บทที่ 9 พบกับเพ็กกี้ คาร์เตอร์
ลุคเก็บปืนด้วยรอยยิ้มพร้อมแนะนำตัวเอง
เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบกับดร.เออร์สกินและเพ็กกี้ คาร์เตอร์ด้วยวิธีแบบนี้
ถูกต้อง
เจ้าหน้าที่หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหน่วยชีลล์ในอนาคต
สำหรับตอนนี้ เธอควรจะเป็นสายลับให้กับสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์ (OSS)
มีหน้าที่รับผิดชอบปกป้อง อับราฮัม เออร์สกิน และเข้าร่วมในโครงการซูเปอร์โซลเยอร์
"นายฆ่าสายลับพวกนี้เหรอ?" เพ็กกี้ คาร์เตอร์กล่าวขณะมองไปที่ศพ "ฝีมือใช้ได้ดีนิ"
ขณะที่เธอตรวจดูศพของสายลับ เธอพบว่าทั้งสามถูกสังหารด้วยกระสุนนัดเดียว ไม่มีร่องรอยการถูกซ้ำ กระสุนทั้งหมดเจาะเข้าจุดสำคัญและฆ่าพวกเขาได้ในทันที
ตัดสินจากบาดแผลเพียงอย่างเดียว เธอสรุปว่าลุคต้องมีฝีมือการยิงปืนที่แม่นยำมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีอาการตื่นตระหนกหรืออารมณ์รุนแรงอื่นๆ ในดวงตาของเขา แม้จะเพิ่งฆ่าคนไปสามคน
ไม่ว่าจะมองยังไง นี่ไม่ใช่ผลงานของมือใหม่แน่ๆ
ผลงานอันน่าทึ่งเช่นนี้จึงเป็นเหตุผลที่เพ็กกี้ต้องสงสัย
เป็นไปได้ยังไงที่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ จากบรู๊คลินจะกำจัดสายลับเยอรมันได้อย่างง่ายดาย?
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ฝ่ายสัมพันธมิตรคงยึดเบอร์ลินได้นานแล้ว และสงครามนี้ก็คงจบไปตั้งนานแล้ว
“คือ ผมเรียนทักษะการป้องกันตัวมานิดหน่อยนะครับ” ลุคตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เขาเรียนวิชาการต่อสู้และการยิงปืนจากแฟรงค์ ลุงของเขาเมื่อนานมาแล้ว
ลุงแฟรงค์ยังคิดที่จะฝึกลุคให้เป็นชาวแก๊งค์ด้วยซ้ำ
แก๊งไอริชกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็แค่ขาดมือดีที่จะลงมือฆ่าได้
น่าเสียดายที่ลุคไม่สนใจที่จะเดินตามเส้นทางนั้น
แม้เขาจะตั้งใจฝึกการต่อสู้และการยิง รวมถึงยืนกรานที่จะออกกำลังกาย แต่ก็เป็นเพียงการเพิ่มวิธีการป้องกันตัวของเขาเท่านั้น
เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะฝันอยากเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย
“ด็อกเตอร์ที่นี่ไม่ปลอดภัย ออกไปก่อนเถอะ” เจ้าหน้าที่หญิงละสายตาจากลุคแล้วมองที่ดร.เออร์สกินกระซิบเบาๆ
“เราจะสืบสวนเรื่องนี้ทั้งหมดในภายหลัง”
"ตกลง" ดร.เออร์สกิน พยักหน้า จากนั้นเมื่อเขามองลุคและพูดว่า "ฉันจะจำชื่อนายไว้นะ ลุค"
ดร.เออร์สกินมาที่นี่เพราะเขาได้รับเชิญจากฮาเวิร์ด สตาร์คให้เข้าร่วมงานงานนิทรรศการ
อย่างไรก็ตามหลังจากได้พบฮาเวิร์ด สตาร์ก ดร. เออร์สกินรู้สึกว่า สตาร์กรุ่นเยาว์ผู้มีอนาคตสดใสคนนี้ดูเหมือนจะเป็นนักธุรกิจซะมากกว่า
เขามีความกระตือรือร้นในการก้าวสู่จุดสูงสุดของวิทยาศาสตร์นั้นน้อยกว่าความสนใจที่มีต่อการสะสมความมั่งคั่งหรือจีบหญิงเสียอีก
ดังนั้นในที่สุด ทั้งสองคนก็สนทนากันเพียงไม่กี่คำ จากนั้นก็ไม่ได้พูดถึงหัวข้อสำคัญอื่นๆ มากนัก
“เขาเป็นเพื่อนนายเหรอ?” ก่อนออกเดินทาง เออร์สกินมองไปที่สตีฟ โรเจอร์สที่อยู่ข้างๆ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาให้ความสนใจชายร่างเล็กผอมบางคนนี้อย่างมาก
บางทีอาจเป็นการสนทนาระหว่างอีกฝ่ายกับเจ้าหน้าที่จุดเกณฑ์ทหารที่ทำให้ความทรงจำบางอย่างในจิตใจของเออร์สกินหวนคืนมา
ในฐานะผู้พัฒนาเซรุ่ม ซุปเปอร์โซลเยอร์ อับราฮัม เออร์สกินรู้ดีถึงอันตรายและผลข้างเคียงที่มันมี
'ฉันได้สร้างปีศาจร้ายขึ้นมาตัวนึงแล้ว และฉันไม่อยากจะสร้างเพิ่มอีกต่อไป!'
ดังนั้นเออร์สกินจึงคอยมองหาผู้สมัครที่เหมาะสมจะเป็น "ซูเปอร์โซลเยอร์" คนต่อไปที่จะใช้พลังของเขาในทางที่ถูกและเข้าใจถึงความเมตตา
“ใช่ครับ ชื่อของเขาคือสตีฟ โรเจอร์ส” ลุคดึงสตีฟเข้ามาแล้วพูดว่า "เพื่อนของผมต้องการจะต่อสู้เพื่อประเทศของเราจริงๆ แม้ว่าร่างกายเขาจะอ่อนแอไปหน่อย แต่ความรักชาติของเขานั้นไม่เคยแพ้ใครเลย"
"โอ้?" เออร์สกินพยักหน้าอย่างครุ่นคิดและออกจากที่เกิดเหตุ
เจ้าหน้าที่หญิงก็อยู่ต่อไม่นานและเดินตามเขาไปด้วย แต่เธอก็มองลุคอย่างสงสัยก่อนจะจากไป
ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ ยังคงตามเก็บหลักฐานและทำความสะอาดที่เกิดเหตุ
“ลุค พวกเขาเป็นใคร?”
สตีฟที่รอดจากเหตุการณ์นั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ลุคขดริมฝีปากและพูดเบาๆ ขณะที่ตบไหล่ผอมๆ ของเขา
“ใครบางคนที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของนายได้ไง”
'ไม่คิดเลยว่าเราจะเข้ามาอยู่ในเรดาร์ของกองทัพด้วยวิธีนี้ เกรงว่าเพ็กกี้ คาร์เตอร์คงจะตรวจสอบภูมิหลังของเราอย่างละเอียดเลยล่ะสิ'
แต่เขาไม่กังวลว่าสำนักงานบริการด้านยุทธศาสตร์จะพบอะไรหรือเปล่า
ศัตรูของพวกเขาคือไฮดร้า และลุคไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสายลับเยอรมันและมือสังหารที่ไฮดร้าส่งมา
“เมื่อกี้นี้น่ากลัวชะมัด” สตีฟที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นยังมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้าง
เจ้าหน้าที่จุดเกณฑ์ทหารที่ทะเลาะกับเขาก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นศพจมกองเลือดไปแล้ว
ดวงตาที่กลวงโบ๋ เลือดไหลซึมออกมาจากหน้าผากเนื่องจากมีกระสุนฝังอยู่ในหัวของเขา
“ถ้านายก้าวเข้าสู่สนามรบ นายจะเจอเรื่องแบบนี้เพิ่มมากขึ้นอีก และจะได้เห็นเพื่อนร่วมรบตายมากยิ่งขึ้น” ลุคถอนหายใจ
เขาได้เฝ้าดูลุงแฟรงค์ 'ทำความสะอาดบ้าน'
เขาถึงกับลงมือ 'จัดการ' นักเลงที่สร้างปัญหาด้วยตัวเอง
เขาคุ้นชินกับเลือดและความตายมานานแล้ว
“ฉันมีโอกาสได้ไปร่วมสงครามจริงๆ หรอ?” สตีฟรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกปฏิเสธมาหลายครั้ง
ทุกที่ที่เขาไป ทุกคนที่เขาเจอ มีคำตอบเพียงอย่างเดียว คือนายทำไม่ได้หรอก และนายควรจะอยู่เฉยๆ
แม้แต่บัคกี้เพื่อนสนิทของเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น
“โอกาสนั้นจะมาถึง” ลุคพยักหน้าเบาๆ
ดูเหมือนเขาจะมั่นใจมากกว่าตัวสตีฟเองเสียอีก
ลุคเปลี่ยนเรื่องและลากเขาออกจากสถานีเกณฑ์ทหารโดยรู้สึกว่าสตีฟกำลังจ้องมองตัวเองอย่างงุนงง
"โอเค ไปหาบัคกี้กันดีกว่า ต้องรีบสนุกกันตอนที่พวกเรายังอยู่ด้วยกันสามคน"
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~