บทที่ 55 บรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อย
“กระบวนท่าที่สาม กระบี่สะบั้นฟ้าดิน!”
หยางเสี่ยวเทียนเหวี่ยงกระบี่ของเขาอีกครั้ง พร้อมกับปราณกระบี่อันพลิ้วไหวขึ้นลงเป็นจังหวะอย่างสมบูรณ์
เศษกระดาษรอบตัวเขาลอยสูงขึ้นโดยแรงลมอันเกิดจากปราณกระบี่
ต่อด้วยกระบวนท่าที่สี่
กระบวนท่าที่ห้า กระบวนท่าที่หก กระบวนท่าที่เจ็ด…
หยางเสี่ยวเทียนเคลื่อนไหวทีละกระบวนท่าโดยไม่มีความเมื่อยล้าอย่างต่อเนื่อง ท่วงท่าของเขาพริ้วไหวดั่งสายน้ำพร้อมแสงเปร่งประกายจากปราณกระบี่ ก่อนจะพัดพาเศษกระดาษในห้องเรียนลอยละลิ่วสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้คนโดยรอบ
“กระบวนท่าที่สิบสาม กระบี่ธรณีพินาศ”
เมื่อสิ้นสุดกระบวนท่าสุดท้าย ปราณกระบี่ก็จางหายไปในอากาศทันที
เศษกระดาษที่ลอยพร่างพรายในอากาศก็หยุดลงก่อนจะร่วงหล่นสู่พื้น
สิ่งที่ประจักษ์แก่สายตาผู้คนโดยรอบ คือหยางเสี่ยวเทียนแสดงกระบวนท่าทั้งสิบสามของเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานในครั้งเดียวได้หมดอย่างสมบูรณ์มิมีผิดเพี้ยน
แม้เขาจะหยุดการเคลื่อนไหว แต่เสียงจากปราณกระบี่ยังคงกึกก้องอยู่ในห้องเรียนราวกับเสียงย้ำเตือนเกาลู่ เจิ้งจื้อเผิงและคนอื่นๆ ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง
หลังหยางเสี่ยวเทียนหยุดร่ายรำออกกระบวนท่า เขาก็ยืนนิ่งอยู่กลางลานฝึก ส่วนเกาลู่ที่ตกอยู่ในภวังค์ ยังคงเห็นภาพหยางเสี่ยวเทียนแสดงเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานอยู่ในแววตามิหยุดหย่อน
เขาสั่งสอนลูกศิษย์มามากมายนับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นศิษย์ผู้สามารถแสดงกระบวนท่าจากเพลงกระบี่สือซานได้พริ้วไหวเช่นนี้
ช่างเป็นการร่ายรำอันงดงามจนยากจะหาผู้ใดเปรียบ
เพลงกระบี่สือซานของเขาเมื่อครู่ เรียกได้ว่าไร้ที่ติเลยก็ไม่ผิด
“อาจารย์ ข้ากลับตอนนี้ได้เลยใช่หรือไม่” หยางเสี่ยวเทียนพูดแทรกขณะที่เกาลู่กำลังเหม่อลอยดุจคนเพ้อฝัน
เพราะมีอีกหลายอย่างที่เขาต้องกลับไปจัดการ ทั้งขายโอสถวิญญาณหลงหู่สิบเม็ดให้กับสมาคมการค้าและนำเงินหาซื้อเรือนใหม่ภายในวันนี้
แต่เมื่อเกาลู่ได้สติ เขากลับเพ่งมองยังหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้าสงสัยยิ่งขึ้น “ความสามารถของเจ้าช่างน่าทึ่ง แต่เจ้าอ่านมันเพียงครั้งเดียวจริงงั้นหรือ”
แม้เคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานจะเป็นวรยุทธขั้นพื้นฐาน แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครสามารถแสดงกระบวนท่าได้เชี่ยวชาญขนาดนี้หลังอ่านมันเพียงครั้งเดียว ยิ่งกว่านั้นขั้นการฝึกฝนวรยุทธของหยางเสี่ยวเทียนไม่ใช่ขั้นบทเรียนเริ่มต้นอีกต่อไป แต่บรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อยแล้ว
หลังฟังจากน้ำเสียงเกาลู่ หยางเสี่ยวเทียนก็พลันผิวปากขึ้นอย่างมิคิดแยแส ดั่งคำที่ว่า พูดไปสองไพเบี้ยนิ่งเสียตำลึงทอง ด้วยรู้ดีว่าถึงเอ่ยอันใดไป เกาลู่ก็คงไม่มีทางเชื่ออีก
หยางเสี่ยวเทียนไม่อยากเสียเวลาจึงเอ่ยต่อทันทีโดยแสร้งไม่ได้ยินที่เขาถาม
“ข้ากลับตอนนี้เลยได้หรือไม่”
ใบหน้าเกาลู่มืดลงทันทีเมื่อเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนไม่ตอบคำถาม อีกทั้งยังไม่อยากอยู่ในห้องเรียนที่เขากำลังสอน แต่ที่สุด เขาก็ต้องยอมพยักหน้าอนุญาตให้หยางเสี่ยวเทียนกลับได้
เดือนนี้เขาสอนเพลงกระบี่สือซานเป็นหลัก แต่เนื่องจากหยางเสี่ยวเทียนประสบความสำเร็จในวรยุทธนี้แล้วจึงไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนอีก
ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็เดินออกจากห้องเรียนไปอย่างเร่งรีบ
หลังหยางเสี่ยวเทียนเดินพ้นออกไปจากสายตาทุกคนในชั้น เจิ้งจื้อเผิงก็ปรี่ลุกขึ้นยืนและพูดกับเกาลู่ทันควัน
“อาจารย์ หยางเสี่ยวเทียน กำลังโกหกท่าน เขาคงแอบฝึกเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานมานานแล้วเป็นแน่”
เกาลู่พยักหน้าเห็นด้วยในสิ่งที่เจิ้งจื้อเผิงกล่าว
เพราะคัมภีร์เพลงกระบี่สือซานนั้นมีขายอยู่ทั่วไปและหาซื้อได้ง่าย
จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนเยี่ยงหยางเสี่ยวเทียนจะไม่เคยฝึกฝนมันมาก่อน
แม้กระทั่งหูซิงที่เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งสำนักเสินเจี้ยน ยังไม่สามารถร่ายรำออกกระบวนท่าทั้งหมดของเพลงกระบี่สือซานได้ หากต้องอ่านมันเพียงครั้งเดียว
“ดูนั่น!”
เวลานี้เอง ศิษย์คนหนึ่งในห้องก็พลันอุทานขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังบางสิ่งด้วยความตกใจ
เมื่อเกาลู่และเจิ้งจื้อเผิงมองตามมือที่ศิษย์คนนั้นชี้ไป ก็พบว่าเศษกระดาษที่เพิ่งตกลงสู่พื้นถูกฉีกเป็นสิบสามชิ้นกระจายออกราวกับดอกไม้สะพรั่งบาน
ซึ่งปราณกระบี่ได้สร้างดอกไม้นี้ขึ้นมาจากเศษกระดาษอย่างสมบูรณ์แบบ
……
หลังจากหยางเสี่ยวเทียนออกจากห้องเรียน เขาก็รีบปรี่เดินผ่านประตูสำนักแล้วมุ่งหน้าไปยังสมาคมการค้าเฟิงยวินทันที
เช่นเดียวกับการปรากฎตัวในเมืองซิงเยว่ หยางเสี่ยวเทียนสวมหน้ากากมังกรและอาภรณ์สีดำสนิท ก่อนจะปกปิดตัวตนอีกชั้นด้วยปราณดำทะมึน
เมื่อไปถึง หยางเสี่ยวเทียนก็แสดงบัตรสิทธิพิเศษสีม่วงทอง พร้อมกับโอสถวิญญาณหลงหู่สิบเม็ด ต่อผู้ดูแลสมาคมการค้าเฟิงยวินสาขาเมืองเสินเจี้ยนเพื่อประเมินราคาโอสถ
หลังจากผู้ดูแลสาขาได้ตรวจสอบอย่างพินิจ ก็พบว่ามันเป็นโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดทั้งสิบเม็ด นั่นทำให้หัวใจของเขาถึงกับสั่นระรัวแทบจะหลุดออกมาภายนอก
โอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์นั้นหายากก็จริง แต่โอสถขั้นเซียนเทียนอย่างโอสถวิญญาณหลงหู่นั้นหายากยิ่งกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดกลายเป็นสิ่งล้ำค่ากว่าโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์มากนัก
โอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดจะถูกซื้อไปอย่างรวดเร็วหากวางขาย อีกทั้งยังได้ราคาที่สูงมาก
“ใต้เท้า ทางสมาคมของเราขอเสนอหนึ่งหมื่นสองพันเหรียญทอง ต่อโอสถวิญญาณหลงหู่ระดับสูงสุดหนึ่งเม็ด ไม่ทราบว่าใต้เท้าเห็นเป็นเช่นไร” ผู้ดูแลสาขาถามหยางเสี่ยวเทียนด้วยท่าทีนอบน้อมพร้อมไม่ลืมที่จะระมัดระวังในคำพูดของตน