ตอนที่ 170 ดาบไร้ตา ไม่ละเว้นผู้ใด (ฟรี)
ตอนที่ 170 ดาบไร้ตา ไม่ละเว้นผู้ใด
“อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังของอมตะเที่ยงแท้แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
ในเวลานี้ ความแข็งแกร่งของเขามาถึงระดับใหม่อีกครั้ง
ระดับใหม่ที่อาจส่งผลต่อทั้งแดนหงซิง!
หลังจากกลายเป็นอมตะเที่ยงแท้
ซูหยางรู้สึกว่าตนสามารถใช้เจตจำนงดาบเพื่อเข้า และออกจากแดนหงซิงได้ตลอดเวลา
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาสามารถยับยั้งผู้ฝึกฝนทุกคนที่อยู่ภายในระยะของเจตจำนงดาบให้ไม่สามารถออกจากแดนหงซิงตามต้องการได้
นี่ไม่ใช่ความสามารถเฉพาะตัวของซูหยาง
ตราบใดที่เป็นอมตะเที่ยงแท้ และเชี่ยวชาญพลังระดับนี้ ทุกคนก็สามารถทำได้
สิ่งนี้ทำให้ซูหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ยั่วยุศัตรูระดับนี้
มิฉะนั้น เขาจะไม่สามารถออกจาแดนหงซิงเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองได้
สิ่งนี้ทำให้เขาระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
ยังมีหลายสิ่งที่เขาไม่รู้ ไม่มีใครอยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริง พลาดพลั้งเพียงครั้งเดียวก็อาจจะทำให้เขาถึงตายได้
ยิ่งผู้ฝึกฝนแข็งแกร่งขึ้นเท่าไรก็ยิ่งจะได้พบเจอกับสิ่งที่ยากจะเข้าใจมากขึ้นเท่านั้น ความต่างของฐานการบ่มเพาะจะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนทั้งในด้านของพลัง และความรู้
เช่นเดียวกับวิญญาณมาร เมื่อเขาไม่มีพลังเพียงพอ ต้องใช้สิ่งที่วิญญาณมารกลัวเพื่อทำลายพวกมัน
แต่เมื่อเจตจำนงดาบของเขามาถึงระดับ 500 ข้อจำกัดนี้ก็จะหายไป
โชคดีที่ความแข็งแกร่งของเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในไม่กี่วันหลังจากเข้าสู่แดนหงซิง เขาก็กลายเป็นอมตะเที่ยงแท้แล้ว
“แต่...ความสามารถนี้ดีจริงๆ”
“ครั้งนี้จะไม่มีใครหนีรอดออกไปได้อีก”
ถึงเวลาสะสางปัญหาแล้ว
เจตจำนงดาบล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่า จากนั้นก็แหวกรอยแยกมิติให้เปิดออก
อีกด้านของรอยแยกมิติคือ เมืองอันงดงามแห่งหนึ่ง
มีแผ่นจารึกอยู่ที่ประตูเมืองว่า ‘เมืองเกล็ดทอง’
ณ เมืองเกล็ดทอง
ผู้ฝึกฝนเผ่าอมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่วเมือง
แต่ก็ยังบางคนสังเกตเห็นรอยแตกมิติบนท้องฟ้าเหนือเมืองของพวกเขา
ทุกคนเงยหน้าขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมจู่ๆ ถึงมีรอยแตกมิติที่ตรงนั้น
สิ่งนี้ยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญของเมืองเกล็ดทองตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน
จินเฟยหวู่ที่เป็นอมตะสวรรค์ก็ปรากฏตัวเหนือเมืองในเวลาสั้นๆ
เขายืนนิ่งตรงข้ามกับจุดที่รอยแยกมิติปรากฏขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ซูหยางก้าวเข้าไปในรอยแตกมิติ
นี่คือ รอยแตกมิติที่เขาสร้างขึ้นด้วยเจตจำนงดาบ
ด้วยความช่วยเหลือของพลังแห่งกรรม และพลังมิติ
กำหนดตำแหน่งเป้าหมาย และเคลื่อนย้ายทางไกล
แม้ว่าตอนนี้เขาจะสามารถใช้พลังแห่งกรรมได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ศัตรูได้เริ่มวางแผนต่อต้านเขา ทำให้เกิดสายใยแห่งกรรมที่ชัดเจน นั้นทำให้เป็นเรื่องง่ายที่จะย้อนรอยความเชื่อมโยงเพื่อหาที่อยู่ของอีกฝ่าย
รวมถึงเมืองของพันธมิตรเผ่าอมนุษย์อีก 13 เมืองที่เหลือด้วย
ตราบใดที่พวกเขามีส่วนร่วมในแผนการครั้งนี้
ซูหยางก็สามารถอนุมานที่อยู่ของคนเหล่านี้ผ่านเจตจำนงดาบ และพลังแห่งกรรม
ใช้มันค้นหาพวกเขา
เพียงก้าวเดียว ซูหยางก็ก้าวเข้าไปในรอยแยกมิติ ข้ามระยะทางที่ไม่รู้จัก และปรากฏตัวเหนือเมืองเกล็ดทอง
การปรากฏตัวของซูหยางทำให้อุณหภูมิของทั้งเมืองเกล็ดทองลดลง
โดยไม่มีเหตุผลใดๆ คนทั้งเมืองดูเหมือนจะปิดปากเงียบพร้อมกันในขณะนี้
ผู้ฝึกฝนของต่างๆ ในเมืองเกล็ดทองต่างรู้สึกไม่สบายใจ และหัวใจของพวกเขาก็เต้นแรงขึ้น
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปบนฟ้า และได้เห็นตอนที่ซูหยางก้าวออกมาจากรอยแยก
“เผ่ามนุษย์? ซูหยาง?”
คนๆ หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในใจของจินเฟยหวู่ และนั่นคือ ซูหยาง
สามารถข้ามความว่างเปล่าที่แดนหงซิงได้
นั่นจะต้องมีความแข็งแกร่งของอมตะสวรรค์
ในที่ราบเฮยเสอ ยกเว้นซูหยางที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีอมตะสวรรค์คนอื่นในเผ่ามนุษย์
ผลลัพธ์นี้คาดเดาได้ไม่ยาก
แต่ขณะนั้น จินเฟยหวู่มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เขาไม่สามารถระบุสาเหตุของความไม่สบายใจนี้ได้
มันอาจเกี่ยวข้องกับซูหยางที่เพิ่งปรากฏตัว
จินเฟยหวู่ขมวดคิ้ว ไม่สามารถคิดหาเหตุผลอื่นใดนอกจากนี้ได้
“ช่างเถอะ ดีเสียอีกที่เขามาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
จินเฟยหวู่หยิบยันต์อมตะเที่ยงแท้ออกมา
เขาได้รับสิ่งนี้โดยบังเอิญจากอมตะเที่ยงแท้คนหนึ่ง
ความสามารถของยันต์นี้คือ ปิดผนึกพื้นที่
ทุกคนที่อยู่ในระยะจะไม่สามารถเข้า และออกจากแดนหงซิงได้อย่างอิสระเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แม้ว่าตอนนี้ซูหยางจะเข้าสู่อาณาเขตเขตของเมืองเกล็ดทองแล้ว
แต่เมืองเกล็ดทองก็สามารถหน่วงเวลาได้เพียง 5 วินาทีเท่านั้น
เวลาเท่านั้นน้อยเกินไป
ด้วยยันต์อมตะเที่ยงแท้แผ่นนี้ในมือ เขาสามารถปิดผนึกพื้นที่ได้ถึง 1 ชั่วโมง
แผ่นยันต์จะเกาะติดที่ร่างกายของเป้าหมาย ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถออกจากแดนหงซิงได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง
สิ่งนี้ดูเหมือนจะเล็งเป้าไปที่การจัดการกับใครบางคนโดยเฉพาะ
จินเฟยหวู่ใช้ยันต์อมตะเที่ยงแท้กับซูหยางในทันที
ในเวลาเดียวกัน อมตะสวรรค์อีกสองคนก็บินออกจากเมืองเกล็ดทอง
พวกเขาทั้งสามลอยตัวอยู่ที่สามด้าน และล้อมซูหยางไว้อย่างสมบูรณ์
ซูหยางที่เพิ่งก้าวออกมาจากรอยแยกมิติรับรู้ได้สิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
อย่างแรก ออร่าของอมตะเที่ยงแท้ได้ห่อหุ้มตัวเขาไว้ มันจำกัดความสามารถของเขาในการเข้า และออกจากแดนหงซิงอย่างอิสระ
แต่น่าเสียดาย
ซูหยางทำลายออร่านั้นได้ในพริบตาเดียว
แค่ออร่าจะยับยั้งผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกันได้อย่างไร?
ไม่ใช่เรื่องน่าขันหรอกเหรอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซูหยาง ด้วยเจตจำนงดาบ เขาถือว่าอยู่เหนือว่าใครๆ ในระดับเดียวกัน
ส่วนอมตะสวรรค์ทั้งสามที่ปิดล้อมเขาอยู่
ถ้าเขายังเป็นอมตะสวรรค์ มันคงจะอันตรายนิดหน่อย
น่าเสียดายที่วันนี้เขาไม่ใช่
“ฮ่าๆๆ ซูหยาง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้ามาที่นี่”
“เจ้าคงรู้สึกได้สินะว่าตนไม่สามารถหลบหนีจากแดนหงซิงได้อีกต่อไป”
จินเฟยหวู่ยืนอยู่ในความว่างเปล่า และภาคภูมิใจเล็กน้อย
ต่อไป สิ่งที่เขาต้องทำคือ สังหารซูหยางให้ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง
เมื่อได้ยิน ซูหยางก็หัวเราะอยู่ในใจ?
ไม่สามารถออกจากแดนหงซิงได้งั้นเหรอ?
ลมหายใจต่อมา ซูหยางหายตัวไป
เมื่อเห็นแบบนั้น จินเฟยหวู่ และอมตะสวรรค์อีกสองคนก็ตกตะลึง
พวกเขามองหน้ากัน และหนึ่งในนั้นเอ่ยปากออกมา
“เฟยหวู่ เกิดอะไรขึ้น?”
"นี่…"
ตัวจินเฟยหวู่เองก็ตกตะลึง เขาใช้ยันต์อมตะเที่ยงแท้กับซูหยางแล้วไม่ใช่หรือ?
ทำไมซูหยางถึงหายตัวไปได้อีก?
แต่วินาทีต่อมา ซูหยางก็กลับมาที่เดิมอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าข้าจะออกไปเมื่อไรก็ได้ แล้วพวกเจ้าล่ะลองดูสิว่าจะออกไปได้ไหม”
ซูหยางพูดอย่างสนุกสนาน และมองไปที่คนทั้งสาม
จินเฟยหวู่ และคนอื่นๆ ตกใจ และพยายามลองออกจากแดนหงซิงดู
แต่พวกเขาก็ค้นพบว่าไม่สามารถออกไปได้
"เกิดอะไรขึ้น!"
การแสดงออกของทั้งสามคนเปลี่ยนไป
นี่มันผิดปกติแล้ว
เมื่อซูหยางคิด และเจตจำนงดาบอันไร้ที่สิ้นสุดก็เติมเต็มความว่างเปล่า
มันครอบคลุมพื้นที่โดยรอบตามที่เขาต้องการ
ในความคิดที่สอง เจตจำนงดาบล็อคเข้ากับอมตะสวรรค์ทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าเขาราวกับคว้าจับตุ๊กตา
“รู้อะไรไหม การกำหนดเป้าหมายไปที่เผ่ามนุษย์เป็นทางเลือกที่แย่ที่สุดสำหรับพวกเจ้าทุกคน”
หลังจากที่ซูหยางพูดจบ เขาก็เพิกเฉยต่อความตื่นตระหนกในสายตาของทั้งสามคน
เจตจำนงดาบทะลวงเข้าไปในร่างกายของพวกเขาทั้งสามพร้อมๆ กัน
แทงใส่วิญญาณของพวกเขา สังหารในพริบตาเดียว
เหลือเพียงสามศพเท่านั้นที่ค่อยร่วงหล่น
สามอมตะสวรรค์ล้มลงแล้ว!
[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต + 670,000 ]
แต่น่าเสียดายที่เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตที่ได้ไม่มากเท่าไรนัก
บาปของพวกเขามีมากกว่าพันแต่ไม่ถึงหมื่น
เมื่อฝึกฝนมาถึงระดับนี้ คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนมากมายอย่างไร้เป้าหมายอีกต่อไป
ดังนั้นระดับบาปจึงไม่สูงนักโดยธรรมชาติ
แต่ถึงอย่างนั้น บาประดับพันขึ้นไปก็หมายถึงความตายของผู้คนจำนวนมาก
ซูหยางได้ทำการวิเคราะห์ และพบว่าผู้ที่ระดับบาปมากกว่าพันต้องสังหารคนไปอย่างน้อยหลายสิบล้านคน
หลังจากสังหารอมตะสวรรค์ทั้งสาม ซูหยางก็มองไปที่เมืองขนาดใหญ่เบื้องล่าง
มีผู้ฝึกฝนจากเผ่าต่างๆ กว่าล้านคน
ทุกคนที่ได้โอกาสเข้าสู่แดนหงซิงล้วนไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขามีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าผู้ฝึกฝนนับล้านเหล่านี้จะให้เจตจำนงแห่งสรรพชีวิตได้มากแค่ไหน
พื้นที่ในรัศมีหลายพันลี้ถูกซูหยางปิดกั้นมานานแล้ว
ในเวลานี้ ในเมืองเกล็ดทอง หลายคนที่ต้องการออกจากแดนหงซิงต่างสับสนอย่างยิ่ง
"เกิดอะไรขึ้น?"
“ทำไมข้าถึงออกจากแดนหงซิงไม่ได้?”
ความคิดหนึ่งปรากฏขึ้นในใจพวกเขา
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นความคิดสุดท้ายของพวกเขาด้วยเช่นกัน
เจตจำนงดาบของซูหยางครอบคลุมทั่วทั้งเมือง ครอบคลุมรัศมีหลายพันลี้
ผู้ฝึกฝนทุกคนในเมืองถูกเจตจำนงดาบของเขากวาดล้างไปในความคิดเดียว
[ เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต + 1,200,000,000 ]
หลังจากจัดการกับศัตรูทั้งหมดในเมืองเกล็ดทอง ซูหยางก็เก็บสินสงครามทั้งหมดไป
แหวนมิติจำนวนมากก็ถูกรวบรวม และลอยมาหาซูหยาง
เมื่อมองไปที่แหวนมิติจำนวนนับไม่ถ้วน ซูหยางก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้ง
“ถ้าต้องตรวจสอบด้วยตัวเองคงเสียเวลามากเป็นแน่”
“ดูเหมือนว่าจะต้องให้กู่ซิ่วมาที่แดนหงซิงสักพักเพื่อจัดการในเรื่องนี้”
ซูหยางไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย
เขาจะเก็บมันเอาไว้ก่อน จากนั้นค่อยจัดการกับพวกมันหลังจากขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว
รวมถึงแหล่งทรัพยากรที่ถูกยึดครองโดยเมืองเหล่านี้ซึ่งเขาจะไม่ยอมเสียมันไป
ทรัพยากรทั้งหมดจะต้องถูกส่งไปยังเมืองต้าเซี่ย
นอกจากเมืองเกล็ดทองที่เป็นเมืองขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมีเมืองขนาดกลางอีก 13แห่งที่ต้องจัดการ
เขาจะไม่ยอมปล่อยใครให้รอดไปได้
เมื่อพวกเขากล้าข่มขู่ และต้องการทำลายล้างเผ่ามนุษย์
พวกเขาก็ควรรับรู้ว่ามีราคาที่ต้องจ่ายหากสถานการณ์พลิกกลับ
ถ้าซูหยางไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ
เผ่ามนุษย์จะทนทุกข์ทรมานหรือไม่?
เผ่ามนุษย์ทั้งหมดในที่ราบเฮยเสอจะถูกกวาดล้างหรือไม่?
เขาไม่ใช่คนใจอ่อน เขาจะไม่เมตตาต่อศัตรูคนใด!