บทที่ 56 ตลาดค้าทาส
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยางเสี่ยวเทียนก็พยักหน้าพลางกล่าวว่า
“ตกลง”
เพราะราคานี้ถือว่าดีอยู่แล้ว ทั้งยังเกินกว่าที่เขาคาดไว้เล็กน้อยด้วยซ้ำ
จากนั้น ผู้ดูแลสาขาก็มอบเหรียญทองจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญให้กับหยางเสี่ยวเทียนอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ
หยางเสี่ยวเทียนเก็บเหรียญทองทั้งหมดไว้ในแหวนเตาหลอมแล้วหันตัวออกจากสมาคมการค้าเฟิงยวินทันที
พอหยางเสี่ยวเทียนออกจากสมาคมการค้าเฟิงยวิน ผู้ดูแลสาขาก็เร่งรายงานการปรากฏตัวของหยางเสี่ยวเทียนต่อประธานสมาคมการค้าอย่างรวดเร็ว
หากพิจารณาจากการปกปิดตัวตนและโอสถระดับสูงสุดที่เขานำมา ชายคนนี้ต้องเป็นนักปรุงโอสถลึกลับจากเมืองซิงเยว่แน่นอน
หลังหยางเสี่ยวเทียนออกจากสมาคมการค้าเฟิงยวิน เขาก็ถอดหน้ากากแล้วรุดไปยังตลาดค้าทาสทันที
ในการซื้อเรือนใหม่ จำเป็นต้องซื้อทาสสองสามคนเสียก่อนเพื่อใช้เป็นตัวแทนเจ้าของเรือน หากคนโดยรอบเกิดสงสัย ว่าเด็กอายุเพียงแปดขวบสามารถหาเงินจำนวนมากมาซื้อเรือนจะผิดสังเกตเอาได้
อีกทั้ง ตอนนี้เขาอายุเพียงแปดขวบไม่สะดวกที่จะทำสิ่งต่างๆ จึงต้องใช้ทาสผู้ซื่อสัตย์คอยทำหน้าที่แทน
เมื่อพ่อค้าทาสเห็นหยางเสี่ยวเทียนสวมอาภรณ์ของสำนักเสินเจี้ยน ก็มิอาจกล้าดูหมิ่นแลแนะนำบรรดาทาสที่เขามีต่อหยางเสี่ยวเทียนอย่างพินอบพิเทา
ทาสเหล่านี้ถูกขังอยู่ในลูกกรงเหล็ก แบ่งแยกตามฐานะและความสามารถกระจายกันอยู่หลายแห่งในตลาด
เพียงแต่ทาสส่วนใหญ่ไม่มีขั้นการฝึกฝนและระดับพลังของวิญญาณยุทธ์ยังต่ำมาก หยางเสี่ยวเทียนจึงไม่ต้องการพวกเขาเหล่านี้
ขณะเดินผ่านกรงเหล็กไปเรื่อยๆ หยางเสี่ยวเทียนก็สะดุดตาห้องขังหนึ่ง เขาเห็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครารุงรังถูกขังอยู่เพียงลำพังในกรงเหล็ก อายุน่าจะราวสามสิบเศษ เสื้อผ้าอาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง แววตาก็พลางสิ้นหวังดั่งคนใกล้ตาย
“นามเขาคือหลัวชิง เคยเป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่งในอาณาจักรเทียนโต้ว เดิมทีเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นราชันยุทธ์ ทว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อน สำนักนั้นโดนโจมตีจนพังพินาศ ตันเถียนเขาถูกทำลาย เส้นเอ็นของมือทั้งสองข้างก็ขาดสะบั้น จนสูญเสียพลังโดยสมบูรณ์ กลายเป็นคนไร้ค่า”
เมื่อเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนสนใจชายวัยกลางคนผู้นี้ พ่อค้าทาสจึงรีบแนะนำเขาผู้นั้นอย่างรวดเร็ว
ตันเถียนแตกสลายและเส้นเอ็นของมือขาดสะบั้นงั้นหรือ
หยางเสี่ยวเทียนยกมือขึ้นจับที่ปลายคางพลางลูบขณะขบคิดอยู่ครู่ จึงถามว่า “ทาสผู้นี้ราคาเท่าไหร่”
พ่อค้าทาสพลันรีบอธิบาย “แฮะๆ นายน้อย ท่านคงรู้ดีว่าถึงแม้เขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์และสูญเสียพลังโดยสมบูรณ์ แต่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดของขั้นราชันยุทธ์ และความรู้ยังคงอยู่ใน…”
“เท่าไหร่!” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวขัดจังหวะ
“หนึ่งหมื่นเหรียญทองขอรับ” พ่อค้าทาสตอบด้วยท่าทีลังเลขณะสายตาล่อกแล่กแสดงถึงความเจ้าเล่ห์
หยางเสี่ยวเทียนสืบเท้าต่อพร้อมผิวปากไปพลาง โดยแสร้งทำเป็นไม่ต้องการทาสผู้นี้ จากนั้นจึงไปต่อยังกรงเหล็กอื่น ทำพ่อค้าทาสต้องรีบเร่งเดินตามไปเพื่อยื่นข้อเสนออีกครั้ง
“แฮะๆ ข้าอาจเสนอราคาสูงไปหน่อย นายน้อยหากท่านต้องการทาสผู้นั้นล่ะก็ เก้าพันเหรียญทองล่ะเป็นอย่างไร”
หยางเสี่ยวเทียนไม่แสดงท่าทีอะไรและยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้ากรงเหล็กที่มีออร์คผิวกายสีทองสองตน
“ออร์คทั้งสองนี้ สืบเชื้อสายมาจากเผ่าเทพหิรัณย์โบราณ” พ่อค้าทาสแนะนำอย่างเร่งรีบ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นทายาทของเผ่าเทพหิรัณย์” หยางเสี่ยวเทียนถามย้อนกลับ
เจ้าพ่อค้าคนนี้ คิดว่าเขาเป็นเพียงเด็กแล้วจะโง่งั้นหรือ
พ่อค้าทาสยิ้มเจื่อนๆ ด้วยละอาย “แฮะๆ ข้าก็ไม่แน่ใจ เพียงได้ยินเขาบอกมาอีกที”
หลังจากเดินจนรอบ ที่สุดหยางเสี่ยวเทียนก็ได้หลัวชิงและออร์คสองตนในราคาหนึ่งหมื่นสามพันเหรียญทอง
เมื่อออกจากตลาดค้าทาส หยางเสี่ยวเทียนก็ให้ทั้งสามกลืนโอสถคนละเม็ด และบอกพวกเขาว่ามันเป็นโอสถพิษที่ใช้ควบคุม หากไม่มีโอสถที่ใช้ถอนพิษทั้งสามก็จะตายจากพิษในทันที
แม้ทั้งสามให้สัญญาว่าจะไม่ทรยศ แต่สิ่งที่เขาต้องการคือความภักดีอย่างแท้จริง
เพราะเขาเองก็มีความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้เช่นกัน ทั้งปราณมังกรแรกเริ่มและเพลงกระบี่ตงเทียน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับความภักดีอย่างแท้จริงจากทั้งสาม
จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ให้ออร์คสองตนนำเหรียญทองจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญ ไปที่สมาคมการค้าเคหสถานเพื่อซื้อเรือนที่เขาเลือกไว้แต่แรก
เวลานั้นเอง ข่าวใหญ่ว่านักปรุงโอสถลึกลับผู้หลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ได้ปรากฏตัวขึ้น ณ เมืองเสินเจี้ยนแห่งนี้ก็แพร่สะพัดไปถ้วนทั่ว
หลินหยงและเฉินหยวนก็ได้ทราบข่าวลือหนาหูนี้แล้วเช่นกัน
“นักปรุงโอสถคนนั้นมาที่เมืองเสินเจี้ยนงั้นหรือ!” หลินหยงรู้สึกประหลาดใจยิ่งกับข่าวคราวที่ได้รับรู้
เฉินหยวนกล่าว “ใช่ ครั้งนี้เขาขายโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดสิบเม็ดให้กับสมาคมการค้าเฟิงยวิน”
เขากล่าวเสริม “ข้าได้ยินจากผู้ดูแลสาขาของสมาคมการค้าเฟิงยวิน ว่าโอสถวิญญาณหลงหู่ทั้งสิบเม็ดนี้ เป็นโอสถที่พึ่งหลอมขึ้นมาใหม่ไม่เกินสิบวันทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าชายคนนี้สามารถหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่สิบเม็ดได้ภายในสิบวัน!”
“หากเป็นเช่นนี้จริงๆ เกรงว่าขั้นหลอมโอสถของเขาอาจถึงขั้นสยบสวรรค์พิภพแล้ว”
โอสถขั้นเซียนเทียนที่ใช้เพิ่มระดับบำเพ็ญนั้นยากต่อการหลอม ทั้งยังมีอัตราความล้มเหลวสูงมาก บางทีแม้จะหลอมถึงห้าครั้งและใช้อีกห้าเตาก็อาจไม่ประสบความสำเร็จ ส่วนโอสถที่หลอมสำเร็จได้ก็เป็นเพียงระดับต่ำหรือระดับกลางเท่านั้น
โอสถขั้นเซียนเทียนระดับสูงนั้นหาได้ยาก หากเป็นระดับสูงสุดยิ่งไม่ต้องพูดถึง ที่ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร
นักปรุงโอสถจำนวนมากอาจใช้เวลาหลายปีในการหลอม แต่ก็ไม่สามารถหลอมโอสถขั้นเซียนเทียนระดับสูงสุดออกมาได้
ทว่า การหลอมโอสถขั้นเซียนเทียนระดับสูงสุดสิบเม็ดภายในสิบวัน เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
หลินหยงทอดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม “ช่างน่าเสียดายที่ชายผู้นี้ไม่อยากเข้าร่วมกับสำนักของข้า มิเช่นนั้น หากดึงเขาเข้าร่วมสำนักได้ข้ายินดีจะจ่ายในราคาใดก็ตามที่เขาร้องขอ”