บทที่ 12 การตัดสินใจของหน่วยยุทธศาสตร์สำรองทางวิทยาศาสตร์
ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
ในห้องประชุม เจ้าหน้าที่หญิงผู้กล้าหาญกำลังรายงานสถานการณ์กับผู้บังคับบัญชาของเธอ
“—ผู้พันฟิลลิปส์ ฉันคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับผู้ชายลุค คาวิลล์คนนั้น!”
คาร์เตอร์เล่าเหตุการณ์โจมตีที่ดร.เออร์สกินเผชิญหน้าใกล้กับงานเวิลด์เอ็กซ์โปให้ฟังคร่าวๆ จากนั้นก็พูดถึงลุค ที่อยู่ในรายชื่อต้องสงสัย
“ฉันเห็นบาดแผลบนร่างพวกสายลับเยอรมันแล้วค่ะ ตายยิงนัดเดียวทั้งหมดเลย! คนธรรมดาทำแบบนี้ไม่ได้แน่! คาวิลล์ต้องฝึกซ้อมการยิงปืนและต้องเก่งมากเลยด้วย!”
เจ้าหน้าที่หญิงพูดสรุปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลังจากเธอออกจากจุดเกณฑ์ทหาร ความสงสัยก็ยังไม่หายไปจากใจ
ชายหนุ่มคนนั้นจากบรู๊คลินคนเดียวฆ่าสายลับที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างมืออาชีพมากกว่าหนึ่งคน มันรู้สึกเหลือเชื่อเกินไป
มีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลมากเกินไป!
ดังนั้นคาร์เตอร์เชื่อว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นแผนซ้อนแผนของไฮดร้า
ไฮดร้าใช้พวกกสายลับเยอรมันเหล่านั้นเป็นเหยื่อล่อ เพื่อหาโอกาสเข้าใกล้ ดร. เออร์สกิน!
จากนั้น ก็จะลงมือปฏิบัติการแผนร้ายของพวกมัน!
เยอรมันอยากลักพาตัวมากกว่าที่จะสังหารดร.เออร์สกิน
คุณค่าของเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์นั้นไม่ควรมองข้าม
ใครก็ตามที่ครอบครองสิ่งนี้ได้จะสร้างอิทธิพลต่อสงครามโลกครั้งนี้มาก
นี่เป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่และมีศักยภาพสูงเกินจะเพิกเฉย
ผู้พันฟิลลิปส์ที่นั่งอยู่เก้าอี้ของตนส่ายหัวเบาๆ แล้วกระซิบ "เขาไม่ใช่ปัญหาหรอก"
“ฉันส่งคนไปสืบประวัติ ลุค คาวิลล์แล้ว พ่อแม่ของเขาเป็นผู้อพยพชาวไอริช และเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเล็กมาก หน่วยงานราชการสงสารเห็นใจเลยเข้าส่งที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แถมผลการเรียนดีมาก เรียกว่าอัจฉริยะเลยดีกว่า ได้ทุนการศึกษาต่อเนื่องทุกปีเลยด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายตอนอายุครบ 17 เขาลาออกจากโรงเรียน!”
“ทำไมถึงออกจากโรงเรียนล่ะคะ?”
คาร์เตอร์รู้สึกสับสน
“อย่างที่รู้กันว่าผู้อพยพชาวไอริชไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนัก การถูกรังแกและเลือกปฏิบัติเป็นเรื่องปกติ ด้วยเหตุนี้คาวิลล์จึงมีเรื่องชกต่อยกับนักเรียนคนอื่นๆ บ่อยครั้ง พอคุณครูเจอเข้า ก็จะโทรรายงานไปที่บ้านปกติแต่.. ก็อย่างที่ว่าเขารับเด็กมาเลี้ยงไว้...…”
ผู้พันฟิลลิปส์ยักไหล่และพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า
“นอกจากสู้กับพวกอันธพาลแล้ว ยังต้องรับมือกับผู้ใหญ่ที่หาเรื่องเขาด้วยอีก สำหรับเด็กหนุ่มวัย 17 ที่ต้องคอยแก้ไขปํญหาทั้งหมดด้วยตัวเอง ไม่ใช่เรื่องง่ายซักนิด”
คาร์เตอร์เงียบไป
เธอสามารถจินตนาการได้ว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นยากแค่ไหนสำหรับลุค คาวิลล์ ที่เป็นเด็กกำพร้า
“แต่ ... เขาเอาปืนมาจากไหนคะ แล้วไปหัดยิงปืนมาจากไหน?”
คาร์เตอร์ถามอย่างลังเล
เมื่อได้รับคำบอกเล่าจากผู้พัน เธอคลายความสงสัยในใจตัวเองลง
อย่างไรก็ตาม คาร์เตอร์ไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มคนธรรมดาในบรู๊คลินถึงยิงปืนได้แม่นยำขนาดนี้!
“ลุงของคาวิลล์ แฟรงค์ เป็นอดีตทหารผ่านศึก ประเภทที่เอาชีวิตรอดมาจากสนามรบได้จริงๆ เขาเข้าร่วมแก๊งไอริชหลังออกจากกองทัพและทำงานสกปรกบ้าง ตอนนี้ใกล้เกษียณจากตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ของสหภาพคนขับรถบรรทุกสาขาหนึ่ง”
ผู้พันฟิลลิปส์แจ้งเธอเกี่ยวกับผลการสอบสวน
เขารู้ดีว่าคาร์เตอร์เป็นคนทุ่มเทและมีความสามารถ
เป็นเพียงว่าเธอค่อนข้างดื้อรั้นอยากแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยแม้แต่น้อย
บางครั้งผู้พันฟิลลิปส์ก็ปวดหัวเพราะเหตุนี้
เขายอมรับได้อยู่หรอก หากเธอไม่ใช่ทั้งชาวอังกฤษและอีกทั้งยังแฝงอยู่ในกลุ่มทหารอเมริกัน
'หน่วยปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เชิงกลยุทธ์' นี้ประกอบด้วยบุคลากรที่มีความสามารถมากหน้าหลายตา จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าชาติใด เพศใด
และคาร์เตอร์ก็เป็นหนึ่งในยอดฝีมือเหล่านั้น
“ลุค คาวิลล์ไม่ใช่สายลับชาวเยอรมัน เขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกนาซี ฉันไม่คิดว่าแม้แต่ฮิตเลอร์ผู้เชี่ยวชาญในการปลุกระดมขนาดไหน จะสามารถทำให้ชายหนุ่มจากบรู๊คลินคนนี้เป็นสายลับให้กับเยอรมันได้”
“แน่นอนว่าคาวิลล์ได้ทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ อาจจะทำเรื่องไม่ขาวสะอาดไปบ้าง แต่พวกเรา 'หน่วยปฏิบัติการวิทยาศาสตร์เชิงกลยุทธ์' ไม่ได้สนใจจะคุมพวกแก๊งข้างถนน นั่นไม่ใช่งานของเรา เป้าหมายเราชัด! เราจัดตั้งขึ้นเพื่อล้มล้างไฮดร้า และที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ...ชนะสงครามนี้ด้วยการปราบฝ่ายอักษะให้สิ้นซาก!”
ผู้พันฟิลลิปส์เน้นส่วนสุดท้าย โดยสั่งให้เธอหยุดจู้จี้เขาเกี่ยวกับลุค
เขาไม่อยากให้คาร์เตอร์ไปแหย่รังแตนอย่างแก๊งไอริช!
ตอนนี้พวกนั้นจับมือกับสหภาพแรงงาน ช่วยนักการเมืองหาเสียง แถมยังเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งด้วย
อำนาจของพวกมันเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แม้แต่ผู้พันฟิลลิปส์ก็ยังไม่อยากหาปัญหาเข้าตัวโดยไม่จำเป็น!
รู้ไหมว่ามีพวกทนายหัวใสแถวศาลากลางอยู่เบื้องหลังพวกนี่กี่คนกัน?
แทนที่จะยุ่งเรื่องนั้นต่อ ผู้พันฟิลิปส์เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก
"เออร์สกินดูสนใจสองคนนั้นมากนะ ทั้งลุค คาวิลล์ และ...หมอนั่นชื่ออะไรนะ?"
“สตีฟ โรเจอร์ส” คาร์เตอร์ตอบ
“ใช่ๆ! เออร์สกินจะเอามาฝึกที่ค่ายลีไฮห์ทั้งคู่”
ผู้พันฟิลลิปส์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า
"คาร์เตอร์ เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?"
โดยทั่วไปแล้ว แคมป์ลีไฮเป็นสถานที่ฝึกทหารเกณฑ์
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการเลือกตัวทดลองที่จะฉีดเซรุ่มซุปเปอร์โซลเยอร์
เออร์สกินเล็งลุค คาวิลล์ และสตีฟ โรเจอร์สไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้พันฟิลลิปส์ไม่มีปัญหากับคาวิลล์เลย
ลุคนั้นตัวใหญ่ แข็งแรง ขนาดจัดการสายลับเยอรมันสามคนได้ด้วยตัวคนเดียว
แม้สุดท้ายจะไม่ถูกเลือก เขาก็ยังเป็นทหารที่ดีแน่ๆ
แต่กับ-
สตีฟ โรเจอร์สเนี่ย?
ชายร่างเล็กผอมแห้งนั้นท่าทางเหมือนจะถูกลมพัดปลิวตลอดเวลา
คงต้องตลกน่าดูถ้าพวกสัมพันธมิตรต้องฝากความหวังไว้กับผู้ชายแบบนั้น!
“ถ้าเป็นสิ่งที่ด็อกเตอร์เออร์สกินร้องขอ ฉันเห็นว่าเหมาะสมค่ะ ผู้พัน!” คาร์เตอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะฝากเรื่องนี้ไว้กับเธอก็แล้วกัน อยากเห็นสองคนนั้นบนรถบัสมุ่งหน้าไปนิวเจอร์ซีย์”
ผู้พันฟิลลิปส์พยักหน้า มอบหมายภารกิจนี้ให้
อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่าด้วยร่างกายของโรเจอร์ส คงไม่ได้ผ่านแม้แต่ฝึกขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ
แล้วเรื่องการคัดเลือกเพื่อเป็นซุปเปอร์โซลเยอร์น่ะเหรอ? ไร้สาระสิ้นดี!
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~