บทที่ 54 แตกฉานหลังอ่านเพียงครั้งเดียว
“หยางเสี่ยวเทียน ยังมีที่นั่งหลังสุดว่างอยู่หนึ่ง เจ้านั่งตรงนั้นแล้วกัน” เกาลู่ชี้ไปยังที่นั่งตรงมุมแถวหลังสุดของห้อง
แม้การนั่งด้านหลังจะส่งผลต่อการมองเห็นเขา แต่หยางเสี่ยวเทียนหาได้ใส่ใจไม่ เขาเดินไปนั่งตามที่เกาลู่บอกอย่างมิคิดเอ่ยทักท้วงใดๆ นั้นทันที
“เอาล่ะ ทุกคนหยิบคัมภีร์ขึ้นมา ข้าจะอธิบายกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่สือซาน” เกาลู่กล่าว
จากนั้นเขาก็สืบเท้าไปกลางลานฝึกหน้าห้อง ก่อนเริ่มร่ายรำออกกระบวนท่าแรกของกระบี่ จากเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานพร้อมกับชี้แนะเพิ่มความเข้าใจตามไปด้วย
เคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซาน เป็นหนึ่งในวรยุทธกระบี่ขั้นพื้นฐานของสำนักเสินเจี้ยนและยังเป็นวรยุทธภาคบังคับสำหรับศิษย์ปีหนึ่งทุกคน
หยางเสี่ยวเทียนพลางถอนหายใจเบื่อหน่ายขณะจำยอมต้องหยิบคัมภีร์เพลงกระบี่สือซานออกมาวางลงบนโต๊ะ และเริ่มเปิดอ่านมันข้ามเวลารอสิ้นสุดบทเรียนของวันนี้เท่านั้น
เพราะหลังกลับถึงเรือนพักศิษย์เมื่อคืน เขาก็ยุ่งอยู่กับการหลอมโอสถวิญญาณหลงหู่จวนเช้า จึงไม่มีเวลาเปิดศึกษามันในเรือนพักเลยแม้แต่น้อย
เพลงกระบี่สือซาน มีทั้งหมดสิบสามกระบวนท่า ซึ่งคัมภีร์ทั้งเล่มมีเพียงสิบสามหน้าเท่านั้น แต่ละหน้า มีภาพวาดการร่ายรำออกกระบวนท่าเพลงกระบี่ ทั้งการเคลื่อนไหวและความลึกลับของกระบวนท่ากระบี่ มีรายละเอียดคอยชี้แนะกำกับอยู่ด้านล่าง
หยางเสี่ยวเทียนเปิดพลิกหน้าต่างๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ช้า เขาก็อ่านเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซานจนจบพร้อมทั้งเข้าใจทุกรายละเอียดทั้งหมดอย่างถ่องแท้
ในขณะเกาลู่พยายามอธิบายจนปากเปียกปากแฉะแทบน้ำลายแห้ง กระทั่งสายตาเขาต้องสะดุดครั้นหันไปเห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนเอาแต่จดจ้องดูคัมภีร์ตรงมุมห้องโดยไม่สนใจที่เขาชี้นำแนวทางจากเคล็ดวิชาเลย
ทำเขาถึงกับหมดความอดทนกล่าวร้องออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“หยางเสี่ยวเทียน ลุกขึ้นมาแสดงกระบวนท่าแรกให้ทุกคนดู หากทำไม่ได้ เจ้าจะถูกลงโทษโดยการยืนหน้าห้องเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม!”
ครั้นเมื่อเจิ้งจือเผิงและศิษย์คนอื่นๆ ได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาต่างก็หันมองยังหยางเสี่ยวเทียนด้วยสีหน้ายินดีปนเยาะเย้ย
หยางเสี่ยวเทียนยังคงท่าทีเรียบเฉย ก่อนจะลุกขึ้นรับกระบี่ที่เกาลู่ขว้างมาให้
“ชักกระบี่ออกมา!”
“กระบี่ลมพริ้ว!”
เกาลู่ตะโกนชื่อกระบวนท่าดังสนั่นห้อง
พอเกาลู่กล่าวจบ หยางเสี่ยวเทียนก็กระโดดลงไปกลางลานฝึก ก่อนจะแทงกระบี่ยาวในมือร่ายรำตามกระบวนท่าของกระบี่ลมพริ้ว ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็พัดเอาเศษกระดาษที่อยู่เบื้องหน้าเขาปลิวลอยไปรอบๆ ห้องทันที
แม้หยางเสี่ยวเทียนจะเก็บกระบี่เข้าฝักแล้ว แต่เศษกระดาษก็ยังคงปลิวไปมาเรื่อยๆ
เกาลู่ เจิ้งจื้อเผิง และคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“อาจารย์ การออกกระบวนท่ากระบี่ลมพริ้วของข้าถูกต้องหรือไม่” หยางเสี่ยวเทียนถาม
เกาลู่รีบถามกลับด้วยความไม่เชื่อ “เจ้าเคยฝึกกระบี่ลมพริ้วมาก่อนงั้นหรือ”
สิ่งที่เขาแสดงออกไปในตอนนี้ ไม่เพียงแต่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังไร้ที่ติ ทั้งการเคลื่อนไหวหรือการแทงกระบี่ก็ล้วนสมบูรณ์แบบ
การจะบรรลุขั้นฝึกฝนวรยุทธจากต่ำไปสูงแบ่งออกเป็น บทเรียนเริ่มต้น สำเร็จเล็กน้อย ฉลาดล้ำเลิศ สมบูรณ์แบบ และวรยุทธไร้เทียมทาน
โดยทั่วไป การฝึกฝนวรยุทธ จะใช้เวลาหนึ่งหรือสองเดือนเพื่อบรรลุขั้นบทเรียนเริ่มต้น และต้องใช้เวลาฝึกอีกอย่างน้อยครึ่งปี จึงจะบรรลุขั้นที่สองได้
แต่ตอนนี้ หยางเสี่ยวเทียนกลับสามารถแสดงปราณกระบี่จากกระบวนท่ากระบี่ลมพริ้วได้ นั่นหมายความว่าเขาบรรลุถึงขั้นสำเร็จเล็กน้อยแล้ว
“ข้าไม่เคยฝึกฝนมาก่อน” หยางเสี่ยวเทียนส่ายหัวก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าเพิ่งเคยอ่านมันเพียงครั้งแรก”
ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน แล้วยังอ่านเพียงครั้งเดียว นั่นจะสามารถบรรลุขั้นสำเร็จเล็กน้อยได้อย่างไร แน่นอนว่าเกาลู่ไม่เชื่อในสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนกล่าว
“เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถออกกระบวนท่าเช่นนี้ได้หลังอ่านไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในเมื่อเจ้าอ่านมันจบแล้ว นั่นก็แปลว่าตอนนี้ เจ้ารู้กระบวนท่าทั้งหมดของเพลงกระบี่สือซานแล้วงั้นหรือ” เกาลู่ถามพลางใคร่พิสูจน์
เจิ้งจื้อเผิงและศิษย์คนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อเช่นกัน หยางเสี่ยวเทียนมองมันเพียงครั้งเดียว จะเข้าใจกระบวนท่าทั้งหมดของเพลงกระบี่สือซานได้อย่างไร
หยางเสี่ยวเทียนถามกลับ “หากข้าเข้าใจมันทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นเดือนนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมาเรียนใช่หรือไม่”
เนื่องเขาไม่อยากมาที่ห้องเรียนเพื่อคอยนั่งฟังเกาลู่สอนวรยุทธขั้นพื้นฐานเช่นนี้ทุกวัน
หากมีเวลา เขาอยากจะใช้มันฝึกฝนเพลงกระบี่ตงเทียนและปราณมังกรแรกเริ่มให้มากขึ้น ทั้งยังสามารถฝึกฝนเพลงกระบี่อื่นๆ ได้อีก
แต่เมื่อเกาลู่ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็โกรธจนแทบคลั่ง
“ได้! หากเจ้าเข้าใจเคล็ดวิชาในคัมภีร์ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องมาเรียนในภาคการศึกษานี้อีก”
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนได้ยินดังนั้นเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุข “ตกลง!”
หลังกล่าวจบ เขาก็ยกกระบี่ขึ้น กวัดแกว่งพร้อมกับปราณกระบี่ที่พวยพุ่งออกมา
“กระบี่เก้าเหมันต์!”
นี่คือกระบวนท่าที่สองของเคล็ดวิชาเพลงกระบี่สือซาน
ทันใดนั้น ปราณกระบี่ก็ส่งเสียงร่ำร้องราวกับลมช่วงเหมันต์ฤดู ก่อนจะพัดพาเอาเศษกระดาษที่อยู่เบื้องหน้าลอยสูงขึ้นไปอีกครั้ง