จะเสียเวลาปรับคําพูด(ยกเว้นตอนจีบหญิง).....แต่เขาก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น
เผ่าพันธุ์อสูรและมนุษย์นั้นแตกต่างกัน….แม้ว่าสติปัญญาของพวกมันจะสูงพอๆกับมนุษย์, แต่พวกมันกลับมีความเคารพต่อราชาองค์เดียวเท่านั้น
ดังนั้น, หากราชาของพวกมันไม่ยอมจํานนต่อเย่หวู่ชาง….แม้ว่าเผ่าอสูรสิงโตคำรามทั้งหมดจะตายในสนามรบ, มันก็จะไม่มีอสูรสิงโตคำรามแม้แต่ตนเดียวที่จะเต็มใจยอมจํานนต่อเขา
ดังนั้น, ณ ขณะนี้สายตาของเขาก็กะพริบเล็กน้อยเมื่อเขามองเข้าไปในดวงตาของราชาอสูร
ทันใดนั้น, ฉากบางอย่างก็แวบเข้ามาในดวงตาของราชาอสูร
ณ ขณะนี้, ในโลกจิตวิญญาณของ ราชาอสูร
มันมองเห็นร่างที่สง่างามลงมาอย่างกะทันหันและต้องรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าร่างนี้เป็นมนุษย์คนนั้น
มนุษย์เหลือบมองมันเล็กน้อย, ทันใดนั้นมนุษย์คนนี้ก็กวัดแกว่งดาบเเละฟาดฟันในแนวนอน
ตูมมมม~~~~!
ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวฉีกผ่านท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยังระยะไกล
ทำให้มันได้เห็นออร่าอันน่าสะพรึงกลัวจนที่ยากจะลืมเลือนไปตลอดชีวิต!
ราชาอสูรไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางจะน่ากลัวขนาดนี้…และเขาก็เป็นผู้ฝึกดาบไม่ใช่ผู้ฝึกหมัดอีกด้วย
เเละผู้ฝึกตนในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์สามารถบรรลุพลังเช่นนี้ได้อย่างไร?
ตอนนี้, มันสามารถสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่หวู่ชางได้อย่างชัดเจน
หากดาบเล่มนี้พุ่งตรงไปที่ฝูงของมัน….เกรงว่าในทันทีทั้งฝูงคงจะถูกทําลายล้างด้วยดาบเล่มนี้และแม้แต่หุบเขานี้ก็จะหายไป
ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้, บางทีการติดตามเขาอาจจะฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์สิงโตคำรามได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามในฐานะราชาของเผ่าพันธุ์….มันต้องรับผิดชอบต่อฝูงของมัน
ในฐานะคนที่มีชีวิตอยู่นานที่สุด….มันรู้ว่าไม่มีอาหารกลางวันฟรีในโลกนี้
มนุษย์คนนี้ต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเผ่าพันธุ์ของมันอย่างแน่นอน
ดูเหมือนว่าเย่หวู่ชางจะรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้.…เขาจึงพูดเข้าประเด็นทันที
"ตามข้าออกไปและในอนาคตจงปกป้องภูเขาหลังบ้านของตระกูลเย่”
“ที่นั่นมีขนาดใหญ่กว่าที่อยู่ของเจ้าในตอนนี้อยู่หลายเท่า, เเละสิ่งที่เจ้าต้องทําอีกอย่างคือนำโลหิตของอสูรสิงโตคำรามที่โตเต็มวัยเเล้วมาให้ตระกูลเย่ 100 หยดในทุกๆปี!”
"แน่นอนว่าตระกูลเย่ของข้าจะจัดหายาและทรัพยากรทางจิตวิญญาณที่เท่าเทียมกันเพื่อช่วยให้พวกเจ้าได้ชดเชยความสูญเสีย, นอกจากนี้ตระกูลเย่จะมอบศิลาวิญญาณจํานวนมากให้เจ้าเพื่อเป็นการตอบแทนอีกด้วย"
"สุดท้าย, ภายในสิบปี….ข้าจะช่วยเจ้าบุกทะลวงไปยังอาณาจักรถ้ำสวรรค์!"
"นี่คือเงื่อนไขที่กําหนดโดยข้าผู้เป็นผู้นำตระกูล, ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้….ข้าก็จำเป็นจะต้องฆ่าพวกเจ้าและเอาเลือดไปเอง!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ดวงตาของราชาอสูรก็หดหายไปทันที
มนุษย์คนนี้ไม่ให้ทางเลือกแก่พวกเขาเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม, สิ่งล่อใจที่จะได้ออกจากอาณาจักรลับและบุกทะลวงไปยังอาณาจักรถ้ำสวรรค์นั้นน่าดึงดูดเกินไปสําหรับเขา
อาณาจักรลับมังกรทยานนี้มีข้อจํากัดอย่างมาก….นั่นก็คือสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรลับนี้ไม่สามารถทะลวงไปยังอาณาจักรถ้ำสวรรค์ได้
ยิ่งไปกว่านั้น, ยิ่งเข้าใกล้ระดับนั้นมากเท่าไหร่….ความต้านทานและการปราบปรามก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น, ถ้ามันสามารถออกไปจากที่นี่ได้….บางทีมันอาจนําเผ่าอสูรสิงโตคำรามไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้
เเละในกรณีนั้น, การยอมจํานนต่อชายผู้น่าสะพรึงกลัวคนนี้ก็ดูเหมือนจะสามารถยอมรับได้
"กรรร~!"
ทันใดนั้นราชาอสูรก็คําราม….จากนั้นมันก็เข้าไปใกล้เย่หวู่ชาง, คุกเข่าลงและฝังหัวไว้ที่เท้าของเขา
นี่คือพิธีพิเศษของการยอมจํานนสําหรับเผ่าพันธุ์อสูร
"ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเจ้า!" เย่หวู่ชางพูดอย่างใจเย็น
สำหรับการควบคุมราชาอสูรนั้น, นี่เป็นวิธีการดีที่สุดในการควบคุมเผ่าพันธุ์อสูร
เขาจะไม่โง่พอที่จะคิดว่าเขามีสิ่งที่เรียกว่า "ออร่าราชา" และเสน่ห์เฉพาะตัวที่จะทําให้คนอื่นยอมจํานนตลอดไป
หลังจากนั้น, เมื่อเห็นว่าแม้แต่ราชาอสูรก็ยอมจํานน….สิงโตคํารามตัวอื่นๆก็ยอมจำนนตามไปด้วย
จากนั้นเป็นต้นมา, เย่หวู่ชางก็สาุเชื่อมจิตวิญญาณกับเผ่าอสูรสิงโตคำรามได้สําเร็จ
………
เเต่ทันใดนั้นเอง
ออร่าอันทรงพลังสามจุดก็โผล่มาจากระยะไกล
เย่หวู่ชางมองไปทางด้านนั้นและเห็นชายสามคนที่มีออร่าอันทรงพลังลอยมาในอากาศ
ออร่าของพวกเขาน่ากลัวเป็นพิเศษ และฐานการฝึกตนของพวกเขาก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน
ผู้นำคนกลุ่มได้ไปถึงขั้นที่สี่ของอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ในขณะที่อีกสองคนอยู่ในขั้นที่สาม
เเละเห็นได้ชัดว่าสามคนนี้ไม่ใช่อัจฉริยะของอาณาจักรชางหลาน….แต่มาจากอาณาจักรหลักอื่น ๆ
มีอาณาจักรหลักหลายสิบแห่งใน ทวีปเทียนหลัว
อาณาจักรชางหลานไม่ใช่จุดอ่อนที่สุด….แต่ก็ไม่แข็งแกร่งมากเช่นกัน
พวกเขาอยู่ในระดับกลางๆเท่านั้น
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่อัจฉริยะชั้นนําของพวกเขาจะตามหลังอัจฉริยะจากที่อื่นเล็กน้อย
"มันคือเผ่าอสูรสิงโตคำราม….ยอดเยี่ยมมาก"
"เราเจอโชคลาภเเล้ว, เผ่าอสูรสิงโตคำรามมีสายเลือดของสายพันธุ์โบราณ….ร่างกายทั้งหมดของพวกมันล้วนเป็นสมบัติ, แก่นแท้ เลือด กระดูกสันหลัง, กะโหลกศีรษะ, และอวัยวะภายในล้วนเป็นสมบัติชั้นยอด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแร่แปรธาตุหรือการปรุงยา….พวกมันมีค่ามากและหาได้ยากในตลาด!"
"ฝูงนี้มีเป็นร้อยตัว, ถ้าบวกกับลูกอสูรก็เกือบสองร้อย…..ถ้าเราเอาไปได้ทั้งหมด, พวกเราก็จะร่ำรวยอย่างมาก!"
ตู้หยุนเฟิงผู้นําของกลุ่มนี้เผยรอยยิ้มจางๆและพูดต่อ
"ด้วยอสูรสิงโตคํารามกลุ่มนี้, ข้าตู้หยุนเฟิงมีความมั่นใจอย่างมากที่จะเอาชนะอัจฉริยะชั้นนำอีกสองคนและกลายเป็นความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของอาณาจักรเหิงหลินของเรา!"
ในขณะนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น, มันราวกับว่าเขากำลังเห็นฉากที่ตัวเองกลายเป็นความภาคภูมิใจอันดับหนึ่งของอาณาจักร
ส่วนราชาอสูรและเย่หวู่ชางที่ยืนอยู่นั้น….เเน่นอนว่าเขาเห็น, แต่กลับเลือกที่จะเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย
แค่อาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ขั้นเเรก….มันไม่มีอะไรมากไปกว่ามดตัวหนึ่ง
ส่วนราชาอสูรในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ขั้นที่แปดนั้น, เขาก็ไม่ได้สนใจเช่นกัน
สําหรับพวกเขาการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในขั้นที่สูงกว่าก็เป็นเรื่องที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว
ความแข็งแกร่งของอาณาจักรเหิงหลินในทวีปเทียนหลัวนั้นเพียงพอที่จะติดอันดับหนึ่งในห้าอันดับแรก
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ให้ความสนใจกับอาณาจักรอื่นๆมากนัก…ยกเว้นอาณาจักรหลักอีกสี่แห่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน
"เจ้าโชคดียที่สามารถปราบราชาอสูรแห่งเผ่าสิงโตคํารามได้….เเต่น่าเสียดายที่เจ้าโชคร้ายมาพบพวกเรา"
ตู้หยุนเฟิงไม่สนใจที่จะเสียคําพูดและพูดตรงๆว่า
"ปลดปล่อยการควบคุมจิตใจของพวกมันเเละออกไปเดี๋ยวนี้….แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!"
ในความเห็นของเขา….การที่เขาไม่ฆ่าเย่หวู่ชางก็เป็นความเมตตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว
เเละเมื่อรับรู้ถึงออร่าความเป็นศัตรูของตู้หยุนเฟิง… ราชาอสูรก็ลุกขึ้นยืนทันทีเเละพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม, ในขณะนี้เย่หวู่ชางก็วางมือบนศีรษะของมันเพื่อส่งสัญญาณให้นั่งลง
จากนั้น, เย่หวู่ชางก็มองไปที่ทั้งสามคนอย่างเฉยเมย
เขาไม่สนใจแม้แต่จะพูดจากับอีกฝ่าย, ก้าวไปข้างหน้าพร้อมดวงตาเยือกเย็นเเละความตั้งใจของเขาชัดเจนเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นว่าเย่หวู่ชางดูเหมือนว่ากําลังจะเคลื่อนไหว….ทั้งสามคนก็เยาะเย้ยด้วยสายตาดูถูก
"เหอะๆ….โลกใบนี้มักมีคนที่ไม่รู้จักขีดจํากัดของตัวเองเสมอเลย!"
"อาศัยพรสวรรค์เล็กน้อย, เจ้าถึงได้กลายเป็นคนหยิ่งยโสในหมู่คนรุ่นเยาว์ในอาณาจักรของเจ้า”
“เเต่เจ้าเชื่ออย่างแท้จริงหรือว่าเจ้าอยู่ยงคงกระพัน, เอาล่ะ….จงจ่ายราคาสําหรับความเย่อหยิ่งของเจ้า”
เมื่อเผชิญกับการเยาะเย้ยของพวกเขา….เย่หวู่ชางก็ไม่เสียคําพูดใดๆอีกต่อไป
เขาใช้มือเเทนดาบเเละฟาดฟันออกไปทันที
บูม บูม บูม~!!!!
ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาอย่างน่าเกรงขาม, และพุ่งเข้าหาบุคคลทั้งสามทันที
ในฐานะผู้ฝึกดาบ….เขากลับไม่ได้ชักดาบแต่กลับใช้มือแทน
เมื่อเห็นว่าเย่หวู่ชางดูถูกพวกเขาเช่นนี้…..สีหน้าของทั้งสามคนก็เย็นชาและเจตนาฆ่าก็ปะทุขึ้นในดวงตาของพวกเขาทันที
อัจฉริยะสามคนในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ได้เคลื่อนไหวโดยใช้แส้ยาวในมือของพวกเขาซึ่งคล้ายกับมังกรเเหวกว่ายเเละพุ่งเข้าหาดาบของเย่หวู่ชาง
"เจ้าขยะที่ไม่มีนัยสําคัญ, เจ้ากล้าที่จะประมาทพวกเรา….วันนี้ข้าจะให้เจ้าจ่ายราคาที่เจ้าไม่มีวันลืม!"
เเต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ….เขาก็เริ่มสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่กำลังพุรงเข้ามาหาเขา
ทันใดนั้น, การโจมตีด้วยแส้ที่มั่นใจของพวกเขาต่างก็ถูกดาบของเย่หวู่ชางตัดทิ้งเหมือนเต้าหู้
เเละในขณะเดียวกันปราณดาบนี้ยังคงปะทุขึ้นด้วยความบ้าคลั่ง….กลั่นเจตนาฆ่าที่น่าสะพรึงกลัวและโจมตีไปที่พวกเขาอย่างรุนแรง
ในขณะนี้, ชายทั้งสามคนเปลี่ยนสีหน้าไปอย่างมาก
ความรู้สึกอันตรายที่พุ่งพล่านขึ้นในใจทําให้พวกเขารู้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
ตูมมมม~~~!
เกิดเสียงระเบิดที่เขย่าสวรรค์และโลก
ทันใดนั้น, เทือกเขาด้านหลังก็ถูกตัดออกด้วยปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวทันที
ควันและฝุ่นกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
"เเค่ก เเค่ก เเค่ก..."
เสียงไอจางๆดังมาจากฝุ่นควันและเสียงนี้อ่อนเเรงเป็นพิเศษ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนทําให้พวกเขาไม่สามารถไอเสียงดังได้
เมื่อควันและฝุ่นกระจายตัวออกไป….ฉากหนึ่งก็ปรากฏออกมาต่อหน้าเย่หวู่ชาง
ผู้ฝึกตนอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ทั้งสองถูกแบ่งครึ่งไปแล้ว….ตอนนี้มีเพียงตู้หยุนเฟิงที่อาศัยพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและการฝึกตนที่สูงกว่า, เขาจึงสามารถรอดจากการโจมตีนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้หน้าอกของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดและออร่าของเขาก็ลดลงจนถึงจุดต่ำสุด
ในขณะนี้ตู้หยุนเฟิงมองไปที่เย่หวู่ชางด้วยสีหน้าตกตะลึง
เขานึกไม่ถึงเลย….ว่าจะมีใครสักคนในโลกที่มีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้
ความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางนั้นเกินความเข้าใจของเขา, เขารู้สึกเหมือนว่าคนที่เขากําลังเผชิญหน้าในตอนนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกตนอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ขั้นแรก….แต่เป็นผู้ฝึกตนในอาณาจักรถ้ำสวรรค์
"เจ้าเป็นใครกัน?....เจ้าจะมีพลังขนาดนี้ได้ยังไง!"
เสียงอ่อนของตู้หยุนเฟิงออกมาจากปากของเขา
ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับรอคําตอบ
เเต่น่าเสียดายที่คำตอบของเย่หวู่ชางคือเจตนาฆ่าที่พร้อมจะทำลายทุกอย่าง
เเละเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเย่หวู่ชาง….ตู้หยุนเฟิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการฆ่าเขา
ในขณะนี้เขาต้องยอมรับว่าเขากลัวมาก
"เจ้าต้องการฆ่าข้างั้นเหรอ? ข้าเป็นอัจฉริยะของตระกูลตู้โบราณ ถ้าเจ้ากล้าฆ่าข้า…..ตระกูลตู้ของข้าจะต้องไปตามล่าเจ้าอย่างแน่นอน”
“เเละเมื่อถึงตอนนั้น, เจ้าเเละกองกําลังที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจะไม่มีจุดจบที่ดีเเน่ๆ”
เเต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ, เขาก็เห็นปราณดาบอันเยือกเย็นที่พุ่งเข้ามาหาเขา
ในที่สุด, ศีรษะของเขาก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและตกลงบนพื้นด้วยดวงตาที่ยังคงเปิดกว้างราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะมาตายแบบนี้
ราชาอสูรที่อยู่ข้างๆเขาก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจเช่นกัน
อัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสามคนที่พึ่งมาทำให้มันรู้สึกถึงความอันตรายเป็นพิเศษ
มันรู้….แม้ว่ามันจะสามารถบังคับให้อีกฝ่ายกลับ, แต่ฝูงของมันก็คงต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในท้ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม การดํารงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้กลับพ่ายแพ้ต่อเจ้านายคนใหม่ของมันอย่างง่ายดาย
ดังนั้น, ในขณะนี้ความเคารพของมันที่มีต่อเย่หวู่ชางจึงพุ่งถึงจุดสูงสุด
ในขณะนี้ดูเหมือนว่าราขาอสูรจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้….และทันใดนั้นมันก็ตะโกนบอกเย่หวู่ชางทันที
"ว่าไงนะ เจ้ารู้จักดินแดนที่มีสมบัติสวรรค์…..แต่มันถูกครอบครองโดยอสูรร้ายตัวอื่นและเจ้าไม่กล้าไปแย่งชิงจากอสูรตนนั้น?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ดวงตาของเย่หวู่ชาง ก็สว่างขึ้นทันที
เขารู้ดีว่าสมบัติสวรรค์ที่สามารถดึงความสนใจของราชาอสูรได้จะไม่มีทางไม่ทรงพลังอย่างแน่นอน
ดังนั้น, เขาจึงส่งสัญญาณให้ราชาอสูรนําทางเขาไปยังที่นั่นโดยไม่ลังเล
………………………………