ตอนที่แล้วบทที่ 8 ช่วยดร. เออร์สกิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10 หาลุงแฟรงค์

บทที่ 9 พบกับเพ็กกี้ คาร์เตอร์


ลุคเก็บปืนด้วยรอยยิ้มพร้อมแนะนำตัวเอง

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับดร.เออร์สกินและเพ็กกี้ คาร์เตอร์ด้วยวิธีแบบนี้

ถูกต้อง

เจ้าหน้าที่หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหน่วยชีลล์ในอนาคต

สำหรับตอนนี้ เธอควรจะเป็นสายลับให้กับสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ (OSS)

มีหน้าที่รับผิดชอบปกป้อง อับราฮัม เออร์สกิน และเข้าร่วมในโครงการซูเปอร์โซลเยอร์

"นายฆ่าสายลับพวกนี้เหรอ?" เพ็กกี้ คาร์เตอร์กล่าวขณะมองไปที่ศพ "ฝีมือใช้ได้ดีนิ"

ขณะที่เธอตรวจดูศพของสายลับ เธอพบว่าทั้งสามถูกสังหารด้วยกระสุนนัดเดียว ไม่มีร่องรอยการถูกซ้ำ กระสุนทั้งหมดเจาะเข้าจุดสำคัญและฆ่าพวกเขาได้ในทันที

ตัดสินจากบาดแผลเพียงอย่างเดียว เธอสรุปว่าลุคต้องมีฝีมือการยิงปืนที่แม่นยำมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีอาการตื่นตระหนกหรืออารมณ์รุนแรงอื่นๆ ในดวงตาของเขา แม้จะเพิ่งฆ่าคนไปสามคน

ไม่ว่าจะมองยังไง นี่ไม่ใช่ผลงานของมือใหม่แน่ๆ

ผลงานอันน่าทึ่งเช่นนี้จึงเป็นเหตุผลที่เพ็กกี้ต้องสงสัย

เป็นไปได้ยังไงที่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ จากบรู๊คลินจะกำจัดสายลับเยอรมันได้อย่างง่ายดาย?

ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ฝ่ายสัมพันธมิตรคงยึดเบอร์ลินได้นานแล้ว และสงครามนี้ก็คงจบไปตั้งนานแล้ว

“คือ ผมเรียนทักษะการป้องกันตัวมานิดหน่อยนะครับ” ลุคตอบอย่างไม่ใส่ใจ

เขาเรียนวิชาการต่อสู้และการยิงปืนจากแฟรงค์ ลุงของเขาเมื่อนานมาแล้ว

ลุงแฟรงค์ยังคิดที่จะฝึกลุคให้เป็นชาวแก๊งค์ด้วยซ้ำ

แก๊งไอริชกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็แค่ขาดมือดีที่จะลงมือฆ่าได้

น่าเสียดายที่ลุคไม่สนใจที่จะเดินตามเส้นทางนั้น

แม้เขาจะตั้งใจฝึกการต่อสู้และการยิง รวมถึงยืนกรานที่จะออกกำลังกาย แต่ก็เป็นเพียงการเพิ่มวิธีการป้องกันตัวของเขาเท่านั้น

เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะฝันอยากเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย

“ด็อกเตอร์ที่นี่ไม่ปลอดภัย ออกไปก่อนเถอะ” เจ้าหน้าที่หญิงละสายตาจากลุคแล้วมองที่ดร.เออร์สกินกระซิบเบาๆ

“เราจะสืบสวนเรื่องนี้ทั้งหมดในภายหลัง”

"ตกลง" ดร.เออร์สกิน พยักหน้า จากนั้นเมื่อเขามองลุคและพูดว่า "ฉันจะจำชื่อนายไว้นะ ลุค"

ดร.เออร์สกินมาที่นี่เพราะเขาได้รับเชิญจากฮาเวิร์ด สตาร์คให้เข้าร่วมงานงานนิทรรศการ

อย่างไรก็ตามหลังจากได้พบฮาเวิร์ด สตาร์ก ดร. เออร์สกินรู้สึกว่า สตาร์กรุ่นเยาว์ผู้มีอนาคตสดใสคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักธุรกิจซะมากกว่า

เขามีความกระตือรือร้นในการก้าวสู่จุดสูงสุดของวิทยาศาสตร์นั้นน้อยกว่าความสนใจที่มีต่อการสะสมความมั่งคั่งหรือจีบหญิงเสียอีก

ดังนั้นในที่สุด ทั้งสองคนก็สนทนากันเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงหัวข้อสำคัญอื่นๆ มากนัก

“เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?” ก่อนออกเดินทาง เออร์สกินมองไปที่สตีฟ โรเจอร์สที่อยู่ข้างๆ

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาให้ความสนใจชายร่างเล็กผอมบางคนนี้อย่างมาก

บางทีอาจเป็นการสนทนาระหว่างอีกฝ่ายกับเจ้าหน้าที่จุดเกณฑ์ทหารที่ทำให้ความทรงจำบางอย่างในจิตใจของเออร์สกินหวนคืนมา

ในฐานะผู้พัฒนาเซรุ่ม ซุปเปอร์โซลเยอร์ อับราฮัม เออร์สกินรู้ดีถึงอันตรายและผลข้างเคียงที่มันมี

'ฉันได้สร้างปีศาจร้ายขึ้นมาตัวนึงแล้ว และฉันไม่อยากจะสร้างเพิ่มอีกต่อไป!'

ดังนั้นเออร์สกินจึงคอยมองหาผู้สมัครที่เหมาะสมจะเป็น "ซูเปอร์โซลเยอร์" คนต่อไปที่จะใช้พลังของเขาในทางที่ถูกและเข้าใจถึงความเมตตา

“ใช่ครับ ชื่อของเขาคือสตีฟ โรเจอร์ส” ลุคดึงสตีฟเข้ามาแล้วพูดว่า "เพื่อนของผมต้องการจะต่อสู้เพื่อประเทศของเราจริงๆ แม้ว่าร่างกายเขาจะอ่อนแอไปหน่อย แต่ความรักชาติของเขานั้นไม่เคยแพ้ใครเลย"

"โอ้?" เออร์สกินพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและออกจากที่เกิดเหตุ

เจ้าหน้าที่หญิงก็อยู่ต่อไม่นานและเดินตามเขาไปด้วย แต่เธอก็มองลุคอย่างสงสัยก่อนจะจากไป

ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ ยังคงตามเก็บหลักฐานและทำความสะอาดที่เกิดเหตุ

“ลุค พวกเขาเป็นใคร?”

สตีฟที่รอดจากเหตุการณ์นั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ลุคขดริมฝีปากและพูดเบาๆ ขณะที่ตบไหล่ผอมๆ ของเขา

“ใครบางคนที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของนายได้ไง”

'ไม่คิดเลยว่าเราจะเข้ามาอยู่ในเรดาร์ของกองทัพด้วยวิธีนี้ เกรงว่าเพ็กกี้ คาร์เตอร์คงจะตรวจสอบภูมิหลังของเราอย่างละเอียดเลยล่ะสิ'

แต่เขาไม่กังวลว่าสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์จะพบอะไรหรือเปล่า

ศัตรูของพวกเขาคือไฮดร้า และลุคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสายลับเยอรมันและมือสังหารที่ไฮดร้าส่งมา

“เมื่อกี้นี้น่ากลัวชะมัด” สตีฟที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นยังมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง

เจ้าหน้าที่จุดเกณฑ์ทหารที่ทะเลาะกับเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นศพจมกองเลือดไปแล้ว

ดวงตาที่กลวงโบ๋ เลือดไหลซึมออกมาจากหน้าผากเนื่องจากมีกระสุนฝังอยู่ในหัวของเขา

“ถ้านายก้าวเข้าสู่สนามรบ นายจะเจอเรื่องแบบนี้เพิ่มมากขึ้นอีก และจะได้เห็นเพื่อนร่วมรบตายมากยิ่งขึ้น” ลุคถอนหายใจ

เขาได้เฝ้าดูลุงแฟรงค์ 'ทำความสะอาดบ้าน'

เขาถึงกับลงมือ 'จัดการ' นักเลงที่สร้างปัญหาด้วยตัวเอง

เขาคุ้นชินกับเลือดและความตายมานานแล้ว

“ฉันมีโอกาสได้ไปร่วมสงครามจริงๆ หรอ?” สตีฟรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง

ทุกที่ที่เขาไป ทุกคนที่เขาเจอ มีคำตอบเพียงอย่างเดียว คือนายทำไม่ได้หรอก และนายควรจะอยู่เฉยๆ

แม้แต่บัคกี้เพื่อนสนิทของเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น

“โอกาสนั้นจะมาถึง” ลุคพยักหน้าเบาๆ

ดูเหมือนเขาจะมั่นใจมากกว่าตัวสตีฟเองเสียอีก

ลุคเปลี่ยนเรื่องและลากเขาออกจากสถานีเกณฑ์ทหารโดยรู้สึกว่าสตีฟกำลังจ้องมองตัวเองอย่างงุนงง

"โอเค ไปหาบัคกี้กันดีกว่า ต้องรีบสนุกกันตอนที่พวกเรายังอยู่ด้วยกันสามคน"

ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล 

คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด