ตอนที่แล้วบทที่ 14: หนังสั้น (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16: พลิกผัน (1)

บทที่ 15: หนังสั้น (4)


บทที่ 15: หนังสั้น (4)

“วิหคเพลิงเหรอ?!”

เสียงของผู้กำกับชินดงชุนทางโทรศัพท์ดูตื่นเต้นมาก

“พี่พูดได้ถูกต้องเลย การแสดงสุดเหวี่ยงของเขามันเหนือชั้นจริง ๆ แต่…พี่แน่ใจเหรอว่าการยกยอเขาขนาดนั้นมันเหมาะสมแล้ว?”

เมื่อผู้กำกับชินดงชุนถามคำถาม เสียงของPDซงมันวูก็ดูเบาลงเล็กน้อย เขาตอบว่า

“เอ็งเคยเห็นการแสดงของเขามามากแค่ไหน?”

“เอาจริง ๆ ก็ประมาณสามนาทีครับ ตามบทที่ให้ไป”

“ถ้ามากกว่านั้นนะ...ถ้าเอ็งดูนานกว่านี้ เอ็งจะเข้าใจเองว่าทำไมพี่เป็นแบบนี้ อีกอย่างนะ ก่อนหน้านี้แค่ในสามนาทีสั้น ๆ เอ็งก็ทึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“เอ่อ…”

“ไม่เพียงเท่านั้นหรอกนะ ฉันไม่ได้ตัดสินจากแค่ทักษะการแสดงอันน่าทึ่งของเขา มันมีบางอย่าง...คงเรียกว่าออร่าล่ะมั้ง เขาไม่เหมือนคนธรรมดาษดื่นทั่วไป เขามีแววของการเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแน่นอน เป็นคนที่ไม่มีใครเหมือน”

ออร่าลึกลับอันเป็นเอกลักษณ์ที่คังวูจินมีอยู่นั้นแตกต่างจากดาราดังทั่วไปที่มักจะพบเห็นกันในวงการบันเทิง ซึ่งสำหรับPDซงมันวู มันดูแปลกใหม่และเต็มไปด้วยศักยภาพยิ่ง ในตอนนั้นเอง ผู้กำกับชินดงชุนที่คุยทางโทรศัพท์ก็ได้เปลี่ยนหัวเรื่องพูดคุยกัน

“...นักเขียนพัคอึนมีตอนนี้ก็เป็นแฟนตัวยงของคังวูจินเลยใช่ไหมครับ?”

“ใช่ ดูจากสภาพปัจจุบันของเธอแล้ว แต่ไม่ใช่แค่เป็นแฟนตัวยงเฉย ๆ เธอน่ะหลงใหลเขามากเลยต่างหาก”

“หา- แม้แต่คุณพัคอึนมี นักเขียนสุดเขี้ยวก็ด้วยเหรอครับ?”

“แต่คังวูจินดูเหมือนจะมั่นใจในตัวเองมาก มั่นใจจนเหมือนอวดดีเลยล่ะ”

“ผมแค่เห็นเขาเพียงครู่เดียวเอง แต่เขาก็มีท่าทีวางตัวดีอยู่นะครับ แต่พอถึงเวลาที่เขาแสดง... ผมควรจะพูดไงดี? มันเหมือนเปลี่ยนไปแบบ 180 องศาเลยล่ะครับ”

“ใช่เลย เพราะงั้นแหละเขาถึงเหมาะที่จะเป็นนักแสดงชั้นนำอย่างแน่นอน”

เมื่อนึกถึงใบหน้าที่จริงจังของคังวูจิน PDซงมันวูก็หัวเราะเบา ๆ และดูนาฬิกาข้อมือของเขาอีกครั้ง

“ฟังนะ สรุปคือ เราต้องใช้ความพยายามอย่างมากพอสมควรเพื่อดึงตัวเขามาเข้าร่วมโปรเจคของเรา คังวูจินน่ะเป็นคนที่แสดงได้ดีกว่านักแสดงดัง ๆ มากมาย แต่เขากลับมองว่ามันเป็นแค่การฆ่าเวลาเฉย ๆ ถ้าคนอย่างเขาไปหาเอ็ง ก็คงไปเพื่อแสดงฝีมือการแสดงล่ะมั้ง?”

“พี่หมายความว่า…?”

“พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาได้บทของเอ็งมาได้ยังไง แต่นั่นหมายความว่าเขาชื่นชอบในผลงานของเอ็งเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่งั้นเขาจะมาแสดงให้เอ็งดูทำไมกัน? แถมอีกไม่นานเขาคงได้เพิ่มค่าตัวให้ตัวเองอย่างมากในเร็ว ๆ นี้แล้ว”

“....ชื่นชอบเป็นพิเศษ? หนังสั้น ‘การไล่ผี’ ของผมเหรอ?”

“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันคิด ฉันเองก็เพิ่งได้พบกับคังวูจินแค่สักพักหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่คนที่ยอมทำอะไรมากมายเพื่อไปแสดงหนังดาษดื่นสักเรื่องหรอก”

ในไม่ช้า ผู้กำกับชินดงชุนก็เงียบไปทางโทรศัพท์ และระหว่างความเงียบนั้น PDซงมันวูจึงเสริมว่า

“คังวูจินคงชอบหนัง ‘การไล่ผี’ ของเอ็งเป็นพิเศษแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่บากหน้าเอาตัวเองมาแสดงขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”

“เขา...ชอบงานของผมเหรอครับ?”

ระหว่างการสนทนากัน ดูPDซงมันวูจะเน้นย้ำคำว่า ‘ชื่นชอบเป็นพิเศษ’ มาก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้นักและเปลี่ยนเรื่องคุยต่อทันที

“ว่าแต่เอ็งได้เบอร์โทรศัพท์ของเขาไหม?”

“ห๊ะ? ไม่ครับ ผมยังไม่ได้เบอร์เขาครับ เขารีบออกไปจนผมไม่มีโอกาสได้ถามอะไรเลย”

“หา เขาออกไปเลยเหรอ? ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองสักนิดเลย?”

“ใช่ครับ เขาทำแบบนั้น”

“งั้นเดี๋ยวพี่ให้เบอร์เขาเอง เขาถึงกับลำบากมาหาขนาดนี้ น่าจะคุยกันได้อยู่ โทรไปนัดเจอกันเลย เดี๋ยวเอ็งจะเข้าใจ”

"เข้าใจแล้วครับพี่"

พอวางสาย PDซงมันวูก็พูดขึ้นว่า

"ไปหาเองเลยเหรอ? น่าอิจฉาชะมัด"

เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพึมพำกับตัวเองว่า

"อิจฉาเหรอเนี่ย? ทั้งที่ฉันแก่ขนาดนี้แล้ว"

ต่อมาไม่นาน ภายในห้องวีไอพี

PDซงมันวูและนักเขียนบทพัคอึนมี พร้อมกับทีมงานฝ่ายผลิตหลักและนักแสดงนำของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ก็ยังคงประชุมกันต่อไป บ้างครั้งก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ

แน่นอนว่าพวกเขากำลังรับประทานอาหารร่วมกันไปด้วย

แวบแรก มันดูเหมือนเป็นการพบปะสังสรรค์แบบสบาย ๆ ที่มีการเล่ามุขตลกเบา ๆ แต่ท่ามกลางเสียงหัวเราะ พวกเขาก็ยังคงพูดคุยถึงเรื่องที่จำเป็นอย่างจริงจัง บทสนทนาส่วนใหญ่มักจะถูกเริ่มต้นโดยPDซงมันวู แต่ในตอนนี้เอง พัคอึนมีที่มีผมดัดยาวก็เอ่ยขึ้นว่า

“จะว่าไปแล้ว คุณรยูจองมินเราจะต้องควบคุมอาหารจนกว่าจะถึงตอนอ่านบทเลยใช่ไหมคะ?”

รยูจองมิน พระเอกหนุ่มสุดฮอตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอชี้มาที่ตัวเองแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง ด้วยความสูงเกิน 185 เซนติเมตร เขาจึงเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูงโปร่งมาก

“อ้าว! คุณนักเขียนพัคอึนมี ผมต้องลดน้ำหนักด้วยเหรอครับ? ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“คงงั้นมั้งคะ เพราะดูเหมือนคุณจะปล่อยตัวไปเยอะเลยนะช่วงพัก น้ำหนักขึ้นไปหน่อยแล้วนะคะ”

“ฮ่า ๆ ผมแค่ไปตกปลามาเอง อาจกินซาชิมิเยอะไปหน่อยหรือเปล่านะ? เข้าใจแล้วครับ ในเมื่อเป็นคำสั่งของคุณนักเขียนพัคอึนมี ผมยินดีทำตามอยู่แล้ว”

“แล้วก็ปล่อยผมยาวไปก่อนนะ จนกว่าเราจะตัดสินใจเรื่องทรงผมที่แน่ชัดกันได้”

“ได้เลยครับ คุณนักเขียนพัคอึนมี”

ด้านหลังคุณนักเขียนพัคอึนมี PDซงมันวูก็เอ่ยปากขอร้องฮงฮเยยอนเช่นกัน

“ฮงฮเยยอน เสื้อผ้าที่คุณส่งมาให้คราวที่แล้วมันดูหรูหราเกินไปหน่อย บอกสไตลิสต์ให้เน้นไปที่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายขึ้นหน่อย เดี๋ยวผมจะพูดในประชุมกับทีมงานด้วย”

ฮงแฮยอนปัดผมยาวสลวยของตัวเองออกด้านข้างแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม

“อ๋อ ฉันรู้ตั้งแต่ตอนอ่านบทตอนแรกเลยค่ะ ทีมงานของฉันคงโลภไปหน่อยมั้งคะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกพวกเขาเอง”

“ถ้างั้นก็ดีเลยครับ”

“ว่าแต่คุณPD ตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ คุณพูดถึงคังวู…”

“หือ?”

ฮงฮเยยอนกำลังจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่ก็ได้ปิดปากตัวเองลง ที่จริงแล้วเธอรู้สึกสงสัยมากถึงชื่อคังวูจินที่โผล่มาในระหว่างบทสนทนาทางโทรศัพท์ของPDซงมันวูเมื่อสักครู่ แต่เพราะยังมีคนอยู่รอบข้างมากมาย เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวไว้คุยกันทีหลัง”

"โอ้? อ่า-โอเคค่ะ งั้นตามนั้นนะคะ”

ในตอนนั้นเอง

“คือว่าคุณPDครับ...”

รยูจองมินที่กำลังถือแก้วน้ำอยู่ได้เอ่ยปากถามPDซงมันวู ผู้ที่กำลังมองฮงฮเยยอนอยู่

"ใครรับบทเป็นรองหัวหน้าพัคครับ?  มีข่าวลือหนาหูออกมาเยอะแยะเลย แต่เหมือนยังไม่มีใครยืนยันสักคน"

"เอ่อ เรื่องนั้น..."

"นักแสดงที่จะขโมยซีนในบทสัมภาษณ์ของคุณนักเขียน…คงเป็นคนรับบทตัวละครนี้ใช่ไหมครับ?"

"ใช่ครับ ถูกต้องแล้ว"

"ใครกัน? ผมอยากรู้จักสุด ๆ ไปเลย"

นักแสดงคนอื่น ๆ ต่างเห็นด้วยกับเขา ทุกคนต่างหันไปมองPDซงมันวู แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้ ทว่าฮงฮเยยอนกลับดูไม่สนใจ ในขณะเดียวกัน รยูจองมินก็เอนตัวไปข้างหน้าและถามต่อ

"ตามบทช่วงแรก ผมคงต้องได้ประกบกับรองหัวหน้าพัคมากที่สุด ในเมื่อจะต้องวิเคราะห์บทเพื่อแสดงและนึกภาพตัวละครให้ออก ช่วยบอกใบ้ให้หน่อยได้ไหมครับ?"

"อืม…."

"หรือว่าจะเป็นคิมฮยอนเหรอครับ? ไม่ใช่เหรอ? แต่ผมได้ยินมาว่าเป็นนักแสดงต่างชาติ ไม่จริงน่า คุณเอานักแสดงฮอลลีวูดมาจริง ๆ เหรอเนี่ย?"

"เอ่อ..."

"เฮ้อ ทำไมต้องเก็บเป็นความลับขนาดนั้นกันล่ะครับ?"

เมื่อเห็นความหงุดหงิดเริ่มปรากฏบนใบหน้าของรยูจองมิน PDซงมันวูจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน

"อยากเซอร์ไพรส์ล่ะมั้งครับ?"

"เอ๊ะ??"

"ก็การหลอกลวงคนของตัวเองเพื่อสร้างความตื่นเต้นให้คนดู มันเหมือนประทัดที่จุดขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์คนดูด้วย อดใจไว้อีกหน่อยก็แล้วกันครับ เพราะยังไงทุกคนก็จะได้เห็นกันในวันอ่านบทอยู่ดี"

"ฮ่า ๆ ๆ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากรู้อยู่ดี เพราะกระทั่งทีมงานเองยังไม่มีใครรู้สักคนเลย"

ระหว่างนั้นเอง นักเขียนพัคอึนมีก็ตีไหล่PDซงมันวูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน

"คุณพีดี ไม่ใช่ว่าวันนี้จะมาถามนักแสดงถึงเรื่องนั้นเหรอคะ?"

อ๋อ เสียงของPDซงมันวูดังขึ้น ดึงดูดสายตาของเขาให้หันไปสบกับสายตาของผู้จัดการฝ่ายผลิตทันที

"ทุกคน ฟังผมหน่อยนะครับ เรื่องนี้ยังไม่ยืนยันนะ มันเกี่ยวกับการอ่านบท ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะลอง MT ดู เพื่อจะได้สร้างความสนิทสนมกันและจะไปเที่ยวสนุก ๆ กันด้วย"

[MT = Membership Training ,  รวมกลุ่มคนกันไปสร้างความสัมพันธ์ เป็นคำเรียกวัฒนธรรมของคนเกาหลี ส่วนใหญ่จัดในมหาวิทยาลัย แต่พวกองค์กรอะไรงี้ก็มีเช่นกันครับ]

เขาพูดคุยกับเหล่านักแสดงที่นั่งอยู่เบื้องหน้า

“ทุกคนคิดว่ายังไง? ฟังดูน่าสนุกไหม?”

ผ่านไปหลายชั่วโมง ดึกมากแล้ว ภายในอพาร์ทเม้นท์ของคังวูจิน

มันเกินสี่ทุ่มไปแล้ว คังวูจินดูเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาพร้อมกับสะบัดผมเปียก ๆ ตรงไปเปิดตู้เย็นแล้วดื่มน้ำเปล่าไปหลายอึก ขณะเดียวกัน สายตาของคังวูจินก็เหลือบไปเห็นด้านล่าง

-พึบ

ตรงจุดที่สายตาเขาเหลือบไปเห็น มีกระดาษมัดรวมกันอยู่สองกอง กองแรกคือบท 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ตอน 1 ที่เขาได้รับมาจากPDซงมันวู อีกกองหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบทหนังสั้นเรื่อง 'การไล่ผี'

แน่นอนว่าบนทั้งสองกองยังคงมีสี่เหลี่ยมดำปิดทับบทอยู่เหมือนเดิม

คังวูจินลูบคางขณะมองไปที่บทหนังสั้นเรื่อง 'การไล่ผี' เขาจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงบ่ายที่บริษัทภาพยนตร์บลูวิชั่นได้ดี

“อืม... จะปฏิเสธบท 'การไล่ผี' ดีไหมนะ? ดูเหมือนว่าบทพระเอกและตัวประกอบน่าจะถูกคัดเลือกไว้แล้วตั้งแต่ตอนแรกเลยแฮะ”

คังวูจินได้บุกไปที่บริษัทภาพยนตร์โดยไร้การนัดหมาย เขาอาจจะโดนไล่ตั้งแต่หน้าประตูเลยก็ได้ แต่โชคดีที่เขาได้แสดงฝีมือการแสดงออกไปเพราะความเข้าใจผิดของผู้กำกับ

“ผู้ชายคางเหลี่ยมนั่นคือผู้กำกับใช่ไหม? ดูเหมือนเขาจะแปลกใจพอสมควรเลย”

แม้ว่าฝีมือการแสดงที่ได้มาจากมิติว่างเปล่าของเขาจะยอดเยี่ยม แต่ผู้กำกับก็ดูจะแค่แปลกใจเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะแสดงเก่งขนาดไหน แต่ในโลกความเป็นจริง พลังของสัญญาย่อมมีน้ำหนักมากกว่า คังวูจินคิดในใจพร้อมกับหวนนึกถึงชายร่างอ้วนที่ชื่อผู้อำนวยการพัค และชายหนุ่มรูปหล่อหญิงสาวรูปงามที่มากับเขาด้วย

พวกเขาน่าจะได้บทนำหรือบทสมทบแน่ ๆ เลย เพราะหน้าตาดีกันทั้งนั้นนิ มีคนหน้าใหม่หล่อสวยขนาดนี้เยอะแยะเลยเหรอเนี่ย? วงการบันเทิงช่างอยู่ยากเหลือเกิน

พอคังวูจินคิดขึ้นมาได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ได้เข้าร่วมแสดง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล’ ส่วนเรื่อง ‘การไล่ผี’ ก็ช่างมันเถอะ ถือว่าชวดโอกาสไปแล้ว

“หนังสั้นการไล่ผี...ถึงจะรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรหรอก”

เขาค่อนข้างสนุกมากกับการอ่านบทและไปสัมผัสกับโลกของ ‘การไล่ผี’ ที่นั่นมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพอสมควรเลย

“ตอนที่ตัวละครที่เป็นภรรยาได้กลิ่นฉัน ฉันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและลุ้นระทึกมากเลย”

แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องเศร้าหรอก อย่างน้อยก็ในความคิดของคังวูจิน เขาก็เพิ่งเริ่มต้นเป็นนักแสดง ยังมีบทอีกหลายบทนอกเหนือจากเรื่อง ‘การไล่ผี’ แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย

ด้วยเหตุนี้

-ฟุ้บ

คังวูจินเก็บบท ‘การไล่ผี’ ไว้ที่มุมห้องอย่างไม่ใส่ใจ ในไม่ช้า ความรู้สึกสนใจของบทหนังสั้น ‘การไล่ผี’ ในหัวของคังวูจินก็เลือนหายไป คังวูจินล้มลงบนเตียงพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตามนิสัย และจากนั้นจึงเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต

-ตืด ตืด

โทรศัพท์สั่นยาว ๆ มันคงเป็นสายเรียกเข้า แต่ว่าสิ่งที่แสดงบนหน้าจอคือเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ เหตุการณ์นี้ทำให้คังวูจินได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพึมพำเบา ๆ

“นี่มันอะไรกัน โทรศัพท์ของฉันช่วงนี้ยุ่งเกินไปหน่อยไหมเนี่ย?”

ช่วงนี้มีสายเรียกเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จักบ่อยครั้งเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้น คังวูจินก็เอาโทรศัพท์แนบหูก่อน

“สวัสดีครับ”

เสียงผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยดังมาปลายสายโทรศัพท์

“คุณคังวูจินใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ ผมกำลังพูดกับใครอยู่ครับ?”

“คือ ผมชินดงชุน เราเคยเจอกันที่บริษัทภาพยนต์บลูวิชั่นน่ะครับ จำได้ไหม…ที่คุณได้แสดงฝีมือการแสดงให้ผมดู”

ชั่วขณะหนึ่ง คังวูจินก็นึกถึงชายคางเหลี่ยมที่เขาเคยเจอที่บริษัทภาพยนตร์เมื่อช่วงบ่าย ผู้กำกับเหรอ? แต่โทรมาตอนนี้ทำไม? แถมยังรู้เบอร์ฉันได้ยังไงอีก? คังวูจินที่อ่อนเพลียจากการนอนดึก เสียงของเขาจึงทุ้มต่ำลงไปอีก

มันทำให้น้ำเสียงของคังวูจินดูเย็นชายิ่ง

“คุณผู้กำกับของหนัง ‘การไล่ผี’ ใช่ไหมครับ?”

“ใช่ครับ”

“คุณรู้เบอร์ผมได้ยังไงครับ? ผมไม่ได้ให้เบอร์คุณไปนะ”

มันเป็นความอยากรู้อย่างบริสุทธิ์ใจเลย เพราะไม่ว่าเขาจะคิดยังไง แต่คังวูจินไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองแก่อีกฝ่ายไปสักครั้งเดียว ซึ่งไม่นานนัก คำตอบของผู้กำกับชินดงชุนทางโทรศัพท์นั้นก็เต็มไปด้วยคำขอโทษอย่างอย่างจริงใจ

“อา! ขอต้องขอโทษจริง ๆ ครับ ผมได้เบอร์ของคุณมาจาก… PDซงมันวู พี่ชายของผมเองครับ”

“PDซงมันวู?”

“ช…ใช่ครับ”

PDซงมันวูเหรอ? เขาเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรตรงนี้กัน? ขณะที่คังวูจินขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอียงคอ ผู้กำกับชินดงชุนก็กล่าวคำพูดด้วยความตื่นเต้นออกมา

“คุณคังวูจินครับ คุณมาเจอกับผมอีกครั้งได้ไหมครับ?”

“….ผมอยากฟังเหตุผลก่อน”

“เอ่อ–ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ ถ้าคุณบอกที่อยู่ของคุณ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยครับ”

อืม… ชักน่ารำคาญนิดหน่อยแล้วแฮะ

“จะพูดกันตอนนี้เหรอครับ?”

“ใช่ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”

ให้มาก็บ้าแล้ว คังวูจินรู้สึกอึดอัดมาก

“ไม่ครับ เรามาเจอกันพรุ่งนี้เช้าดีกว่าครับ”

เช้าวันรุ่งขึ้น ร้านกาแฟใกล้อพาร์ทเม้นท์ของคังวูจิน

ผู้กำกับชินดงชุนนั่งอยู่คนเดียวในร้านกาแฟแถวสวนสาธารณะยงอิน เพราะนักแสดงลึกลับที่ชื่อคังวูจินอาศัยอยู่แถวนี้ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าภายนอกของผู้กำกับชินดงชุนยามนี้ดูค่อนข้างโทรมพอควร เคราของเขายุ่งเหยิง มีรอยคล้ำใต้ตาลึกจากการไม่ได้นอน

ขณะที่เขาถอนหายใจและปลดซิปแจ็คเก็ตที่สวมอยู่นั้น

-แอ๊ดดดด

ประตูร้านกาแฟเปิดออกและชายคนหนึ่งในเสื้อแจ็คเก็ตยาวก็เดินเข้ามา เขาคือคังวูจินที่มีใบหน้านิ่งเฉย ทันทีที่เห็นคังวูจิน ผู้กำกับชินดงชุนที่มีคางเหลี่ยมก็...

‘ว่าแล้วเชียว…หลังจากดูดี ๆ … เขาก็แตกต่างจากนักแสดงทั่วไปจริง ๆ ด้วย’

ผู้กำกับชินดงชุนยกมือขึ้นเพื่อให้เขาเห็น

“ผมอยู่ตรงนี้ครับ!”

คังวูจินที่มีใบหน้าไร้อารมณ์กล่าวทักทายและนั่งลงตรงข้ามกับผู้กำกับชินดงชุน ผู้กำกับชินดงชุนจึงได้เริ่มบทสนทนาทันที

“อ่า–สวัสดีครับคุณคังจิน”

“ครับ สวัสดีครับ”

ปฏิกิริยาของคังวูจินดูนิ่งมาก ในสายตาของผู้กํากับชินดงชุน เมื่อวานเขาก็ดูอวดดีมากแล้ว แต่วันนี้มันเหมือนอัพขั้นไปอีก ทว่าทางผู้กำกับชินดงชุนก็ยังคงพูดออกไปพร้อมกับกระแอมไอในลำคอ

"ขอโทษนะครับที่โทรไปรบกวนคุณเมื่อคืนนี้ คิดอยู่นานเหมือนกันกว่าจะโทรไปดีไหม แต่หลังโทรไปแล้ว ผมก็เพิ่งมารู้ตัวว่ามันเสียมารยาทไปหน่อย"

"ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณอยากคุยอะไรเหรอ?"

ต่อมา ผู้กำกับชินดงชุนที่เฝ้าสังเกตคังวูจินอยู่ฝั่งตรงข้ามก็กลืนน้ำลายอันแห้งผาก สิ่งที่เขาจะพูดต่อไปคือ...

“อาจจะกะทันหันไปหน่อยนะครับ แต่คุณคังวูจินได้อ่านบท ‘การไล่ผี’ ของผมแล้วใช่ไหม? คุณมีความคิดเห็นยังไงบ้างครับ?”

เสียงของผู้กำกับชินดงชุนสั่นเล็กน้อย จะพูดยังไงดี… เหมือนกับคนที่กำลังสารภาพรักเลยไม่มีผิด

ในขณะเดียวกัน...

“……”

คังวูจินเพียงแค่จ้องมองผู้กำกับชินดงชุนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า เป็นใบหน้าที่ยากจะคาดเดาได้ถึงอารมณ์ หลังจากผ่านไปประมาณ 10 วินาที คังวูจินก็พึมพำออกมาอย่างแผ่ว

“ผมรู้สึกผูกพันกับงานชิ้นนี้ครับ”

ดวงตาของผู้กำกับชินดงชุนถึงกับเบิกกว้าง

“ผูกพัน…เหรอครับ?”

ในขณะเดียวกัน เขารู้สึกถึงคลื่นอารมณ์ที่พุ่งพล่านขึ้นมาในใจ

รู้สึกราวกับว่าหลายปีแห่งความลำบากและความเจ็บปวดที่เขาต้องทนมาเกือบสามปีกำลังถูกชะล้างออกไปหมด ผูกพัน...เขาเป็นนักแสดงคนแรกที่แสดงความรักต่อผลงานของเขา ผู้กำกับชินดงชุนรู้สึกตื้นตันใจมาก

เพียงแค่ประโยคเดียวเรียบ ๆ ไร้อารมณ์ของคังวูจิน

“คุณพูดว่า…ผูกพันเหรอครับ?”

“ใช่ครับ ผูกพัน”

จากนั้น ผู้กำกับชินดงชุนก็ถึงกับหัวใจเต้นโครม ๆ เขาจ้องมองคังวูจินที่มีใบหน้าเรียบเฉยพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง

‘บท 'การไล่ผี' ของฉันถูกคนอื่นไม่เห็นค่ามาโดยตลอด แต่…เขากลับบอกว่าผูกพัน เป็นนักแสดงที่ยังไม่ได้รู้จักฉันเลยด้วยซ้ำ’

ความรู้สึกของผู้กำกับชินดงชุนเปลี่ยนจากตื้นตันใจเป็นตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว เขาคล้ายได้รับเสียงสะท้อนอันยิ่งใหญ่จากคำว่า 'ผูกพัน' ของคังวูจินจริง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับสิ่งที่PDซงมันวูบอกเขาทางโทรศัพท์เมื่อวานเลย

“พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาได้บทของเอ็งมาได้ยังไง แต่นั่นหมายความว่าเขาชื่นชอบในผลงานของเอ็งเป็นพิเศษไม่ใช่เหรอ”

ผู้กำกับชินดงชุนไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำพูดนี้เท่าไรนัก

แต่เขามั่นใจทันทีเมื่อได้ยินคำว่า 'ผูกพัน' ที่คังวูจินเพิ่งพูดออกมาอย่างเย็นชา นักแสดงที่ดูไม่สนใจอะไรคนนี้กลับชอบบทของฉัน ดูจะชอบบทนี้มากด้วย แล้วยิ่งไปกว่านั้น คังวูจินยังเป็นนักแสดงที่ชนะใจผู้กำกับชื่อดังอย่างPDซงมันวูและนักเขียนพัคอึนมี ทั้งยังได้เข้าร่วมโปรเจคขนาดใหญ่อย่าง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' อีก

แถมฝีมือการแสดงยังระดับเทพ จนไม่อาจหาคำใดเอื้อยเอ่ยมาอธิบายได้

นักแสดงแบบนั้น ชื่นชอบและผูกพันกับบทของผู้กำกับไร้ชื่อเนี่ยนะ? ความยากลำบากและบาดแผลนับไม่ถ้วนที่สะสมอยู่ในใจของผู้กำกับชินดงชุนเริ่มได้รับการเยียวยา ในอดีตทุกครั้งเขามักต้องถูกเหยียบย่ำและเพิกเฉย ทำให้ชีวิตปัจจุบันของเขาแทบไม่ต่างอะไรกับนรกบนดินเลยด้วยซ้ำ

ในไม่ช้า เมื่อเสียงสะท้อนในใจของผู้กำกับชินดงชุนทวีความรุนแรงขึ้น ดวงตาของเขาก็เริ่มแดงก่ำ

“ขอบคุณ ขอบ…คุณจริง ๆ ครับคุณคังวูจิน”

คังวูจินยังคงทำหน้าตาย เขาเงียบปากไปและเฝ้ามองดูผู้กำกับชินดงชุนที่ฝั่งตรงข้าม

“……”

เขาเอียงคอเล็กน้อย ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปเลย

*****

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด