ไซ้ด์ สตอรี่ – ซายามะ รินะ 3
ไซ้ด์ สตอรี่ – ซายามะ รินะ 3
ตอนนี้ฉันมาอยู่หน้าห้องชมรมเทนนิส
――ก็อก! ก็อก !
ฉันเคาะประตูห้อง
“เข้ามาเลยจ้า ~ ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ !? รุ่นพี่ , อย่าเพิ่ง ” (ซาโอริ)
น้ำเสียงแกมหยอกของผู้ชายคนหนึ่งดังมาจากอีกฟากฝั่งของประตู และเสียงของซาโอริที่ห้ามเขาไว้
――ก็อก ! ก็อก !
“ฉันเข้าไปได้ใช่ไหมคะ ?” (รินะ)
ฉันเคาะซ้ำเป็นรอบที่สอง แล้วถามคนที่อยู่ข้างใน
หลังจากทำแบบนั้น ประตูก็เปิดออก ชายร่างใหญ่โผล่มา
“เธอคือ เพื่อนของ ซาโอริจังใช่ไหม?”
“ค่ะ ฉัน ซายามะค่ะ” (รินะ)
“แล้วชื่อเธอล่ะ ?”
“…รินะค่ะ ,มีอะไรอย่างนั้นหรือคะ ?” (รินะ)
ในตอนนั้นเองที่ฉันรู้สึกรังเกียจชายตรงหน้าที่จู่ๆถามชื่อ ฉันโดยไม่บอกชื่อตัวเอง
“รินะจัง อย่างนั้นเหรอ …? ยินดีที่ได้รู้จัก !
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ การเคาะประตูสองครั้งนั่นมันเคาะเรียกหน้าห้องน้ำนะ มันจะสะดวกกว่านะถ้าจำเรื่องนี้ไว้ ตอนที่ไปหางานทำน่ะ คิดงั้นไหม ?”
ชายตัวใหญ่พูดกับฉันด้วยท่าทางเป็นกันเองราวกับเป็นคนคุ้นเคย
ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ชอบบรรยากาศคนตีสนิทนิสัยเหลาะแหละแบบนี้ นี่แหละคือ เหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงไม่อยากจะมายุ่งอะไรกับพวกชมรมเทนนิส
“พอได้แล้วน่า ยูยะ”
หรือฉันควรจะกลับเลยดี ?
ทีแรกฉันก็คิดอย่างนั้นอยู่จนกระทั่งได้ยินเสียงเตือนชายร่างใหญ่ที่ชื่อ ยูยะจากในห้องชมรม
“ต้องขอโทษที่เรียกเธอมาที่นี่นะ ผมชื่อ อันโด ฮิเดยะ
ก็ไม่ได้อะไรมากมายนักหรอก จะเรียกผมว่า ประธานชมรมเทนนิสก็ได้ ” (ฮิเดยะ)
หนุ่มแว่น ดูท่าทางเฉลียวฉลาด ― อันโด ฮิเดยะ, ที่อยู่ด้านในห้องกวักมือเรียกฉัน
“อ่ะค่ะ ฉันซายามะ รินะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” (รินะ)
รุ่นพี่อันโดน่าจะเป็นรุ่นพี่ปี 3 หรือปี 4 ในฐานะที่ฉันเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งเลยก้มศีรษะแสดงความเคารพ
“อะฮ่าฮ่า … ผมรอที่จะได้ร่วมงานกับเธออยู่นะ” (ฮิเดยะ)
รุ่นพี่อันโดแสดงความกระอักกระอ่วนออกมา แต่ก็ยังคงก้มหัวเล็กน้อยเพื่อตอบรับ
“เฮ้ย! เฮ้ยHey! ฮิเดยะ, นี่แกตั้งใจจะจับมือกันโดยไม่สนใจ รินะจังเลยงั้นเหรอ” (Yuuya)
ยูยะล้อเลียนรุ่นพี่อันโด
“เอ๋ !?” (รินะ)
พอเห็นสถานการณ์ดังกล่าวเข้าฉันก็มองต่ำลง
“เงียบไปเถอะน่า …ยูยะ” (ฮิเดยะ)
หลังจากถูกรุ่นพี่อันโดตักเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นชา ยูยาก็เงียบได้เสียที
“ค่ะ คืออย่างนี้นะคะ รุ่นพี่อันโด ,ฉันได้ยินมาจากซาโอริว่า คุณมีเรื่องที่จะคุยกับฉันใช่ไหมคะ … ไม่ทราบว่า คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ ?” (รินะ)
“มีอยู่แล้ว ฉันได้ยินมาจาก คายามะซังน่ะ ว่า ซายามะซัง.... เธอน่ะเคนโด้มากเลยนี่ เรื่องนั้นจริงไหม ?” (ฮิเดยะ)
“――!?” (รินะ)
หลังจากได้ยินคำพูดของเขาฉันก็พูดไม่ออก
จริงอยู่ที่ฉันเคยเรียนเคนโด้ และได้สายดำด้วย
ปู่ของฉันเป็นเจ้าของโดโจ(โรงฝึกแบบญี่ปุ่น) ทั้งพ่อ แม่และพี่ชายของฉันก็สายดำกันหมด
พวกเขานั้นเชี่ยวชาญในด้านนี้มากระดับที่คนในวงการต่างรู้จักชื่อพวกเขาทุกคน
แต่ฉันน่ะไม่ได้มีพรสวรรค์แบบนั้น
ฉันได้รับการฝึกฝนและการสอนการฟันดาบมาตลอด แต่สุดท้ายแล้วก็ได้รู้ว่า ― ฉันมันไร้พรสวรรค์
ไม่ว่าฉันจะเข้ารวมการแข่งขันจะน้อยใหญ่แค่ไหน ในช่วงสมัยเด็ก สุดท้ายแล้วฉันมักจะได้ ที่สองเสมอ
มันเป็นตราบาปที่ติดตัวฉันไปในชื่อว่า ― ราชินีไร้มงกุฏ
คำว่าไร้มงกุฏหมายถึงบุคคลธรรมดาที่ไปไม่ถึงจุดสูงสุด
ในโดโจนั้นประดับด้วยถ้วยรางวัล,ใบประกาศ, รวมถึงธงสามเหลี่ยมของการแข่งขัน
ที่สะสมมาตั้งแต่สมัยยุคคุณปู่ , แต่ในบรรดาของเหล่านั้นไม่มีชื่อฉัน
นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมฉันถึงละทิ้งเส้นทางเคนโด้
“อันนี้เรื่องจริงนะ ! รินะน่ะสุดยอดมากเลย ! เธอได้ที่ 2ในการแข่งระดับภูมิภาคและระดับประเทศช่วงอินเตอร์ไฮสมัย ม .ปลายด้วยนะ !” (ซาโอริ)
ซาโอริพูดออกมาโดยไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลยสักนิด
“รุ่นพี่อันโดนคะ ฉันต้องขออภัยอย่างสูงด้วยค่ะ แต่ฉันเลิกเล่นเคนโด้ไปแล้ว” (รินะ)
ฉันโค้งให้และกำลังจะออกจากที่แห่งนี้ไป
“ทำไมกันล่ะ !? ทำไมเธอถึงพูดอะไรแบบนั้นล่ะ !? รินะ, เธอน่ะสุดยอดมากเลยนะรู้ไหม ! อันดับ 2 จากทั้งประเทศเลยนะ ! เธอเก่งเป็นที่สองของญี่ปุ่นเชียวนะ !” (ซาโอริ)
ซาโอริตะโกนไล่หลังตอนที่ฉันกำลังจะไป
“เออใช่สิ ! ก็ที่ 2 ไง ! ฉันมันได้แค่ที่ 2 ! ยัยคนไร้มงกุฏ , คนธรรมดาที่ไม่เคยชนะการแข่งรายการไหนเลย … ฉันเองค่ะ ! อย่ามายุ่งกับฉันเลย !” (รินะ)
ฉันตะโกนกลับไป พร้อมทั้งปลดปล่อยอารมณ์ออกมา
“เดี๋ยวก่อนๆ ทั้งคู่เลย ใจเย็นลงก่อน”
ชายคนหนึ่งแทรกตัวเข้ากั้นกลางระหว่างฉันกับซาโอริที่กำลังตะโกนใส่กันอยู่ในห้องชมรม
พอรู้ว่าตัวเองทำอะไรน่าอายออกไป ฉันก็หน้าแดงก้มหน้างุด
“เอ่อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ไม่ค่อยแน่เท่าไหร่ แต่ดูเหมือนเราจะอยู่ชั้นปีเดียวกันนะ
จำได้ว่าเคยเข้าชั้นเรียนเดียวกัน ฉันว่าเคยเห็นเธอที่ไหนสัก แห่งมาก่อน…”
คนที่เข้ามาแทรกระหว่างเราสองคนนั้นเป็นชายผู้มีใบหน้าใกล้เคียงกับเด็กมัธยมปลายอยู่บ้าง มองฉันด้วยสายตาเรียบเฉย
“เอ-เอ่อ คุณ … ฉันก็จำได้ค่ะ ว่าเคยเห็นคุณมากก่อน” (รินะ)
“อ่า ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะ ผมชื่อ อิกุจิคาสุยะ ” (คาสุยะ )
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ …” (รินะ)
หลังจากสงบอารมณ์ลงได้ ฉันก็ตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบาๆ
“อืม จะว่าไป ซายามะซัง , เธอน่ะไม่ใช่ 『คนธรรมดา 』ที่ไร้มงกุฏ แต่ว่าเป็น 『ราชินี 』ไร้มงกุฏ ใช่ไหมล่ะ ?
อันที่จริงฉันก็เล่นเคนโด้เหมือนกันนะ
ถ้าให้พูดไป ฉันไปไกลที่สุดก็แค่รอบคัดเลือก แข่งอินเตอร์ไฮเอง ” (คาสุยะ )
อิกุจิคุงนั้นยิ้มอย่างไม่มีเจตนาแอบแฝง
ฉันยังคงเงียบอยู่เพราะไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี
“ไร้มงกุฏเหรอ …เอาจริงๆมันเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีจริงๆแหละ
แต่เธอรู้ไหม ในสายตาฉันเนี่ย ที่ 2 คือสุดยอดมากๆแล้วนะ ! เทพสุดๆไปเลยล่ะ ! ดังนั้นแล้วอย่าดูถูกตัวเองเลยนะ
ฉันเข้าใจว่า เธอคงกดดันที่ได้ที่สอง แต่สำหรับฉันแล้ว คนที่ไปไม่ถึงแม้กระทั่งงานแข่งอินเตอร์ไฮ จะดูเป็นเจ้างั่งเสียมากกว่า เธอคิดไม่คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ ?” (คาสุยะ )
“ขอโทษด้วยค่ะ …” (รินะ)
“เดี๋ยว -! ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษทั้งนั้นนะ ! เข้าใจไหม ?
เอาล่ะตอนนี้ก็เธอเย็นลงแล้วเนอะ ฉันอยากให้เธอฟังในสิ่งที่ประธานของเราพูด” (คาสุยะ )
“เขามีอะไรอยากจะพูดด้วยหรือคะ ?” (รินะ)
“ใช่มีแหละ เอาล่ะ คุณประธาน ฉันส่งลูกเข้ามือให้แล้วนะ เอ้า!” (คาสุยะ )
“ขอบใจมาก ช่วยไว้ได้มากเลย เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่านะ ซายามะซัง
เธอคิดยังไงกับสถานการณ์ของโลกในตอนนี้ ?” (ฮิเดยะ)
“สถานการณ์โลกในตอนนี้ …หรือคะ ?” (รินะ)
“ใช่ สถานการณ์ในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
กับญี่ปุ่นที่มีพื้นที่ที่ใช้งานได้เพียง 25% แถมยังจำกัดอยู่แต่ในเขตเมือง, 75%กลับกลายเป็นพื้นที่ปิดกั้นไปแล้ว
ผมคิดว่า หากเป็นอย่างนี้ต่อไปมนุษยชาติจะต้องสูญสิ้นภายในเวลาไม่นานแน่ๆ ” (ฮิเดยะ)
“สูญสิ้น หรือคะ …?” (รินะ)
“ใช่เลยล่ะ โลกในตอนนี้ ขอบเขตในการใช้ชีวิตประจำวันลดลงไปอย่างมาก
นักวิจัยบางคนก็เชื่อว่า ประชากรโลกจะลดลงเหลือ 10% จากที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ภายใน 10 ปี
10%…หรือก็คือ 9ใน 10 คนที่อยู่ตอนนี้จะตายภายใน 10 ปี
แล้วเธอคิดว่า มันมีวิธีการอะไรที่จะหลุดพ้นสถานการณ์สิ้นหวังนี้ได้ล่ะ ?” (ฮิเดยะ)
“วิธีการ ? … เสียงวิวรณ์จากเทพธิดา คุณหมายถึง ― 『โปรเจคกอบกู้โลก』, สินะคะ?” (รินะ)
“ใช่ อย่างที่เธอพูดมานั่นแหละ 『โปรเจคกอบกู้โลก』 ที่จะให้พลังพิเศษแปลกประหลาดกับเรา จากเทพธิดาถึงมนุษยชาติ
ผมเชื่อว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากในการออกจากสถานการณ์ปัจจุบันนี้
อย่าง สุสุกิซัง และ ทานากะซังที่อยู่ตรงนั้นเองก็สามารถใช้อบิลิตี้บางอย่างที่อธิบายไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ที่เรียกว่า เวทย์มนตร์ได้ด้วย ” (ฮิเดยะ)
เมื่อมองตามรุ่นพี่อันโดไป ก็เห็นผู้หญิงสองคนยิ้มให้
“ในขณะเดียวกัน ผมก็ได้รับอบิลิตี้พิเศษที่เรียกว่า 《การวิเคราะห์ 》 ผลก็คือ … ทำให้รับรู้รายละเอียดของเป้าหมายได้
มันเป็นอบิลิตี้ที่ไม่มีใครรับรองให้
แต่สำคัญกว่านั้น เทพธิดาน่ะมอบพลังที่ยิ่งใหญ่สองอย่างให้กับพวกเรา นั่นคือ เลเวลและสเตตัส ” (ฮิเดยะ)
รุ่นพี่อันโดพูดเรื่องนั้นด้วยท่าทีที่กระตือรือร้นอยู่เล็กๆ
“เลเวลและสเตตัส เนี่ยมันเหมือนกับโลกเกมเลย จริงไหม ? ฮ่าฮ่าฮ่า
นี่ถ้าพวกเราถูกส่งไปต่างโลกด้วย พวกเราก็คงจะแย้งกลับไปทันทีเลยล่ะว่า “อะไรกันเนี่ย นี่มันในนิยายแฟนตาซีหรือยังไงกันน่ะ!?” ใช่ไหม
แต่ที่นี่คือ โลกของเรา ผมเชื่อว่า เลเวลและสเตตัสเป็นกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอด ให้ข้ามผ่านสถานการณ์นี้ได้” (ฮิเดยะ)
“กุญแจสำคัญหรือคะ …?” (รินะ)
“แนวคิดการมีอยู่ของเลเวลที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆน่ะ
คราวนี้มีคำถาม คือ ใช่พวกเราฝ่ายเดียวน่ะหรือที่จะแข็งแกร่งขึ้น ? หรือแม้แต่เจ้าพวกมอนสเตอร์ที่อยู่ในโดเมนเองก็แข็งแกร่งขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปด้วยล่ะ ? หรือว่าจริงๆแล้วพวกมอนสเตอร์ไม่มีคอนเส็ปเรื่องเลเวลกันแน่ ?
หรือเรื่องตำนานเมืองที่แพร่หลายกันในเน็ตเรื่องที่ …มีจอมมารอาศัยอยู่ด้านในสุดของโดเมน
จอมมารพวกนั้นก็สามารถเลเวลอัพได้เช่นกัน ” (ฮิเดยะ)
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ …จอมมารหรือคะ ?” (รินะ)
ฉันถึงกับอึ้งไปเพราะสมมุติฐานสุดแหวกของรุ่นพี่อันโด
“สิ่งที่ผมอยากจะพูดก็คือ … เห็นกันชัดๆอยู่แล้วว่า พวกเราต้องเพิ่มเลเวลเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้
เพื่อเตรียมพร้อมปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่โหดร้ายเพื่อให้ไม่ตาย
แถมจากข้อมูลที่ฉันไปสืบค้นมา มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะสามารถเอาชนะมอนสเตอร์นะ
ถ้าเป็นรายงานก็ มีพวกนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ,แถมยังมีพวกนักเรียนชั้นมัธยมต้นที่กำจัดพวกมอนสเตอร์ที่โผล่มาได้ด้วยล่ะ ” (ฮิเดยะ)
“ฮิเดยะ…การเกริ่นนำของนายเนี่ยมันย้าวยาวเกินไปแล้วน้า~” (ยูยะ)
ยูยะล้อเลียนรุ่นพี่อันโดที่กำลังพูดติดลมบน
“หึ นี่แหละน้า ทำไมถึงโดนด่าว่ามีแต่กล้ามในสมอง …เอาเถอะ
จะอย่างไรก็ดี ผมอยากจะบอกอย่างนี้นะ ซายามะซังเธอน่ะจะเข้าร่วมบุกโดเมนกับพวกเราไหม !?
หากมีเธอ ผู้ที่เชี่ยวชาญเคนโด้มาร่วมกับพวกเราด้วย มันจะเป็นอะไรที่แน่นอนที่สุดเลยล่ะ
นับตั้งแต่วันที่เรียกได้ว่า เป็นวัน 『โลกาวินาศ 』 เรื่องความสามารถในการต่อสู้ของผู้ชายหรือผู้หญิงก็แทบไม่ต่างกันแล้ว
เลยเป็นสาเหตุที่ผมอยากถามเธอ ได้โปรดเถอะ ร่วมมือกับพวกเราเพื่อบุกโดเมนได้ไหม ?” (ฮิเดยะ)
รุ่นพี่อันโดร้องขอพร้อมทั้งโค้งศีรษะให้กับฉัน
ถ้าฉันปฏิเสธไปจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ? … ฉันอาจจะเสียที่อยู่ที่หลบภัยในมหาวิทยาลัยไปเลยก็ได้
แล้วต่อจากนั้นฉันจะเป็นยังไงต่อ ?
ย้ายกลับไปอยู่ที่ครอบครัว ที่สุสุหรือ?
แล้วจากนั้นทำอะไรต่อไปล่ะ ?
ใช้ชีวิตด้วยการไหลตามกระแสของโลกต่อไปอีกเหรอ
ฉันเองก็ไม่แน่ใจนักว่า การตอบรับคำชวนคราวนี้ถือว่า เป็นส่วนหนึ่งของกระแสด้วยหรือเปล่า ?
ฉันจึงพยักหน้าตอบรับพร้อมยิ้มแหยๆกลับไป