บทที่ 16 การตัดสินใจของดร.เออร์สกิน
ตอนค่ำเออร์สกินไปหาลุคซึ่งพักอยู่ในค่ายทหาร
นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันไม่ได้อ้อมค้อมและอธิบายเหตุผลที่เขามาถึง
"ผู้พันฟิลลิปส์คิดว่านายคือผู้เหมาะสมที่ดีที่สุดสำหรับซุปเปอร์โซลเยอร์ นายคิดว่ายังไงบ้าง ลุค?"
เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยการพิจารณา ไตร่ตรองอยู่ ลุคเองก็รักษาสีหน้านิ่งไว้..
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบโดยไม่ลังเลว่า
“สิ่งที่ซุปเปอร์โซลเยอร์ต้องมีไม่ใช่แค่ร่างกายที่แข็งแรง แต่เป็นการรู้จักความเห็นอกเห็นใจและมีจิตใจที่ดีงาม!”
เขาเห็นว่าดร.เออร์สกินกำลังทดสอบเขาอยู่
โรเจอร์สเป็นคนที่ใช่ในความคิดของอีกฝ่ายเสมอ
หลังจากเหตุการณ์ ‘เรดสกัลด์’ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันได้รับความหลังฝังใจ
แม้ว่าลุคจะทำผลงานได้ดี แต่เออร์สกินก็ไม่ประทับใจเท่ากับคำพูดของโรเจอร์สที่จุดเกณฑ์ทหาร
เออร์สกินดันกรอบแว่นที่อยู่บนสันจมูก ถามด้วยน้ำเสียงลังเลว่า
"นายคิดว่าใครบ้างที่ตรงตามเงื่อนไขที่บอกไปในค่าย?"
"เพื่อนของผม สตีฟ โรเจอร์ส นิสัยของเขาน่าเชื่อถือที่สุด"
ดวงตาของลุคตั้งใจแน่วแน่ราวกับว่าเขาเชื่อมั่นในสิ่งนี้จากภายใน
เมื่อได้ยินคำตอบที่น่าพอใจ ข้อสงสัยสุดท้ายของเออร์สกินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขั้นต้น เขาสงสัยว่าลุคมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกแก๊งค์และอาจเคยใช้ความรุนแรงจนทำคนล้มไปหลายต่อหลายศพก็ได้
เขากลัวว่าหากอีกฝ่ายหนึ่งกลายเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์ เขาจะเป็นเหมือนเรดสกัลด์และสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง!
เพราะประสิทธิภาพของเซรุ่ม... นั้นจึงเป็นไปได้สูง
"เยี่ยม!"
เออร์สกินตบไหล่ลุคแล้วยิ้มอย่างเห็นด้วย
ตอนแรกเขาและและผู้พันฟิลลิปส์คิดกันไปคนละทิศคนละทาง ใครก็เอาชนะความคิดอีกฝ่ายไม่ได้
คำตอบของลุคได้ขจัดความสงสัยของเออร์สกินไปอย่างสิ้นเชิง
เขาพูดอย่างจริงจัง
“พวกนายทั้งคู่จะได้เป็นซูเปอร์โซลเยอร์กัน!”
…
อาทิตย์ต่อมา ลุคและโรเจอร์ออกจากแคมป์ลีไฮแล้วนั่งรถมุ่งหน้าสู่มหานครนิวยอร์ก
ส่วนทหารเกณฑ์ที่ผ่านการฝึกมานั้นก็กลายเป็นทหารสำรอง
หากการฉีดเซรุ่มประสบความสำเร็จ ทุกคนในที่นี้ยังมีโอกาสได้เป็นซูเปอร์โซลเยอร์
“นึกไม่เลย เราจากบ้านไปยังไม่นานก็ได้กลับมาบรูคลินอีกแล้ว!”
โรเจอร์สพึมพำในลำคอ
เขาที่นั่งข้างๆ ลุคมองนอกหน้าต่าง เห็นทึ่ๆ คุ้นเคยแล้วรู้สึกทึ่งใจ
“ดังนั้น พันเอกพูดถูก โชคเข้าข้างคนโง่”
ลุคพูดติดตลก
เมื่อโรเจอร์สรู้ว่าเขาได้รับเลือกให้เป็นตัวทดลองของซุปเปอร์โซลเยอร์เขาแทบรอไม่ไหวที่จะมาแบ่งปันข่าวนี้กับลุค แต่ดันเจอผู้พันฟิลลิปส์แทนซะงั้น
เขามองดูโรเจอร์สอย่างรังเกียจและพูดประโยคนี้
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น โรเจอร์สก็ไม่ได้รู้สึกแย่แต่แสดงสีหน้าจริงจังว่า
"มันไม่ใช่โชคช่วยครับ! นี่ต้องขอบคุณทั้งคุณ...ทั้งด็อกเตอร์เออร์สกิน ถ้าไม่ได้พวกคุณช่วยไว้ผมคงไม่มีวันนี้!”
เขาได้ยินจากผู้พันฟิลลิปส์กล่าวว่าลุคแนะนำเขาให้แก่ดร.เออร์สกินตามความคิดริเริ่มของเขาเอง
แม้ถึงโรเจอร์สไม่คล่องเรื่องพูดความในใจนัก เขาก็ไม่ลืมบุญคุณนี้
“ถ้านายเป็นผู้หญิง ฉันอาจจะยอมรับ 'คำขอบคุณ' ของนายนะ”
ลุคทำหน้าขยะแขยงพร้อมกลั้วหัวเราะ
“ดูตึกนั้น ซอยนั้น และที่จอดรถข้างนอกนั่น นั่นมัน 'สนามรบ' เก่าของนายทั้งนั้น!”
โรเจอร์สก้มหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆ
ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมจึงโดนอัดมาไม่รู้เท่าไร
สารพัด'สนามรบ'เหล่านี้เป็นสถานที่ที่เขาเคยถูกซ้อมมาก่อน
“เป็นโรควิ่งหนีไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ?”
คาร์เตอร์ซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าและกำลังขับรถอยู่ถามขึ้น
คราวนี้เธอเป็นผู้ติดตามและรับผิดชอบในการพาลุคและโรเจอร์สไปยังจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย
“วิ่งหนีไปพวกมันก็ไล่ไม่เลิก แต่ถ้าฮึดสู้ไปเรื่อยๆ สักวันพวกมันก็ต้องหยุด!”
โรเจอร์สพูดถึงความรู้สึกภายในของเขา และคาร์เตอร์รู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยด้วยน้ำเสียงที่จริงใจของเขา
ดร.เออร์สกินไม่ได้เลือกเขาโดยไม่มีเหตุผล อย่างน้อยความกล้าหาญนี้ควรค่าแก่การสรรเสริญ
"ฉันก็พอเข้าใจเธออยู่นะ กับการที่ไม่เคยได้รับโอกาสเลย"
คาร์เตอร์ดูเหมือนจะหลงใหลความคิดนี้และพูดอีกสองสามคำในช่วงเวลาที่หาได้ยากนี้
โดยปกติในค่ายลีไฮ เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้เป็นดั่งภูเขาน้ำแข็งที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
แม้แต่เพลย์บอยผู้โด่งดังอย่าง ฮาเวิร์ด สตาร์ค ยังต้องระมัดระวังตัวเวลาอยู่รอบๆเธอ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีคำเชิญตอบรับดินเนอร์สักครั้งเลยจากเธอ
“คุณคาร์เตอร์ ผมเองก็สงสัยว่าคุณมาเป็นทหารทำไม นางงามขนาดนี้... เออ... หมายถึงสวย เป็นคนสวย... ไม่ได้ว่านะ คือสวยจนไม่น่า...”
โรเจอร์สเหลือบมองคาร์เตอร์และเริ่มพูดด้วยความฉลาดทางอารมณ์ของ 'ผู้ชายซื่อๆ' - คุณก็รู้ คนทั่วไปมักเกลียดที่สุดตอนมีคนมาบอกว่าพวกเขาหน้าตาดีเกินกว่าจะเป็นสายลับในสายงานนี้
คาร์เตอร์มีบุคลิกที่เข้มแข็งและไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะแพ้ผู้ชายคนไหนในด้านความสามารถ
เมื่อเห็นว่าโรเจอร์สกำลังจะทำให้เธอโกรธ ลุคจึงรีบแทรกแซงด้วยการถามว่า "ยังอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึง"
"ใกล้แล้ว" คาร์เตอร์เหลือบมองโรเจอร์สอย่างเย็นชา ค่อนขำเล็กน้อยแล้วหยุดคุย
ด้านโรเจอร์สทำหน้าใสซื่อ ไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน
“โรเจอร์ส ความสามารถในการพูดคุยกับผู้หญิงของนายนี่จัดว่าแย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลยนะมา!”
ลุคส่ายหัวและกระซิบเบาๆ
รถเงียบไปตลอดการเดินทางที่เหลือ
ประมาณ 20 นาที พวกเขาก็มาถึงที่หมาย
ทั้งสามคนก้าวลงจากรถและเปิดประตูร้านขายของเก่า
ใช่ นี่เป็นฐานลับของหน่วยงาน
คาร์เตอร์แลกเปลี่ยนรหัสกับหญิงชราคนหนึ่งและนำลุคและโรเจอร์สเข้าไปในห้องด้านใน
"งานออกแบบดูเชยชะมัด"
ลุคพูดขณะมองไปที่ชั้นวางหนังสือที่เรียงรายอยู่
ภายในฐานแต่ละประตูมีทหารติดอาวุธเฝ้าอย่างแน่นหนา
และบางครั้งก็จะเห็นนักวิจัยบางคนในชุดคลุมสีขาวเดินถือแฟ้มเอกสารไปมา
โรเจอร์สที่เห็นฉากแบบนี้เป็นครั้งแรกรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~