บทที่ 11 แก๊งค์
แก๊งค์ในสมัยนั้นเป็นเพียงกลุ่มคนยากจน และไม่มีใครสนใจ
จนกระทั่งต่อมาเมื่อมีกลุ่มพิเศษที่เรียกว่า "แฟมิลี่" เริ่มปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาคือเหล่า "มืออาชีพ" ที่ก่อกำเนิดหลังเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยหน้าที่หลักของพวกเขาคือการระดมทุนสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆ และช่วยซื้อคะแนนเสียงให้
ในอดีต ไม่มีใครจะไปเห็นคุณค่าของกลุ่มผู้อพยพเหล่านี้ เนื่องจากฐานะยากจนและสถานะทางสังคมอันต่ำต้อย
แต่ “แฟมิลี่” เหล่านี้มองเห็นคุณค่าของกลุ่มเหล่านั้นได้อย่างเฉียบแหลม และแก๊งต่างๆ ที่ตั้งมาโดยพวกลูกจ้างช่วงแรกก็เปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ฝ่ายหนึ่งมีเหล้ารัมให้ดื่มจนพุงกาง อีกฝ่ายมีเสียงโหวตมั่นคงให้เหล่านักการเมือง
ทั้งสองฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนต้องการ!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดถึงเหตุการณ์ต่อจากนี้เลย
"การห้ามจำหน่ายและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" นำความมั่งคั่งมหาศาลให้กับแก๊งและตระกูลต่างๆ รวมทั้งการผุดขึ้นของสหภาพแรงงาน
ทำให้ขบวนการเรียกร้องความเป็นธรรมแก่พวกแรงงานทวีความถี่มากขึ้น
[การห้ามจำหน่ายและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือข้อห้ามทั่วประเทศในการซื้อขายและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1920 ถึง 1933 แต่มันเป็นช่องทางหาเงินให้กับบรรดาแก๊งต่างๆและแฟมิลี่ต่างๆ]
ในที่สุดแก๊งพวกนี้ก็เจอที่ยืนบนโครงสร้างอันเป็นระเบียบของสังคม
ในมือข้างหนึ่งคือเหล้ารัม อีกข้างมีนักการเมืองหนุนหลังเพราะได้เสียงโหวตจำนวนมหาศาล
ทั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขึ้นของพวกชาวแก๊งค์
อย่างแก๊งไอริชที่ลุงแฟรงค์เป็นส่วนหนึ่งนั้น ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากกับผู้บริหารอาวุโสของสหภาพคนขับรถบรรทุกแห่งชาติ มิสเตอร์ จิมมี ฮอฟฟา
สหภาพนี้เป็นตัวแทนของคนขับรถบรรทุกและพนักงานคลังสินค้าเกือบหนึ่งล้านคน และต่อมาก็ขยับยอดสูงถึง 2.3 ล้านคน
อาจกล่าวได้ว่าหากคุณลงสมัครรับตำแหน่งนายกเทศมนตรีหรือสมาชิกสภา และหากพวกเขาสามารถขอความช่วยเหลือจากสหภาพแรงงานได้ รับรองว่าประสบความสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
แก๊งค์ สหภาพแรงงาน และนักการเมือง รวมตัวกันในวังวนผลประโยชน์อันแน่นแฟ้น
"น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแบบนี้อยู่ได้ไม่นานหรอก" ลุคพึมพำเบาๆ ในใจ
ไม่ว่าจะเป็นชาวไอริชหรือชาวอิตาลี
อิทธิพลพวกเขาก็แค่เพียงชั่วคราว
ถึงแม้ฝั่งไอริชจะทำสำเร็จในการช่วยให้เคเนดีได้ตำแหน่งประธานาธิบดี และฝั่งอิตาลีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ผู้อำนวยการคนแรกของเอฟบีไอ
สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับนักเลงก็คือ พวกเขาคือผลผลิตที่ผิดรูปผิดร่างจากโครงสร้างอันเป็นระเบียบของสังคม
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อำนาจจะเสื่อมโทรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง และจะถูกลดลงให้เป็นเครื่องมือที่อยู่ในมือของนักการเมืองและคนรวย คงเป็นการยากที่จะทวงคืนความรุ่งโรจน์จากอดีต
‘ในมาร์เวล พวกชาวแก๊งค์ไม่มีอนาคตหรอก แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าพ่อหรือหัวหน้าแฟมิลี่ก็ตาม!’
นี่คือความคิดในใจของลุค
เมื่อเห็นลุคไม่แยแส แฟรงค์ก็หมดความอดทน
"ทำไมแกถึงดื้ออย่างนี้วะ? แค่ทำตามที่ลุงขอไม่ได้เรอะไง? เข้าร่วมกลุ่มแล้วแกจะมีอนาคตที่มั่นคง แกรับตำแหน่งต่อจากฉันได้ ทำไมไม่อยากจะทำ? แล้วนี่จะมาเสียเวลากับชีวิตแบบนี้อีกทำไม! โลกข้างนอกมันไม่มีที่ยืนสำหรับแกหรอก!"
เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณจิมมี่ ฮอฟฟา จากสหภาพคนขับรถบรรทุกแห่งชาติ และไม่อยากที่จะทำมันพัง เมื่อเกษียณเขาอาจจะได้ตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ในเครือสหภาพด้วยซ้ำไป
แม้ว่าจะเป็นเพียงตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจ แต่ได้เงินเดือนดีทุกเดือน
ถ้าลุคเข้าร่วมแก๊งค์ มิสเตอร์ฮอฟฟาอาจจะช่วยเหลือลุคให้มีชีวิตสะดวกสบายได้
“ลุงแฟรงค์ ไม่ต้องห่วงผมหรอก นี่ห่มผ้าห่ม ข้างนอกยังหนาวอยู่!”
ลุคไม่ปฏิเสธ และวางผ้าห่มหนาๆ ไว้บนขาของแฟรงก์พร้อมรอยยิ้ม
ถ้าเขาออกรบและร่วมทีมของกัปตันอเมริกาด้วย อาจจะกลายเป็นวีรบุรษสงครามเลยก็ได้!
น่าเสียดายที่ถึงแม้จะกลายเป็นฮีโร่ ในสายตาของเหล่านักการเมืองและเศรษฐีก็ยังคงเป็นแค่เครื่องมือหรือไม่ก็มาสคอตอยู่วันยันค่ำ
ฉะนั้นลุคเลยมีความคิดอื่นผุดขึ้นในหัว
…
ขณะเดียวกัน ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
ในห้องประชุม เจ้าหน้าที่หญิงกำลังรายงานเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจุดเกณฑ์ทหาร ให้ผู้บังคับบัญชาฟัง
“— ผู้พันฟิลลิปส์ ฉันคิดว่าผู้ชายที่ชื่อลุค คาวิลล์น่าจะมีปัญหาค่ะ!”
ถ้าชอบล่ะก็ไปกดติดตามที่เพจหน่อยนะฮับ Thebigcattrans แมวหยิบมาแปล
คอมเม้นกันเยอะๆหน่อยน้า~~