บทที่ 69 : อสูรสิงโตคำราม
บทที่ 69 : อสูรสิงโตคำราม
บูมมมม~~!
เสียงคํารามดังสนั่นเขย่าสวรรค์และโลก
ซึ่งนี่มันแตกต่างจากการแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้กับมู่ซีเหยาอย่างมาก
เมื่อพูดถึงชูไท่ชาง การเคลื่อนไหวของเย่หวู่ชางเป็นท่าสังหารที่น่าสะพรึงกลัว
การโจมตีครั้งนี้เต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้าเเละตรงไปยังชูไท่ชางอย่างรวดเร็ว
เขาอาจไม่เคยมีปัญหากับชูไท่ชาง….แต่ขอโทษที่เขาไม่ใช่นักบุญผู้มีใจเมตตา
สําหรับมู่ซีเหยา, อัจฉริยะหญิงระดับแนวหน้าที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น….เขาจึงสามารถอดทนกับเธอเพื่อตรวจสอบและแนะนําเธอได้
เเต่ถ้าเป็นผู้ชาย…..ขออภัย, โปรดย้อนกลับไปไม่ว่าเจ้ามาจากทางไหนก็ตาม
เขาไม่มีความอดทนพอที่จะต่อสู้กับพวกผู้ชายนานๆ
……..
ทางด้านชูไท่ชาง
ในขณะที่เขาปรากฏตัวและกําลังจะแนะนําตัวเองกับเย่หวู่ชาง
ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงทันที
เขาไม่คาดคิดว่าเย่หวู่ชางจะไม่ให้เกียรติเขาสักนิดและโจมตีด้วยท่าสังหารทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้อารมณ์ของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นทันที
"นี่เจ้าคิดว่าข้าสามารถกลั่นแกล้งง่ายมากใช่ไหม?”
“มาเจอหมัดของข้าหน่อย, หมัดทลายดวงดาว!”
การชกครั้งนี้ของชูไท่ชางเเฝงไปด้วยเจตนาหมัดขั้นที่สี่….เเละมันไม่ได้อ่อนแอเลย
หมัดนี้ทําให้ผู้ชมนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึงอย่างมาก
น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่หวู่ชาง….หมัดนี้ยังอ่อนแอมากเกินไป
ตูม~!
ทันทีที่การโจมตีทั้งสองปะทะกัน
ปราณดาบอันน่าสะพรึงกลัวของเย่หวู่ชางก็ฟันทะลุหมัดของชูไท่ชางโดยตรง
ตูม~~!
โดยไม่ต้องแปลกใจ….ดาบเล่มนี้ส่งชูไท่ชางออกจากโลกใบเล็กเเละลงจอดบนเวทีโดยตรง
หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นโดยมี ชูไท่ชางอยู่ตรงกลาง….เเละล้อมรอบด้วยลวดลายคล้ายใยแมงมุมหนาแน่น
เมื่อเห็นฉากนี้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็รู้สึกชาที่หนังศีรษะ
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนเพ้อฝัน….โดยคิดว่าตนจะสามารถได้รับคำเเนะนำจากเย่หวู่ชางได้
แต่ตอนนี้, ด้วยการลงมือเต็มกำลังของเย่หวู่ชาง….มันก็ได้ทําลายจินตนาการของพวกเขาโดยตรง
ปรากฎว่าความอ่อนโยนของเขาไม่ใช่สําหรับทุกคน
และมู่ซีเหยาที่เห็นฉากนี้กฌรู้สึกถึงความหวานในใจ…อย่างอธิบายไม่ถูก
นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนในรอบหลายทศวรรษ
เเละเมื่อมองไปที่ร่างสูงและสง่างามของเย่หวู่ชาง….ครู่หนึ่งเธอก็รู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
อีกด้าน
ตอนนี้ชูไท่ชางได้ออกมาจากหลุมเเละทะยานขึ้นไปในอากาศ
ณ ขณะนี้แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุข….แต่เขาก็ต้องทนกับมัน
พลังระหว่างเขากับเย่หวู่ชางนั้นห่างกันราวฟ้ากับเหว….ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้อีกเเล้ว
………
ในขณะนี้
อัจฉริยะระดับมังกรสองในสามคนได้พ่ายแพ้ไปเเล้ว….ดังนั้นอัจฉริยะระดับมังกรที่ยังไม่ได้สู้กับเย่หวู่ชางจึงเหลือเพียงคนเดียว
ณ ตอนนี้….ทุกสายตาจึงจับจ้องไปที่เจียงลั่วเฉิน
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี้ เจียงลั่วเฉินก็อดไม่ได้ที่จะแตะจมูกของเขาอย่างเชื่องช้า
หลังจากโดยไม่ลังเลใดๆ….เขาก็พุ่งไปยังบัลลังก์ทองคำที่หนึ่งโดยตรง
เเละสิ่งนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้กับเย่หวู่ชางอีกต่อไป
เเละนั่นเป็นเพราะเขาชัดเจนมากเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเอง
เขานั้นเคยต่อสู้กับชูไท่ชางมาหลายต่อหลายครั้งและพลังของพวกเขาล้วนเท่าเทียมกัน
ดังนั้น, เขาจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับเย่หวู่ชางให้เสียเวลาอีก
ส่วนอันดับสอง, ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะเปิดฉากการต่อสู้เพื่อมัน
แต่หลังจากได้เห็นเจตนาดาบขั้นที่ห้าของมู่ซีเหยา….เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเธอได้
แน่นอนว่าเมื่อเห็นสิ่งนี้, มู่ซีเหยาก็คว้าอันดับสองโดยไม่ลังเล
สุดท้าย, ในขณะนี้ดวงตาของชูไท่ชางก็เปลี่ยนไปและสีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงเรื่อยๆ
เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า….ในหมู่อัจฉริยะระดับมังกรทั้งสี่คนเขาจะเป็นคนที่ได้ที่สี่
เเน่นอนว่าเขาไม่กล้าท้าทายเย่หวู่ชางอีกและมู่ซีเหยาที่มีเจตนาดาบขั้นที่ห้าก็ไม่ได้เช่นกัน
สําหรับเจียงลั่วเฉิน พวกเขาเคยต่อสู้กันมาหลายครั้งเเล้ว, ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักความแข็งแกร่งของกันและกันเป็นอย่างดี
ตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บ, เขาจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอีกต่อไป
ในท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ….เขาก็ทำได้เเค่นั่งในตําแหน่งที่สี่ได้อย่างช่วยไม่ได้
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
โดยไม่คาดคิดการประลองในครั้งนี้กลายเป็นการจัดอันดับของ "สี่อัจฉริยะระดับมังกร" ที่ตัดสินกันได้ก่อน
แถมคนอื่นๆก็ไม่มีความปรารถนาที่จะท้าทายพวกเขาอีกต่อไป
เเละในตอนนี้, คนที่อยู่ใน 36 อันดับแรกล้วนมีการแบ่งความแข็งแกร่งระหว่างทุกคนอย่างชัดเจน
มีเพียงเย่หวู่ชางเท่านั้นที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถบังคับให้เขาเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้
เพราะแม้แต่ชูไท่ชางผู้ทรงพลังก็ยังถูกทําลายด้วยหมัดเดียว….นอกจากนี้ยังไม่สามารถแม้แต่จะสัมผัสเสื้อผ้าของเย่หวู่ชางได้ด้วยซ้ำ
ส่วนถัดมาคืออัจฉริยะระดับมังกรอีกสามคน
ในหมู่พวกเขา, มู่ซีเหยาที่มีเจตนาดาบขั้นที่ห้าก็ได้แซงหน้าอีกสองคนไปอีกขั้น
ส่วนที่เหลือนอกจากสี่คนนี้….พวกเขาต่างก็เป็นคนที่รู้จักกันในนามอัจฉริยะระดับวีรบุรุษ, เเละอัจฉริยะระดับพรสวรรค์
ดังนั้น, ในอัจฉริยะ 108 ของผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสู่อาณาจักรลับมังกรทยาน
36 อันดับแรกกลับเป็นอัจฉริยะที่ถูกจัดอันดับพรสวรรค์จากศาลากลสวรรค์โดยไม่คาดคิด
ส่วนที่เหลืออีก 72 คนยังคงต่อสู้กันอย่างต่อเนื่อง
เเละกระบวนการนี้มันกินเวลาเกือบสามวัน และผู้ท้าชิงนับไม่ถ้วนต่างถอนตัวด้วยตัวเองหรือล้มเหลวสามครั้งจนต้องถอนตัวอย่างช่วยไม่ได้
ในที่สุด 108 อันดับแรกของการประลองมังกรเล้นลับก็ถูกตัดสินได้สําเร็จ
เมื่อมองไปที่บัลลังก์นับร้อยที่ตอนนี้มีเจ้าของเฝ้าอยู่….การประลองมังกรเร้นลับนี้จึงได้ข้อสรุปที่ประสบความสําเร็จ
และบนบัลลังก์สีม่วงทองนั้น….ตําแหน่งของเย่หวู่ชางย่อมโดดเด่นเป็นพิเศษโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม, เย่หวู่ชางยังคงเฉยเมยต่อสายตาของผู้อื่น
สิ่งที่เขาใส่ใจอย่างแท้จริงคืออัจฉริยะระดับสูงเพียงไม่กี่คนที่ได้รับแจ้งจากระบบว่ามีศักยภาพในการภรรยาของเขา
เเละเขาตระหนักดีว่า ถ้าเขาเสนอให้พวกเธอมาเป็นภรรยาเขาในตอนนี้….พวกเธอจะต้องเต็มใจอย่างเเน่นอน (.......มั่นหน้าดีเเท้)
อย่างไรก็ตาม….ในขณะนี้มีผู้ฝึกตน อาณาจักรถ้ำสวรรค์จํานวนมากเเละพวกเขาทั้งหมดมีผู้อาวุโสหรือญาติซุ่งอยู่เบื้องหลังพวกเธอ
หากเขาจะขอให้พวกเธอมาเป็นนางสนมของเขา….ผู้ฝึกตนอาณาจักรถ้ำสวรรค์เหล่านี้ก็คงจะมาฉีกอกเขาอย่างเเน่นอน
ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะรอจนกว่า อาณาจักรลับมังกรทยานจะสิ้นสุดลง….เขาถึงค่อยเริ่มดำเนินเเผนการ (ขอย้ำว่าไอ้นี่คือพระเอก)
………
เเละก่อนที่ใครจะทําการเคลื่อนไหวใดๆต่อ ร่างของโม่กังเฟิงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เเละเมื่อได้เห็นเหล่าอัจฉริยะในครั้งนี้….เขาก็รู้สึกสะเทือนใจเช่นกัน
การประลองนี้….มีอัจฉริยะที่มีคุณภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
"ณ บัดนี้การประลองได้จบลงแล้ว….เเละคราวนี้พวกเจ้าจะเป็นตัวแทนของอาณาจักรชางหลานของเราเพื่อเข้าสำรวจอาณาจักรลับมังกรทยาน!"
"ในอาณาจักรลับมังกรทยาน, การปรากฏตัวของพวกเจ้าจะแสดงถึงความภาคภูมิของอาณาจักรชางหลานของเรา….ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทําให้อาณาจักรชางหลานของเราอับอาย!"
นี่คืออีกหนึ่งความน่าประหลาดใจ
อาณาจักรลับมังกรทยานนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกับอาณาจักรชางหลานเเค่เพียงเเห่งเดียวเท่านั้น
เเต่อาจกล่าวได้ว่า, มันเป็นศูนย์กลางของทวีปเทียนหลัว
ดังนั้น, มันจึงเชื่อมต่ออาณาจักรหลักหลายสิบแห่งในทวีปเทียนหลัวทั้งหมด
เเละในอาณาจักรอื่นๆก็มีการจัดอันดับที่หลากหลายไม่มากก็น้อยตามขนาดของอาณาจักร
ข้อจํากัดเพียงอย่างเดียวคือมีเพียงผู้ฝึกตนในอาณาจักรหลักเท่านั้นที่สามารถเป็นตัวแทนของอาณาจักรหลักเเละจะเข้ามาในอาณาจักรลับได้
ด้วยเหตุนี้, การชนะการประลองมังกรเร้นลับก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอันตรายใดๆในการเข้าสู่อาณาจักรลับมังกรทยาน
ข้างในนั้น….ทุกคนยังคงต้องต่อสู้กับบุคคลที่แข็งแกร่งจากอาณาจักรอื่น, แข่งขันกันเพื่อสมบัติและเผชิญกับสถานการณ์ที่คุกคามถึงชีวิตตลอดเวลา
………
ทันใดนั้นเอง
จู่ๆเย่หวู่ชางและคนอื่นๆรู้สึกถึงพลังบางอย่างและร่างกายของพวกเขาถูกดึงเข้าไปในอาณาจักรลับอย่างรวดเร็ว
เเละเมื่อพวกเขาฟื้นคืนสติ, พลังวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ก็ลอยอยู่รอบๆพวกเขาทันที (ตกไปคนละที่นะครับ)
แม้แต่ เย่หวู่ชางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ…..ออร่าพลังวิญญาณที่นี่หนาแน่นกว่าพื้นที่แกนกลางของตระกูลเย่ถึงสามเท่า
เห็นได้ชัดว่าอาณาจักรลับมังกรทยานนั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด
เเละในขณะนี้….แม้ว่ามันจะเรียกว่าอาณาจักรลับแต่จริงๆแล้วมันเป็นโลกถ้ำสวรรค์ขนาดใหญ่
ดังนั้น, แม้ว่าจะเป็นเย่หวู่ชาง….การสํารวจสถานที่แห่งนี้ในช่วงเวลาสั้น ๆมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้
ดังนั้นทรัพยากรหรือสมบัติใดที่จะได้รับจากที่นี่นั้น.…มันล้วนขึ้นอยู่กับโชควาสนาทั้งหมด
และไม่นานหลังจากนั้น, เขาก็ได้พบสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสวรรค์
ข้างๆสมุนไพรจิตวิญญาณต้นนั้น….มีสิงโตสามหัวคอยเฝ้ามันอยู่
สิงโตตัวนี้ฉายความดุร้ายและมองมาที่เย่หวู่ชางด้วยเจตนาฆ่าไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตาม, เมื่อต้องเผชิญกับเสียงคํารามและความกระหายเลือดของสิงโตสามหัว….เย่หวู่ชางยังคงไม่มีความสะทกสะท้านใดๆ
เเละทันใดนั้น, เจตนาดาบของเจาก็กระพริบและปราณดาบอันเเหลมคมก็ปรากฏขึ้น
ฉับ~~~!!!
หัวทั้งสามของสิงโตสามหัวถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว
แม้แต่ในช่วงเวลาที่มันกําลังจะตาย, มันก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่ามนุษย์คนนี้จะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์คนก่อนๆมาก
เเละหลังจากเก็บเกี่ยวสมุนไพรจิตวิญญาณระดับสวรรค์นี้เเล้ว…..เย่หวู่ชางก็ทะยานขึ้นไปในอากาศต่อไป
……..
หลังจากนั้นไม่นาน
ในฐานะบิดาผู้ให้กําเนิดเย่ซินชิงบุตรแห่งโชคชะตา…. เเน่นอนว่าโชคลาภของเย่หวู่ชางเองก็ไม่ขาดโดยธรรมชาติ
ระหว่างทางเขาไม่รู้ว่าเขาสะสมสมบัติทางจิตวิญญาณมาเเล้วกี่ชิ้น
เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่า หลังจากเขาปรับแต่งสมบัติเหล่านี้เป็นยาเม็ด….ความแข็งแกร่งของตระกูลเย่จะต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างเเน่นอน
เย่หวู่ชางเดินทางต่อไปตามเส้นทางแห่งหัวใจ….เเละในที่สุดเขาก็มาถึงหุบเขาลึกเเห่งหนึ่ง
เเละเมื่อมองลงไป, เย่หวู่ชางก็เห็นสิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายที่เขาต้องการ
อสูรสิงโตคําราม!
นี่คือที่อยู่อาศัยของอสูรสิงโตคําราม เเละมันมีอสูรสิงโตคํารามขนาดใหญ่เกือบร้อยตัวนอนอยู่ที่นี่
อสูรสิงโตคํารามที่โตเต็มวัยทั้งหมดจะได้รับพลังการฝึกตนในอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์
นอกจากนี้เขายังเห็นราชาอสูรในหมู่พวกเขา….เเละราชาอสูรนี้มีฐานการฝึกตนอยู่ที่ขั้นที่แปดของอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม, เพราะมันมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์โบราณ….พลังการต่อสู้ของมันจึงน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก
ประกอบกับร่างกายที่แข็งเเกร่งประจำเผ่าพันธุ์…..อาจกล่าวได้ว่าผู้ฝึกตนอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ ขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับมันได้
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมมันถึงสามารถนําเผ่าอสูรสิงโตคำรามให้อยู่รอดได้ในอาณาจักรลับเเห่งนี้
เเละเมื่อรู้สึกถึงการมาถึงของเย่หวู่ชาง….ราชาอสูรก็ส่งเสียงคํารามทันที
ดวงตาที่ดุร้ายของมันจ้องมองไปที่ เย่หวู่ชางด้วยความอาฆาตถึงขีดสุด
เเละเมื่อได้ยินเสียงของราชาอสูร….อสูรคล้ายสิงโตตัวอื่นๆก็รีบลุกขึ้นและปกป้องเหล่าลูกอสูรที่อยู่ข้างหลังพวกเขาทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เย่หวู่ชางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป
เขาก้าวไปข้างหน้าและยืนอย่างภาคภูมิต่อหน้าอสูรร้ายที่เหมือนสิงโตในหุบเขา
เเละเมื่อเห็นการมาถึงของเย่หวู่ชาง ราชาอสูรก็คํารามขึ้นไปบนท้องฟ้า ปลดปล่อยเจตนาฆ่าอันไร้ขอบเขตทันที
ในฐานะราชาอสูร, มันตระหนักดีว่ามนุษย์เหล่านี้ไร้ยางอายมากเพียงใด
ทุกครั้งที่อาณาจักรลับเปิดออก….ลูกของพวกมันหลายตัวจะถูกขโมยหรือถูกสังหาร
มันจึงมีความปรารถนาที่จะฆ่ามนุษย์เหล่านี้โดยธรรมชาติ
ทางด้านเย่หวู่ชางเองก็รู้ว่าการที่เขาจะสามารถปราบอสูรสิงโตเหล่านี้ได้….เขาจำเป็นต้องพิชิตราชาอสูรตนนี้
ทันใดนั้น
เขาเก็บดาบเเละพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้พร้อมกำหมัดเเน่น
หลังจากปลูกฝังทักษะร่างทองคำเก้าเปลี่ยนแปลง….จนถึงการแปลงร่างครั้งที่ห้า
เย่หวู่ชางกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะรู้ขอบเขตของร่างกายของเขา
นอกจากนี้, ด้วยการเพิ่มพรสวรรค์ระดับบนสุดอย่างดวงตาคู่พิเศษและ กระดูกสวรรค์ขั้นสูงสุด
ในแง่ของความแข็งแกร่งทางกายภาพเพียงอย่างเดียว….เขาก็มีพลังเพียงพอที่จะบดขยี้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันเเล้ว
ตูม~~~~!
การปะทะของทั้งสองทำให้เกิดคลื่นกระแทกดังสนั่น
อย่างไรก็ตาม, เย่หวู่ชางกลับสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงโดยไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
เเต่ในทางกลับกัน….ราชาอสูรสิงโตคำรามกลับถูกผลักออกไปอย่างต่อเนื่องโดยพลังอันเเข็งเเกร่ง
ณ ขณะนี้…..ดวงตาของราชาอสูรเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นอกจากนี้, มันยังเข้าใจอย่างชัดเจนว่าว่ามนุษย์คนนี้จะมีพลังมากมากขนาดใหน
อย่างไรก็ตาม, เย่หวู่ชางไม่ได้สนใจความตกตะลึงของอีกฝ่าย
เขารู้ดีว่าในการจะพิชิตราชาอสูรเหล่านี้….เขาต้องเอาชนะพวกมันในสิ่งที่พวกมันภูมิใจมากที่สุด
………………………